ตอนที่ 748 ศึกแย่งชิงความรัก
ด้วยวิธีนี้ฟางหลิงซู่จึงสามารถเก็บอันหลิงเกอไว้ข้างกายได้ แต่น่าเสียดายที่หัวใจของนางมิเคยมอบให้เขาครอบครองเลยสักครั้ง
ตอนนี้รอบตัวฟางหลิงซู่มีนางสนมอยู่มากพอสมควร น่าเสียดายที่เขามิเคยถามถึงพวกนางเลย ด้านนางสนมพวกนั้นก็ได้แต่แอบนินทาอยู่ลับหลัง ไม่มีผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์หลู่เยว่เยว่อย่างเปิดเผย
ตามหลักแล้วการกระจายความรักให้เท่าเทียมถือเป็นสิ่งที่สมควรทำ แต่สำหรับฟางหลิงซู่แล้ว สตรีวังหลังเหล่านั้นแทบไม่มีผู้ใดเคยถูกเขาเรียกมาปรนนิบัติเลย มีบางครั้งที่พบหน้าโดยบังเอิญเท่านั้น
ทว่าสำหรับสตรีเหล่านี้แล้วฟางหลิงซู่คือท้องฟ้าและเป็นทุกอย่างของพวกนาง น่าเสียดายที่ฟางหลิงซู่ยอมเป็นผืนฟ้าให้หลู่เยว่เยว่แค่ผู้เดียวและมิยอมสนใจสตรีนางอื่นเลย
สนมนางอื่นยังพอทำตัวดีอยู่บ้าง มีเพียงเฝิงผิงจือหลานสาวของท่านราชครูเท่านั้นที่ทำให้ฟางหลิงซู่ปวดศีรษะ เพราะนางชอบมาหาเขาที่ห้องทรงพระอักษรอยู่บ่อยครั้ง แม้ฟางหลิงซู่มิได้ไล่นางออกไปแต่ก็มิชอบนาง
เฝิงผิงจือคนนี้เป็นหลานสาวของราชครูที่เคยสอนอดีตรัชทายาทมาก่อนและนางก็เป็นสหายกับอดีตรัชทายาทมาตั้งแต่เด็ก
หากมิได้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นและไม่มีฟางหลิงซู่เข้ามายุ่งเกี่ยว บัดนี้เฝิงผิงจือก็คงเป็นฮูหยินขององค์รัชทายาทหรือไม่ก็ได้เป็นชายาของประมุขเผ่าไปแล้ว
แน่นอนว่าเฝิงผิงจือมิได้มีความรู้สึกอันใดต่อฟางหลิงซู่ทั้งสิ้น นางแค่ต้องการใช้เขาเพื่อขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้เท่านั้นเพราะตั้งแต่อดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์ ท่านปู่ของนางก็สูญเสียตำแหน่งและทำให้ตระกูลตกต่ำลงทันที
โชคดีที่การคัดเลือกสนมทั้งสี่คนในครานั้นมีขุนนางผู้ใหญ่เลือกแทนฟางหลิงซู่ เช่นนั้นคงไม่มีที่ยืนเหลือให้นาง
กว่าที่นางจะได้ตำแหน่งนี้มาช่างยากลำบาก เฝิงผิงจือจึงต้องพยายามแย่งชิงให้มากกว่าเดิม
สถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้คือนางมิอาจทนเห็นหลู่เยว่เยว่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของวังหลังได้ เพราะนางเคยพบหลู่เยว่เยว่มาก่อนและรู้ว่าสตรีนางนี้มิได้ฉลาดจึงทำให้ในใจของนางรู้สึกริษยายิ่งนัก
ลือกันว่าหลู่เยว่เยว่และฟางหลิงซู่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันตั้งแต่อยู่ที่เมืองหลวงแห่งต้าโจวแล้ว หากนับมาถึงตอนนี้ก็ถือว่ามีความรู้สึกที่ดีให้กันมานานมาก
แต่เฝิงผิงจือเป็นคนฉลาดจึงรู้ว่าภายในใจของหลู่เยว่เยว่มิเคยมีฟางหลิงซู่อยู่เลย
เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็รู้ว่าความพยายามจะเปลี่ยนผลลัพธ์ได้ในมิช้า
จากนั้นเฝิงผิงจือก็ไปหาฟางหลิงซู่ที่ห้องทรงพระอักษรอยู่บ่อยครั้ง นางได้แต่ยืนมองเขาอยู่ห่าง ๆ และฟางหลิงซู่ก็มิเคยเรียกนางให้เข้าไปใกล้เลย
แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็มิเคยพบหน้าชายาประมุขเผ่าในตำนานผู้นั้นเลยสักครั้ง
นางอยากรู้ใจจะขาดว่าหลู่เยว่เยว่วิเศษมาจากไหนจึงสามารถครองหัวใจฟางหลิงซู่ได้เยี่ยงนี้
นางมิเชื่อว่าจะมีสตรีคนใดในใต้หล้าที่ไม่สนใจตำแหน่งชายาประมุขเผ่าและหลู่เยว่เยว่คงเสแสร้งทำมิสนใจ เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็คลี่ยิ้มออกมา
สิ่งที่เฝิงผิงจือทราบเกี่ยวกับชายาประมุขเผ่าผู้นั้นคืออีกฝ่ายมีนามว่าหลู่เยว่เยว่ แต่นางไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นความจริงหรอก
ความพยายามของเฝิงผิงจือก็ไม่มีผู้ใดเทียบได้และจักไม่ยอมแพ้โดยง่าย
เพราะในใจของนางชอบอดีตองค์รัชทายาทมากกว่า นางและรัชทายาทเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก เขาปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีและมิเคยทำให้นางต้องรู้สึกเสียใจมาก่อน
เมื่อก่อนผู้คนต่างรู้ดีว่านางคือว่าที่พระชายาของรัชทายาท ข้างกายของเขาไม่มีสตรีคนอื่นอีก เขามีเพียงนางเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้เพราะฟางหลิงซู่สังหารเขาและนางจึงกลายมาเป็นสตรีที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ
พอคิดมาถึงตรงนี้เฝิงผิงจือก็หงุดหงิด นางคิดว่าที่มาของความโชคร้ายทั้งหมดเป็นความผิดของฟางหลิงซู่ !
ทำให้นางเกลียดเขามาก ทว่ายังต้องใช้เขาเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งสูงสุดเพราะฟางหลิงซู่คือประมุขเผ่าคนปัจจุบัน
ตอนนี้เผ่าปิงชวนกระตือรือร้นที่จะขยายอำนาจ ส่วนท่านปู่ของนางก็ชำนาญการทำศึก หากเขาสอนมันกับนางก็จะใช้มาเอาใจฟางหลิงซู่ได้
แต่จักเข้าใกล้ฟางหลิงซู่ได้เยี่ยงไร ? พลันเฝิงผิงจือก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา…
หากจะบอกว่าฟางหลิงซู่เชื่อใจใครในเผ่าปิงชวน คนผู้นั้นก็คงเป็นบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่ผู้มีนามว่าซูฉือหวู่
คนผู้นี้อายุใกล้เคียงกับฟางหลิงซู่และตอนนี้ก็ได้รับความสำคัญมากด้วย
หากขอร้องให้เขาช่วยแนะนำนางให้ฟางหลิงซู่รับรู้ บางที่นางอาจหาจุดยืนให้ตัวเองได้ โชคดีที่ตระกูลเฝิงและตระกูลซูมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เขาอาจจะยอมช่วยนาง
จากนั้นเฝิงผิงจือก็เขียนจดหมายแล้วให้นางกำนัลนำไปส่ง ซึ่งนางกำนัลผู้นั้นฉลาดเฉลียวยิ่งนักเพราะแกล้งทำเป็นชนกับแม่ทัพน้อยซูบนท้องถนน ในเวลานั้นก็ได้ยัดซองจดหมายลงในแขนเสื้อของเขา เพียงเท่านี้หน้าที่ของนางก็เสร็จสิ้น
…
หลังจากนั้นสามวัน ซูฉือหวู่ก็มิได้ยินประมุขเผ่าเรียกเฝิงผิงจือเข้าพบเสียที เขาจึงรู้สึกผิดหวังพอสมควรเนื่องจากตระกูลซูและตระกูลเฝิงช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ทำให้ซูฉือหวู่ตัดสินใจไปพบฟางหลิงซู่สักครั้ง
ส่วนเฝิงผิงจือก็รอมาสามวันแล้ว นางเองก็รู้สึกผิดหวังเหมือนกัน
ทำให้นางไปยืนรอที่หน้าห้องทรงพระอักษรของฟางหลิงซู่เพื่อให้เขาสามารถเรียกนางได้ทุกเวลา
วันนี้ซูฉือหวู่เดินมาถึงหน้าห้องก็เห็นเฝิงผิงจือยืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว พวกตนเคยพบกันมาก่อนเพราะนางเคยติดตามท่านราชครูมาที่แห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง
“พระสนมเฝิง” ซูฉือหวู่โค้งคำนับให้ เมื่อเฝิงผิงจือเห็นว่าเป็นเขาแล้ว ดวงตาของนางก็เปล่งประกายทันที นางย่อตัวคำนับกลับ ส่วนซูฉือหวู่ก็พยักหน้าเล็กน้อยและส่งสัญญาณให้นางตามเข้าไป
พอเห็นซูฉือหวู่แสดงท่าทีเช่นนั้น เฝิงผิงจือก็รู้สึกตื่นเต้นทันที นางมิเคยคาดหวังมาก่อนว่าซูฉือหวู่จะจดจำและใส่ใจเรื่องของนางมากเพียงนี้
ตอนซูฉือหวู่เห็นเฝิงผิงจือแล้วหัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมา
หารู้ไม่ว่าเฝิงผิงจือก็ใจเต้นแรงเช่นกัน ตอนวัยเด็กซูฉือหวู่มิได้รับความสนใจจากผู้คนแต่ตัวเขาในเวลานี้ได้รับความสำคัญจากฟางหลิงซู่ อีกทั้งยังดูมีเสน่ห์และหล่อเหลายิ่งนัก
“คารวะท่านประมุขเผ่าพ่ะย่ะค่ะ”
“คารวะท่านประมุขเผ่าเพคะ”
ขณะที่เฝิงผิงจือกำลังงุนงงอยู่นั้น ซูฉือหวู่ก็คุกเข่าลงแล้ว เมื่อเห็นว่าตรงหน้าคือฟางหลิงซู่ นางจึงรีบย่อตัวคุกเข่าตามซูฉือหวู่เพื่อคารวะ
“ลุกขึ้นเถิดแม่ทัพน้อยซู กู่เหนียงผู้นี้คือ ? ” แม้ฟางหลิงซู่รู้ถึงการมีอยู่ของเฝิงผิงจือ แต่เขาก็มิเคยมองนางดี ๆ เลยสักครั้ง ตอนนี้นางมาอยู่ตรงหน้าแล้วเขาจึงมิรู้ว่านางเป็นใคร
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฝิงผิงจือก็เม้มริมฝีปากแน่นและรู้สึกเศร้าใจ นางเป็นสนมของเขาแต่เขามิรู้แม้แต่ชื่อของนางจนต้องให้ขุนนางคนหนึ่งมาเตือนสติ
พอคิดได้แบบนี้ เฝิงผิงจือจึงไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเพราะหากมิทำอันใดเลยนางก็คงแก่ชราและตายอยู่ในวังหลังเหมือนสนมคนอื่น
“หม่อมฉันคือหลานสาวของท่านราชครูเฝิงมีนามว่าเฝิงผิงจือเพคะ” เฝิงผิงจือคุกเข่าลงและมิได้แสดงท่าทีประจบประแจงอันใด เพียงเงยหน้ามองฟางหลิงซู่เท่านั้น
ตอนพบฟางหลิงซู่ครั้งแรก เฝิงผิงจือก็รู้อยู่แล้วว่าบุรุษผู้นี้มิชอบสตรีอ่อนแอและบอบบาง ดังนั้นสิ่งที่นางต้องทำก็คือแสดงให้เขาเห็นเสน่ห์และความฉลาดของตน ทำให้เขาเห็นถึงความสามารถของนาง !
“ท่านประมุขเผ่า นางก็คือสตรีผู้ชำนาญการศึกที่กระหม่อมเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ” ซูฉือหวู่เห็นฟางหลิงซู่ขมวดคิ้วจึงรีบช่วยอธิบายแทนเฝิงผิงจือทันที