ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 433 จอมยุทธ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมืองสินธุเสถียร เมืองหลวงของประเทศฟู่หรานเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่

สำนักเมฆาโลหิตซึ่งปกครองแดนใต้ของโลกลอยน้ำรู้สึกเดือดดาล

ปี่เซียะภูเขา สัตว์ปีศาจที่มีอยู่แค่ในตำนานหลังมหาภัยพิบัติปรากฏตัวขึ้น

ข่าวสารมากมายทำให้ขุมกำลังทั่วทั้งโลกลอยน้ำให้ความสนใจ

ฝั่งตะวันตกของโลกลอยน้ำมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เป็นอาณาเขตของสำนักเขามังกรเขียว หนึ่งในสี่สำนักมาโดยตลอด

ส่วนสำนักกระเรียนหิมะตั้งอยู่ระหว่างภูเขาด้านตะวันตก ก่อตั้งสำนักขึ้นโดยยึดบริเวณภูเขาหิมะสะพานหยก

สำนักเพิ่งก่อตั้งได้ไม่เกินสิบกว่าปี แต่ว่าก็กลายเป็นสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงแล้ว

นอกจากบุตรีของ ‘กระเรียนหยก’ ซูอวิ๋น จะแต่งงานกับบุตรของเจ้าสำนักเขามังกรเขียวแล้ว ตัวซูอวิ๋นเองก็มีพลังโดดเด่น เป็นที่เคารพในหมู่ยอดฝีมือ สมกับสุภาษิตผ้าโพกศีรษะไม่แพ้หนวดเครา[1]

พวกเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ จุดหมายคือภูเขาหิมะสะพานหยก

“การเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในโลกลอยล้ำไม่เหมาะกับการฝึกหายใจของจอมยุทธ์อย่างพวกเรา ตามปกติแล้ว การฝึกยุทธ์ของที่นี่ใช่ว่าจะไม่มีอนาคต แต่ต้องใช้ความพยายามเป็นเท่าตัว” สวีเฟยเดินไปพลาง พูดไปพลาง “อายุขัยของคนมีจำกัด ถ้าหากเลื่อนระดับเพื่อเพิ่มอายุขัยไม่ทันเวลา ก็เป็นไปได้ว่าจะชราตายเสียก่อน”

ขณะที่พูด เขาก็ถอนใจเฮือกหนึ่ง “ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีวาสนาที่ดี เจ้าสำนักซูผู้นี้เกรงว่าจะไม่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะแห่งยุค”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ทราบเลยว่านางมีพลังฝึกปรือระดับไหน”

สวีเฟยเอ่ยขึ้น “ไม่น่าจะต่ำเกินไปนัก นางเพิ่งมีชื่อเสียงได้ไม่เกินสิบกว่าปี ตามระดับความยากในการฝึกยุทธ์ของโลกลอยน้ำ นับว่าไม่ง่าย โดยเฉพาะตามคำพูดของเจ้า คนอื่นในสำนักกระเรียนหิมะเหมือนจะมีฝีมือธรรมดา เมื่อเทียบกันแล้ว จึงยิ่งล้ำเลิศกว่าเดิม”

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ แฃะอิงหลงถูในตอนนี้เข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงยามนี้กล่าวว่า “ความธรรมดาของคนอื่น เมื่อเทียบกับความยากในการฝึกยุทธ์ของที่นี่แล้ว อาจจะถือว่าเป็นปกติ”

ทุกคนพากันพยักหน้า

ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “หลังมหาภัยพิบัติ มหาอำนาจแปดพิภพไม่เคยค้นพบมาก่อน แต่ก่อนมหาภัยพิบัติ เคยมีการบันทึกไว้ว่า ปรากฏคุณสมบัติที่แปลกประหลาด ถูกเรียกว่าร่างแห่งแหล่งชีวิต และถูกเรียกว่าน้ำจากแหล่งแห้งแล้ง หรือไม่ก็ร่างแห่งการเดินเรือบนทะเลลึก”

พวกเฟิงอวิ๋นเซิง และสวีเฟยได้ยินดังนั้นต่างรู้สึกตื่นเต้น หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอนึกย้อนไปพลาง เล่าให้ฟังไปพลาง “ในสถานการณ์ปกติ ร่างแห่งแหล่งชีวิตไม่มีจุดพิเศษอันใด ไม่แตกต่างกับคนธรรมดา แต่หากอยู่ในกลียุคที่มีปราญวิญญาณขาดแคลนแทบจะแห้งเหือด คนทั่วไปยากจะหายใจเอาปราณวิญญาณเข้ามาหลอมรวมได้ แต่ว่าจอมยุทธ์ที่ครอบครองร่างแห่งแหล่งชีวิตสามารถฝึกปรือได้เหมือนปกติ เสมือนการบุกเบิกท้องนาแห้งแล้ง เกิดแหล่งน้ำขึ้นมา”

“พูดง่ายๆ ก็คือ สมมติมีคนครอบครองร่างแห่งแหล่งชีวิต เมื่ออยู่ในมหาอำนาจแปดพิภพในปัจจุบัน จะมีความสามารถเหนือธรรมดา แน่นอนว่าอาจจะมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ แต่ก็ต้องดูคุณสมบัติแต่กำเนิดทางด้านอื่นด้วย ว่าเกี่ยวข้องกับร่างแห่งแหล่งชีวิตหรือไม่”

“แต่คนเช่นนี้ หากมายังโลกลอยน้ำพร้อมกับคนอื่น จุดเริ่มต้นของผู้อื่นจะมีข้อจำกัด ลำบากกว่าการฝึกฝนในมหาอำนาจแปดพิภพร้อยเท่าพันเท่า คนที่มีร่างแห่งแหล่งชีวิตกลับเหมือนเดินอยู่บนพื้นราบ ไม่แตกต่างกับตอนฝึกในมหาอำนาจแปดพิภพ”

ทุกคนได้ยินดังนั้นต่างจุ๊ปากชมเชย “โลกทุกใบล้วนมีข้อแตกต่าง เต็มไปด้วยความอัศจรรย์จริงๆ”

สวีเฟยถาม “เจ้าสงสัยว่าเจ้าสำนักซูเป็นร่างแห่งแหล่งชีวิตหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “เป็นแค่ความเป็นไปได้หนึ่งเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะเจ้าสำนักซูมีพรสวรรค์ล้ำเลิศเหนือจินตนาการของพวกเรา หรืออาจจะเป็นเพราะได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่อันใดก็ได้”

ทุกคนพูดคุยในขณะที่เดินทาง เมื่อผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง ภูเขาหิมะขาวโพลนก็ปรากฏขึ้นที่สุดปลายสายตา

ชายหนุ่มกวาดสายตามอง เห็นบนภูเขาหิมะในตอนนี้มีเงาคนกระจายอยู่ คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง

เมื่อมองดูให้ละเอียด เงาคนเหล่านั้นต่างสวมชุดจอมยุทธ์ ใส่ผ้าคลุมขนกระเรียน คล้ายกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหิมะที่อยู่รอบๆ

ด้วยพลังสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาเห็นบนเสื้อผ้าของพวกเขาล้วนปักลวดลายปีกแสงของกระเรียนหิมะไว้

เห็นดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอพลันเข้าใจ รู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนในสำนักกระเรียนหิมะ

หลังจากพิจารณาคร่าวๆ อยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจ จอมยุทธ์กระเรียนหิมะเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับหลอมกาย คนที่หลอมปราณเป็นจิตราได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

สวีเฟยกับอาหู่ก็มองจอมยุทธ์ที่คล้ายรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหิมะเหล่านั้นเช่นกัน

“หรือคนเหล่านี้กำลังตามหาพวกเราอยู่” สวีเฟยขมวดคิ้ว “หรงจื้อจากสำนักเมฆาโลหิตหาว่าพวกเรามีความเกี่ยวข้องกับสำนักกระเรียนหิมะ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบว่าเหตุใดเขาถึงได้เดาเช่นนั้น แต่เมื่อข่าวแพร่ออกมา กลับไม่น่าประหลาดใจ”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ความหมายของศิษย์พี่สวีเฟยคือ เนื่องจากไม่ทราบถึงรายละเอียดและวัตถุประสงค์ของพวกเรา สำนักกระเรียนหิมะจึงเตรียมจัดการพวกเราก่อนหรือเจ้าคะ”

อาหู่เกาศีรษะ “แต่ว่าจอมยุทธ์หลอมกายเหล่านี้จะรับมือพวกเราได้อย่างไร พลังฝึกปรือห่างชั้นกันเกินไป พวกเราเดินผ่านพวกเขาได้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”

“ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เอาจริงตอนอยู่ที่ประเทศฟู่หราน แต่ก็น่าจะรู้ว่าแนวป้องกันที่เกิดจากจอมยุทธ์หลอมกายมารวมตัวกัน ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น”

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โยนหินถามทางกระมัง อีกฝ่ายไม่รู้จักพวกเราจริงๆ อีกทั้งยังไม่มุ่งหวังให้จอมยุทธ์หลอมกายเหล่านี้พบพวกเรา สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการก็คือ ให้พวกเราพบจอมยุทธ์กระเรียนหิมะเหล่านี้ต่างหาก”

เฟิงอวิ๋นเซิงพึมพำ “ถ้าหากต้องการให้พวกเรามาที่สำนักกระเรียนหิมะ ย่อมต้องติดต่อด้วยตัวเอง และพาพวกเราไปพบเจ้าสำนักซูอวิ๋นผ่านลูกศิษย์สำนักกระเรียนหิมะเหล่านี้ ”

สวีเฟยพยักหน้า “ไม่ว่าพวกเราจะประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย ล้วนหลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนในสำนักกระเรียนหิมะไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “เป็นเช่นนั้นเอง พวกเราลงไปกันเถอะ”

ทุกคนมองหน้ากันพร้อมกับยิ้ม แล้วพุ่งลงจากกลางอากาศไปยังภูเขาหิมะ

พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ปิดบังร่องรอย ไม่ได้กลบซ่อนกลิ่นอาย พลางเดินอย่างเชื่องช้าอยู่กลางพื้นหิมะเหมือนกับการปีนภูเขาในวันอากาศดี

ไม่ทันไร ก็มีจอมยุทธ์กระเรียนหิมะพบพวกเขา

“ภูเขาหิมะสะพานหยกเป็นอาณาเขตที่อยู่ในการปกครองของสำนักกระเรียนหิมะ พวกท่านมาจากที่ใด ได้โปรดแจ้งชื่อด้วย”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าว เยี่ยนจ้าวเกอก็ตอบด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “เพียงแจ้งเจ้าสำนักของท่าน ว่าลูกหลานของสหายเก่ามาเยี่ยมเยียนก็พอ ”

หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอค่อยเสริมต่อ “สหายเก่าเมื่อสามสิบปีก่อน”

ลูกศิษย์สำนักกระเรียนหิมะมองหน้ากันเอง ชายชราผู้หนึ่งเดินแหวกกลุ่มคนออกมา “พวกท่านช่วยรอสักครู่”

ครั้นพูดจบก็หันไปมองด้านข้าง จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า ก่อนจะหมุนกายผละไป

สวีเฟยเห็นดังนั้นก็เอ่ยว่า “ดูเหมือนเจ้าสำนักซูจะอยู่ใกล้ๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “รออยู่ในทิศทางที่มาจากประเทศฟู่หราน เพิ่งจะมาถึงภูเขาหิมะแห่งนี้เพื่อรอพวกเรา”

เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “สำนักเขามังกรเขียวก็น่าจะได้รับข่าวสารเร็วเช่นกันกระมัง”

“น่าจะเร็วอยู่พอควร ถึงอย่างไรภูเขาหิมะสะพานหยกก็นับว่าเป็นอาณาเขตที่สำนักเขามังกรเขียวแผ่อำนาจถึง สำนักกระเรียนหิมะพึ่งพาสำนักเขามังกรเขียวอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอให้ความสนใจจอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะเหล่านั้น “แต่ว่าตอนนี้ข้าค่อนข้างสนใจเรื่องหนึ่ง”

“คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีศิลาวิญญาณชั้นยอด อีกทั้งคุณสมบัติยังไม่เลว กระทั่้งปริมาณการผลิตก็ไม่ต่ำต้อยด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาเป็นประกาย

……………………………………….

[1] ผ้าโพกศีรษะไม่แพ้หนวดเครา หมายถึง สตรีไม่แพ้บุรุษ