เวลาบ่ายโสงมองตรง ผู้อาวุโสหูก็ปรากฏตัวตามเวลาที่นัดหมายไว้ จ่านป๋ายเดินไปเปิดประตู
ผู้อาวุโสหูยังคงเหมือนเดิม เขาแต่งกายด้วยชุดกังฟูยาวสีน้ำเงิน การแต่งกายลักษณะนี้ช่างไม่เกรงกลัวว่าเดินไปไหนในเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วจะถูกคนมองหรืออย่างไรกัน ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อหน้าประตูมีแขกมาเยือน เธอจึงได้แต่รีบทักทายเขา “ผู้อาวุโสหูเชิญนั่งก่อนค่ะ”
“อ่อ!” ผู้อาวุโสหูยิ้ม “สาวน้อยจินเหลียน คนแก่อย่างผมก็นำของฝากขึ้นชื่อเล็กๆ น้อยๆ มาให้น่ะ ออกไปดูข้างนอกที แล้วเอาของในรถย้ายเข้ามาในบ้านให้หน่อย” ผู้อาวุโสหูพูดระหว่างที่ตัวเองเดินย่างเข้ามาในบ้านแล้ว ชายคนนี้ได้ยินว่าแก่กว่าชายชราหลินกับเจียหยวนฮว่าค่อนข้างมาก แต่กระดูกกระเดี้ยวเรี่ยวแรงดูไม่ออกเลยสักนิดว่าแก่
“อะไรนะครับ?” จ่านป๋ายได้แต่งงงวย ของฝากขึ้นชื่อ? นี่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นของแบบไหนกัน
“ไปเถอะ อยู่ที่กระโปรงรถด้านหลังน่ะ ระวังหน่อยแล้วกัน อย่าทำให้แตกล่ะ!” ผู้อาวุโสหูลูบเคราแล้วเบิกตากว้าง พูดพลางหย่อนกายลงนั่งไปที่โซฟาของซีเหมินจินเหลียน ท่าทางไม่ได้มีความเกรงใจเห็นเป็นคนนอกเลยสักนิด
“เอ่อ…ครับ” จ่านป๋ายไม่มีทางเลือกได้แต่เดินออกไปข้างนอก
“ผู้อาวุโสคะ รถของคุณไม่ได้ล็อคไว้หรอกเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนกระแอมไอสองที เพื่อส่งเสียงเตือนเขา
จ่านป๋ายเลยตั้งใจหยุดฝีเท้าลงและหมุนตัวไปคุยกับผู้อาวุโสหู “จริงสิครับ ผู้อาวุโส คุณยังไม่ได้ให้กุญแจรถผมเลยนะครับ”
ผู้อาวุโสหู สัมผัสได้ถึงความหมายบางอย่างเลยหันไปยิ้มให้กับซีเหมินจินเหลียนแล้วหยิบกุญแจรถโยนไปให้ “ความคิดของสาวน้อยซับซ้อนไม่เบา”
“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
จ่านป๋ายก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหูท่านนี้จะเอาของฝากอะไรมาให้ ข้างนอกมีรถฮัมเมอร์จอดอยู่หน้าประตูคันหนึ่ง เมื่อเปิดกระโปรงรถออก เป็นอย่างที่คิดไว้ มีกระสอบป่านเก่าๆ ขนาดใหญ่วางไว้อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นของอะไร สัญชาตญาณของเขายื่นมือไปแตะมัน เมื่อแตะจ่านป๋ายก็สีหน้าเปลี่ยน ไม่ต้องดูก็เดาได้ว่าภายในกระสอบข้างในใส่อะไรไว้อยู่
ตอนนั้น จมูกของเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นพิเศษเหม็นลอยเข้ามา
“หวังว่าซีเหมินจินเหลียนคงจะชอบสิ่งนี้นะ” จ่านป๋ายบีบจมูกกลั้นหายใจแบกกระสอบป่านเข้ามาในบ้าน
“อะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนเมื่อเห็นกระสอบป่านพุพังนั้น ก็ช่างดูเข้ากับสไตล์ตัวผู้อาวุโสหูเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเขาหากระสอบป่านโบราณนี้มาจากที่ไหน
“เปิดออกมาดูสิ!” ผู้อาวุโสหูพูดอย่างภาคภูมิใจ
จ่านป๋ายจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสหู ไม่ช้าก็ทำการเปิดแกะกระสอบ ใช้แรงทั้งหมดนำของที่อยู่ในกระสอบออกมา ของสิ่งนั่นยิ่งส่งกลิ่นเหม็นประหลาดอบอวนกระแทกจมูกไปทั่ว
“ทุเรียน?” ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อเห็นฉายาของทุเรียน ที่เรียกว่า ‘ราชาแห่งผลไม้’ ลูกใหญ่มีหนามแข็งที่แหลมคม เสริมกับกลิ่นหอมที่แปลกประหลาด จำนวนไม่มากไม่น้อย แปดลูกพอดี
ผู้อาวุโสท่านนี้หาเรื่องมาเซอร์ไพรส์ได้ไม่หยุด มาส่งของถึงหน้าประตูบ้าน แล้วยังเป็นของที่คาดไม่ถึงอีก?
“ผู้อาวุโสหูคะ คุณมาก็พอแล้ว ยังจะต้องเอาของฝากอะไรมาด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนเจตนาพูดขึ้น เธอก็ชอบกินผลไม้ ทุเรียนก็กิน อีกอย่างก็ไม่ได้รู้สึกว่ากลิ่นของมันเหม็นแต่อย่างไร แต่เมื่อเห็นผู้อาวุโสหูเอาทุเรียนมามากมายขนาดนี้ เธอก็รู้สึกแปลกใจ
จ่านป๋ายถอยหลังไปเล็กน้อย เพื่อหลบหนีกลิ่นของทุเรียน ก่อนจะมองไปที่ผู้อาวุโสหูอีกครั้ง ผู้อาวุโสท่านนี้ก็จงใจอย่างแน่นอน เพราะกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ไม่ได้เหม็นธรรมดาเลย
“โอเค ไม่ต้องพูดแล้ว เอาหยกนั้นมาให้ผมดูหน่อยได้ไหม” ผู้อาวุโสหูหันไปมองที่จ่านป๋ายด้วยสีหน้าปกติ
“ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าเดินไปที่ข้างหน้าหินหยกนั่น เปิดผ้าขนหนูที่คลุมไว้ออกแล้วยิ้ม “ผู้อาวุโสหูจะดูอะไรก็ตามสบายเถอะค่ะ”
ผู้อาวุโสหูรีบเดินจ้ำอ้าวไปอยู่ข้างหน้าโต๊ะไม้นั่น จากนั้นก็นั่งลงกับพื้นยื่นมือไปสัมผัสหยกก้อนนั้น จดจ้องไปที่ตัวงู สีหน้าของเขาตอนนี้เหมือนกับจ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนครั้งแรกที่ท่าทางตกใจจนสุดขีด
“ฉันมีอายุขนาดนี้แล้วก็คิดไม่ถึงว่า จะได้เห็นรูปร่างของมันอย่างแท้จริง…” ผู้อาวุโสหูมือสั่นระริก แล้วสัมผัสไปที่หินราชางูก้อนนั้น
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกกังวลใจแทน ผู้อาวุโสหูไม่ได้มีโรคความดันสูง หรือเป็นโรคอะไรใช่ไหม? คนแก่ปูนนี้ถ้าได้รับอะไรสะเทือนใจ อาจจะทำให้ยิ่งอาการหนัก…
“ผู้อาวุโสหู มันก็แค่งูที่กลายเป็นหยกแล้วไม่ใช่หรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนเจตนาพูดไปอย่างนั้น
“งูที่กลายเป็นหยก?” ผู้อาวุโสหูพูดย้ำสิ่งที่ซีเหมินจินเหลียนพูดอีกครั้ง ส่วนสายตายังไม่ละวางไปจากงูที่อยู่ในหยกก้อนนั้น…
ซีเหมินจินเหลียนตัดสินใจไม่รบกวนเขาแล้ว ในเมื่อเขานั่งดูอย่างเงียบๆ เธอรู้ว่างูที่อยู่ข้างในหยก มันช่างมาพร้อมกับความสะเทือนใจให้กับผู้ที่พบเห็น ไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันเหมือนกับสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่เพราะว่ามันห่างไกลจากโลกความเป็นจริง แต่เป็นเพราะว่าผิวของงูมันช่างเหมือนของคนเหลือเกิน มันเป็นไปได้ที่จะโค่นล้มทฤษฎีทั้งหมดของบรรพชีวินวิทยาที่ได้กล่าวไว้
บางทีนี่อาจจะเป็นผลที่เกิดขึ้นหลังจากกลายเป็นหยกแล้ว? ซีเหมินจินเหลียนคิดแบบนี้ เดิมทีลำตัวของงูตัวนี้ทั้งหมดเป็นสีดำ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในหยกมานานเลยทำให้กลายเป็นหยก เมื่อมองเลยทำให้คล้ายกับผิวของคน แต่ถ้าหากกลายเป็นหยกไปแล้ว หงอนที่อยู่บนหัวของมันทำไมถึงไม่กลายเป็นหยกไปล่ะ? ไหนจะดวงตาของมันที่ดูราวกับมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงไม่ได้กลายเป็นหยก?
คำอธิบายนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย
จ่านป๋ายรับไม่ได้กับกลิ่นของทุเรียน เขาเลยไปบอกลาซีเหมินจินเหลียนให้รับรู้ พร้อมเดินไปที่สวนดอกไม้ข้างนอก นี่ก็จริงๆ เลย ผู้อาวุโสท่านนี้ต้องโรคจิตแน่ๆ คิดได้ยังไงถึงให้ทุเรียนคนอื่นเป็นของฝากแบบนี้?
ซีเหมินจินเหลียนพอจะเข้าใจจ่านป๋าย คนส่วนมากไม่ชอบในกลิ่นของทุเรียน แม้กระทั่งบางคนเมื่อดมกลิ่นทุเรียนเข้าไปแทบอยากจะอาเจียนออกมา
ผู้อาวุโสหูใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเพ่งมองไปที่หินราชางูก้อนนั้น เดิมทีที่นั่งอยู่กับพื้น ต่อมาสงสัยจะนานเกิน ขาเริ่มจะชา เขาเลยนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
ท่าทางเช่นนี้ ซีเหมินจินเหลียนดูยังไงก็แปลก เหมือนกับกำลังทำพิธีบูชาอะไรอยู่…
“สาวน้อย” จู่ๆ ผู้อาวุโสหูก็พูดขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่ข้างๆ เขา เธอไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้อาวุโสหูท่านนี้ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วถามไปว่า “ผู้อาวุโสหูดูเสร็จแล้วหรือคะ”
“สาวน้อย คุณว่านี่คืองูอะไรหรือ” ผู้อาวุโสหูจับไปที่โต๊ะแล้วค่อยๆ ประคองตัวขึ้นมา พร้อมยกแขนเสื้อเช็ดคราบน้ำตาที่หลงเหลือ ส่ายหน้าพูด “เสียหน้าเลย!”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างแผ่วเบา “หลังจากที่ฉันเจียระไนหินเสร็จ ฉันก็ไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน…” ความจริงเธอคอยประคับประคองอารมณ์ให้นิ่งเฉยไว้อยู่ เพราะว่าเธอรู้มาก่อนว่าข้างในหินหยกก้อนนั้นมีอะไร
แต่ว่าคำถามของผู้อาวุโสหูนี้ ทำให้เธอชะงักไปอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง งูตัวนี้เป็นงูอะไร? งูที่อยู่ในโลกใบนี้มีมากมายหลายชนิด นี่เป็นแค่ชนิดที่ถูกคนค้นพบ ยังมีอีกหลายชนิดที่คนทั่วไปยังไม่เคยพบเจอ ไม่รู้อีกเท่าไหร่…
แถมงูตัวนี้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณ เธอยิ่งไม่รู้เลยว่ามันเป็นงูประเภทไหน
“คุณยังจำได้ไหม เรื่องที่ผมเคยพูดกับคุณ เกี่ยวกับที่มาของหยก?” ผู้อาวุโสหูกวาดสายตาไปที่ห้องโถง ไม่มีเงาของจ่านป๋ายอย่างที่คิด ทุเรียนนี้ช่างมีประโยชน์เหลือเกิน
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าหงึกหงัก นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผ่านมานาน เธอจะลืมได้อย่างไร?
“ตำนานเล่าว่า เทพธิดาสร้างมนุษย์ขึ้นมาพร้อมฝึกหินเพื่อที่จะมาปิดฟ้า” ผู้อาวุโสหูยังคงพูดต่อไป “ในตำนาน ตอนแรกเทพธิดาอยู่ที่พม่า พื้นผิวของโลกส่วนนั้นก็ถูกปิดไป ดังนั้นหินที่เหลือจากการฝึกฝน ไม่สามารถนำมาปิดฟ้าได้เลยกลายเป็นหยก เพราะว่าถูกอุณหภูมิความร้อนแผดเผา และผ่านระยะเวลามาแสนนาน หยกพวกนี้เลยสภาพไม่ได้ดีมากเท่าไหร่”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ในใจก็แอบตื่นเต้น แต่หยกพวกนี้ก่อกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปีไหน เทพธิดาฝึกหินเพื่อมาปิดฟ้าเบื้องบนอยู่ในสมัยไหนกัน?
เคยได้ยินข้อมูลมาทั่วไปจากที่ที่ไม่น่าจะเชื่อถือสักเท่าไหร่ การเกิดหยกน่าจะห่างจากตอนนี้ประมาณหนึ่งพันปีก่อนได้? แถมการก่อตัวของหยก สามารถเรียนได้จากธรณีวิทยา มันยังคงเป็นปริศนาอยู่เหมือนกัน มีนักวิทยาศาสตร์เคยพูดว่า หยกถูกสร้างขึ้นภายใต้อุณหภูมิต่ำและความดันสูง แต่ทุกคนที่มีความรู้ทางภูมิศาสตร์ต่างรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้…
ส่วนนักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศยังคงมีความขัดแย้งมากมายและคิดว่ามันดูไม่สามารถเป็นไปได้
ถ้าหากใช้ตำนานของผู้อาวุโสหูมาอธิบาย นี่ถึงสามารถแก้ต่างทุกอย่างได้หมด
แต่การฝึกหินเพื่อมาปิดฟ้ามันก็เป็นเรื่องในตำนานที่เล่าขานกันมาอยู่แล้ว ทุกวันนี้ยังมีร่องรอยหลักฐานที่สามารถมาอ้างอิงได้ นี่ไม่ได้พิสูจน์หรอกเหรอว่า ตำนานเทพเป็นเรื่องจริง?
ซีเหมินจินเหลียนเคยตรวจสอบปีของการก่อตัวของหยก แต่ยังไม่มีเวลาสำหรับการก่อตัวของหยกอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เธอสงสัยว่าหยกที่ซ่อนอยู่ในพื้นดิน ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นฝีมือของเทพธิดาจากการเล่นหินมาปิดฟ้าจริงๆ?
วิทยาศาสตร์สมัยนี้พิสูจน์แล้วว่า มนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง ไม่ได้มีเรื่องการถือกำเนิดสร้างมนุษย์ขึ้นมา เรื่องปิดฟ้าคงจะเป็นเรื่องที่สวยงามในตำนานเท่านั้น
“ผู้อาวุโสหูคะ ฉันขอไม่เชื่อเรื่องตำนานอะไรพวกนี้ดีกว่าค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวพูด “แต่ถ้าคิดว่าเป็นตำนานของเทพแล้ว ฟังไว้ก็เท่านั้นพอ”
“โอเค งั้นพวกเราคิดว่ามาเล่าเรื่องตำนานเทพกันก็ได้” ผู้อาวุโสหันไปมองที่หินราชางูก้อนนั้นแล้วพูดต่อ “คุณน่าจะรู้จักบันทึกจากคัมภีร์ทะเลและขุนเขา เทพธิดาและสามีของเธอหน้าเป็นคนแต่ตัวเป็นงู?”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน เหลือบไปมองงูที่อยู่ในหยก หน้าเป็นคนแต่ตัวเป็นงู…
แต่ว่าเธอยังคงพยักหน้า คนที่เรียนภาษาจีน ย่อมรู้จักบันทึกจากคัมภีร์ทะเลและขุนเขาอะไรนั่น สามีของเทพธิดามีบรรพบุรุษเป็นมนุษย์ ถ้าหากใช้ทฤษฎีตามหลักวิทยาศาสตร์มาอธิบาย ก็น่าจะอธิบายได้
“ถ้าหากคุณเป็นคนแต่งตำนานนี้ขึ้นมา คุณจะจินตนาการมนุษย์ เขียนให้มีหน้าเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงูหรือเปล่า” จู่ๆ ผู้อาวุโสหูก็ถามขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน ไม่รู้จะพูดยังไงดี ปกติก็ดีอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงเขียนให้คนไปมีลำตัวเป็นงู? ถึงเขียนให้คนเป็นสัตว์ชนิดอื่นก็ยังดีเสียกว่าที่จะเลือกเขียนงูที่มีรูปลักษณ์น่าเกลียด แถมยังเป็นสัตว์ที่น่ากลัวแบบนี้?
“พระคัมภีร์ตะวันตกกล่าวว่าจักรพรรดิสร้างสวนอีเดนและเตือนอดัมและอีฟไม่ให้กินผลไม้แห่งปัญญา แต่อดัมและอีฟได้รับคำแนะนำของงูเลยกินผลไม้แห่งปัญญาเข้าไป ทำให้มีสติปัญญาแข็งกล้า จักรพรรดิเลยโกรธหนัก ทำลายสวนอีเดนทิ้งและตัดเท้าของงู…” ผู้อาวุโสหูพูดอีกครั้ง “ตอนนั้น ทำไมงูถึงมีเท้าล่ะ”
ตอนนั้นทำไมงูถึงมีเท้า? สำหรับคำถามนี้ ซีเหมินจินเหลียนอึ้งอยู่นานไม่รู้จะตอบยังไง ตำนานเทพในอดีตกล่าวไว้เกี่ยวกับชนิดของงูว่ามีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นจากตะวันออกหรือตะวันตก แต่ถ้างูมีเท้านั่นจะเรียกว่างูอีกไหม?
ถ้างูมีเท้า นั่นก็คงเป็นมังกรแล้ว!
งูเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดและต่ำต้อย แต่มังกรเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงและอำนาจ ผู้ปกครองศักดินาเรียกตัวเองว่ามังกร นั่นเป็นแค่การเปรียบเปรยเท่านั้น
“ผู้อาวุโสหูคงไม่ได้จะบอกว่า งูตัวนี้เป็นเทพธิดา?” ซีเหมินจินเหลียนแกล้งทำเป็นหัวเราะออกมา “ถ้าหากเธอเป็นคนสร้างคนจริง มีความสามารถฝึกหินปิดฟ้าได้ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงถูกปิดอยู่ในหินข้างใน…” เอ๋ เธอกำลังพูดอะไรอยู่?
แม้ปากจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจของเธอสั่นคลอนไปหมด หยกสามารถปิดฟ้าได้? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ฉันไม่ได้จะพูดแบบนั้น เพียงแต่รู้สึกว่ามันดูไม่ชอบมาพากล!” ผู้อาวุโสหูส่ายหัวถึงจะค่อยพูดออกมา “ทำไมตำนานเทพโบราณ ไม่ว่าจะเป็นตะวันตกหรือตะวันออก ต่างแยกความสัมพันธ์ระหว่างงูไม่ออก ทำไมคุณเจียระไนหินถึงได้มีงูปรากฏออกมา คุณไม่เคยคิดถึงคำถามนี้เลยหรือ?”
“บังเอิญไงคะ!” ซีเหมินจินเหลียนหลบหลีกสายตาลง เพื่อปกปิดความสงสัยที่อยู่ในใจ
เทพธิดาเล่นหินมาปิดเบื้องฟ้า มีหน้าเป็นคนแต่มีลำตัวเป็นงู จากที่เคยได้ยินมาหยกเป็นร่องรอยของหินที่เหลืออยู่ จนถึงตอนนี้เธอได้เจียระไนหินหยกที่ข้างในมีงูผิวเหมือนคนออกมา
“คุณดูสิ ผิวของมัน ราวกับผิวของเด็กทารก!” ผู้อาวุโสถอนหายใจพูด “สาวน้อยจินเหลียน คุณสวยแล้วนะ แต่ผิวของคุณยังสู้กับผิวของงูที่ลื่นนุ่มไม่ได้เลย ถูกไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าจู่ๆ ตัวเองก็แพ้อย่างราบคาบ เธอเทียบกับงูไม่ได้ แต่สิ่งที่ผู้อาวุโสหูพูดก็เป็นสิ่งที่เธอยอมรับ เพราะความจริงพิสูจน์ให้เห็นอยู่ซึ่งๆ หน้า
“ผู้อาวุโสหู หินราชางูก้อนนี้ฉันจะจัดการกับมันอย่างไรดีคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามออกไปโต้งๆ เธอคงจะไม่จุดธูปบูชามันไปตลอดหรอกนะ?
“นี่เป็นหยกที่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นอาจจะบ้าคลั่งได้ สาวน้อยจินเหลียน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของมูลค่าหยกอย่างเดียวแล้ว คุณน่าจะรู้ ไม่ว่าจะเป็นนักโบราณคดีหรือว่านักภูมิศาสตร์ แม้กระทั่งลูกศิษย์ของลัทธิเต๋า หยกชิ้นนี้มันเป็นสิ่งที่หายาก เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้มีความต้องการจะทำอะไร ก็เก็บมันเอาไว้เถอะ!” ผู้อาวุโสยังคงพูดต่อ “ถ้ามีความคิดที่จะทำอะไรกับมัน บางทีอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้”
“ขอบคุณ ผู้อาวุโสหูที่เตือนฉันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขอบคุณจากใจ
“นอกจากเสี่ยวป๋ายคนนั้น คนอื่นก็ไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?” ผู้อาวุโสหูมองไปที่ทุเรียนที่เต็มพื้นแล้วยิ้มแห้ง
“ยังมีผู้อาวุโสไงคะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“อืม!” ผู้อาวุโสหูพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรต่อ
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกประหลาดใจ จึงถามออกไป “ผู้อาวุโสหู เรื่องที่คุณตามหาหินที่หลงเหลือจากเทพธิดาที่ปิดฟ้า มีความคืบหน้าอะไรไหม” แม้รู้ว่าคำพูดนี้จะดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ผู้อาวุโสหามาทั้งชีวิต ใช้เลือดเนื้อทั้งหมดลงแรงไปกับหิน เธอรู้สึกประหลาดใจแม้กระทั่งยังเก็บความสงสัยไว้ในใจตลอดมา
“พอจะมีข้อมูลมาบ้างแล้ว” ผู้อาวุโสหูขมวดคิ้วเข้าหากัน “ผมตามหามาทั้งชีวิต หวังว่าก่อนที่ผมจะหลับตาลงไป คงจะได้เจอมันก่อน”
“ผู้อาวุโสอย่างคุณยังกระดูกแข็งแรงอยู่!” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดเว่อร์วังแต่อย่างใด กระดูกกระเดี้ยวของผู้อาวุโสหูดูแข็งแรงจริงๆ
“จริงสิ วันนี้ตอนเที่ยง หลินเสวียเหวินคนนั้นโทรมาหาผม…” ผู้อาวุโสหูพูด “เขาบอกว่าเขาไม่อยากจะให้หยกผม แต่เปลี่ยนเป็นให้คนมาต่อรองหนี้กับผมแทน…”