ขณะถังซีโพสต์ท่า ช่างภาพก็ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ หนิงเหยี่ยนกล่าวว่า “ดีมาก! ความงามของคุณเป็นธรรมชาติมาก และนั่นคือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับฤดูกาลนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฮ่อหว่านอีที่กำลังจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็หยุดก้าวเดินทันที แล้วหันกลับมามองถังซี จากนั้นดวงตาเธอก็หรี่ลง เธอยิ้มให้ตัวเองพร้อมกับบ่นพึมพำ “นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคู่ควรกับผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้นี่แหละ จริงไหม”
เฉียวเหลียงซึ่งกำลังดูพวกเขาถ่ายภาพ ขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของเฮ่อหว่านอี แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เฮ่อหว่านอีใช้เวลาไม่นานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ถังซีกำลังจะไปเปลี่ยนบ้าง ขณะเดินผ่านเฮ่อหว่านอีเธอยิ้มให้เฮ่อหว่านอีซึ่งพยักหน้าให้เธอ ถังซีสังเกตเห็นว่าเฮ่อหว่านอีทำตัวแปลกไปเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าตอบเฮ่อหว่านอีอย่างสุภาพ แล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถตู้
เมื่อถังซีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเฮ่อหว่านอียังไม่ได้เริ่มถ่าย ถังซีมองหน้าหนิงเหยี่ยนด้วยสายตามีคำถาม เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ถึงเวลาที่ราชินีทั้งสองต้องถ่ายภาพร่วมกันแล้ว”
เฮ่อหว่านอีขมวดคิ้ว “เราต้องอยู่ในภาพเดียวกันด้วยกันเหรอ”
ถังซีอยากให้มีภาพแบบนี้ ตอนที่เธอคุยเรื่องการถ่ายทำกับหนิงเหยี่ยน เธอเสนอให้ถ่ายโปสเตอร์ร่วมกันทั้งสองคนด้วย
เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการถ่ายทำวิดีโอแนะนำสินค้า เธอจึงเสนอความคิดนี้ให้หนิงเหยี่ยนพิจารณา ซึ่งเขาเห็นด้วย แต่บอกไว้ว่าเขาจะพิจารณาการถ่ายทำโปสเตอร์คู่ ถ้าหากว่าถังซีทำได้ดี ตอนนี้เธอเพิ่งถ่ายภาพเพื่อทำโปสเตอร์ไปแค่สองชุด และหนิงเหยี่ยนบอกให้พวกเธอถ่ายโปสเตอร์คู่ นั่นหมายความว่าเธอทำได้ดีมาก
หนิงเหยี่ยนพยักหน้า “ใช่แล้ว ในเมื่อเราสามารถเชิญทั้งราชินีแห่งวงการธุรกิจและวงการบันเทิงมาได้ เราจึงควรถ่ายทำโปสเตอร์คู่ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ถังซีได้ร่วมมือกับบริษัทแฟชั่น และเธอเป็นคนแรกจากวงการบันเทิงที่ถังซีได้ร่วมงานด้วย ฉันคิดว่าเธอสองคนน่าจะมีเคมีตรงกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเฮ่อหว่านอีก็เลิกคิ้ว มองหน้าหนิงเหยี่ยนถามว่า “คุณหมายความว่าฉันควรรู้สึกเป็นเกียรติใช่ไหม”
หนิงเหยี่ยนขมวดคิ้ว “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“เป็นเกียรติของฉันค่ะ” ถังซีกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่คุณเฮ่อ ฉันก็คงไม่มีโอกาสแบบนี้ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับคุณเฮ่อค่ะ”
แม้เฮ่อหว่านอีจะไม่พอใจกับคำพูดของหนิงเหยี่ยน แต่เธอก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี
เฮ่อหว่านอีหน้าแดง ยกมือขึ้นและเกาผมอย่างเคอะเขิน กล่าวว่า “ชมฉันเกินไปแล้วค่ะ คุณถัง หนิงเหยี่ยนพูดถูก คุณยอดเยี่ยมมาก คุณไม่เพียงเป็นตำนานในวงการธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการแฟชั่นอีกด้วย คุณเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับคุณ”
ถังซีเองก็เริ่มรู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินเฮ่อหว่านอียกย่องเธอเช่นนี้ เธอยิ้มเขินๆ กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเรามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ”
เฮ่อหว่านอีสูดลมหายใจ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตกลงค่ะ”
หนิงเหยี่ยนมองเธอทั้งสองคนแล้วเลิกคิ้ว เขาพบว่าถังซีคนนี้มีความพิเศษจริงๆ เธอสังเกตเห็นทันทีว่าท่าทีของเฮ่อหว่านอีนั้นแปลกๆ และสามารถเปลี่ยนทัศนคติของเฮ่อหว่านอีที่มีต่อเธอได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขาสงสัยว่าเป็นเพราะถังซีฉลาด หรือเพราะเธอมีเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนกันแน่
ไม่นานทั้งสองก็เริ่มถ่ายภาพ เธอสองคนทำงานเข้าขากันได้อย่างกลมกลืน ราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมาช้านาน ในภาพหนึ่งนั้นถังซีต้องนั่งบนเก้าอี้และเฮ่อหว่านอียืนอยู่ข้างๆ ถังซีรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะตามปกติตอนที่เธอเป็นเซียวโหรวเธอเรียกเฮ่อหว่านอีว่าพี่หว่านอี แต่ตอนนี้เธอต้องเป็นคนนั่ง ในขณะที่เฮ่อหว่านอียืน เธอจึงรู้สึกไม่คุ้นเคย
ดูเหมือนว่าเฮ่อหว่านอีจะรู้ว่าถังซีคิดอะไรอยู่ เธอจึงวางมือลงบนไหล่ถังซี ถังซีขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเฮ่อหว่านอีด้วยความประหลาดใจ เฮ่อหว่านอียิ้ม กล่าวกับเธอเบาๆ ว่า “คุณถังนี่ยอดเยี่ยมกว่าที่ฉันคิด ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีคนชื่นชอบคุณมากมาย”
ถังซีขมวดคิ้ว มองหน้าเฮ่อหว่านอี ดวงตาเธอฉายแววประหลาดใจ เฮ่อหว่านอีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรักผู้ชายคนหนึ่ง และรักมานาน แต่แล้วฉันก็พบภาพถ่ายของคุณในแล็ปท็อปของเขา ฉันเสียใจมาก และสงสัยว่าทำไมเขาถึงรักคุณแทนที่จะเป็นฉัน แต่ตอนนี้ฉันรู้เหตุผลแล้ว คุณดีกว่าฉันจริงๆ”
ถังซีขมวดคิ้ว กะพริบตาปริบๆ พี่หว่านอีรักเฉียวเหลียงหรือ!
ในช่วงนั้นนั่นเองหนิงเหยี่ยนก็กดชัตเตอร์แล้วหัวเราะ “รูปนี้สมบูรณ์แบบมาก”
ถังซีไม่ได้หันไปมองหนิงเหยี่ยน แต่หันไปสบตาเฮ่อหว่านอีอีกครั้ง และถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “ฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าผู้ชายที่คุณรักคือใคร”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้จักเขาหรือเปล่า แต่ฉันแน่ใจว่าเขารู้จักคุณ” จากนั้นเธอก็ยิ้มขำตนเอง “ถ้าเขาไม่รู้จักคุณ เขาจะตกหลุมรักคุณได้ยังไง จริงไหมคะ”
“คุณผู้หญิงครับ โทรศัพท์ครับ” ขณะที่เฮ่อหว่านอีกำลังจะกล่าวต่อไป เฉียวเหลียงก็ถือโทรศัพท์เดินเข้ามา เขาขัดจังหวะเฮ่อหว่านอีและกล่าวกับถังซีว่า “จากคุณเซียวครับ”
ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียง “คุณเซียวเหรอ” ให้ตายเถอะ ก็คุณเซียวนั่งอยู่นี่ไง ไม่ใช่หรือ
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี พยักหน้าถามว่า “จะไม่รับสายหรือครับ คุณผู้หญิง”
ถังซีเดินไปรับสาย พร้อมกับหรี่ตามองเฉียวเหลียง และถามเสียงเข้ม “คุณคือผู้ชายที่พี่หว่านอีรักเหรอ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ขณะที่ถังซียกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ตาจ้องเฉียวเหลียงเขม็ง “ทำไมถึงมองฉันแบบนี้ เป็นคุณจริงๆ ใช่ไหม!”
“เธอรักเซียวเหยา” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ถังซีเบิกตากว้าง จ้องมองเฉียวเหลียง “อะไรนะ!”
ท่าทางแบบนี้ก็แปลว่าเฉียวเหลียงรู้แล้วใช่ไหมว่าพี่เหยาชอบเธอ เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ใช่ แต่เขาชอบคุณ” เฉียวเหลียงมองลึกเข้าไปในดวงตาถังซีและกล่าวว่า “เฮ่อหว่านอีหลงรักเซียวเหยามาตั้งแต่เด็กๆ แต่เธอไม่กล้าสารภาพรักกับเซียวเหยา”
ถังซีขมวดคิ้ว “แล้วเธอหมายความว่ายังไง กับคำพูดของเธอ”
เธอต้องแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่รู้ว่าพี่เหยาชอบเธอ! ไม่อย่างนั้นเฉียวเหลียงจะหึงอีก! โอย ไม่เอาอีกแล้ว…
เฉียวเหลียงหรี่ตาจ้องหน้าถังซี ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจหรอก คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้น เพราะถึงยังไงคุณก็เป็นคนที่ไม่รู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”
ถังซีทำเสียงคำรามเบาๆ เป็นคำตอบ และไม่ปฏิเสธเขา ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เฉียวเหลียงจะคิดว่าเธอไม่รู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เฉียวเหลียงจะไม่มีวันรู้ว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าพี่เหยาชอบเธอ และพี่เหยาก็จะไม่มีทางรู้เช่นกัน ว่าเธอรู้มานานแล้วเรื่องความรักที่เขามีต่อเธอ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครต้องกระอักกระอ่วนใจ