ส่วนที่ 4 ตอนที่ 60 - 1 ตัวประกัน

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดสงสัย หลินเสวียเหวิน? ฟังแล้วชื่อดูมีความสุภาพเรียบง่าย น่าจะเป็นชื่อของชราหลินสินะ?

 

“สาวน้อย ผมจะบอกคุณให้นะ คุณอย่าดูแต่ว่าตอนนี้หลินเสวียเหวินเป็นประธานบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ ในเมืองเซี่ยงไฮ้นับว่าเขาเป็นคนดังมีชื่อเสียง แต่ให้คิดถึงตอนนั้นที่เขาแพ้จนเป็นหนี้สิ้น หลายต่อหลายคนในเมืองเจียหยางเกือบจะโดนทำร้ายปางตาย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมแก่แล้วขาดคนมาคอยรับใช้อยู่ข้างๆ ผมก็คงไม่เก็บเขาไว้ข้างตัวหรอก เขาคอยติดตามผม ผมจึงย่อมสอนความรู้เรื่องการเดิมพันหยกให้เขาเป็นธรรมดา” ผู้อาวุโสหูพูด

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเล็กน้อย ในอดีตถ้ามีคนมาพูดกับเธอแบบนี้ เธอคงไม่มีทางที่จะเชื่อแน่ ประธานบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ คนที่เป็นแบบอย่างในการก่อร่างสร้างธุรกิจด้วยมือเปล่า กลับเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสหู ไม่สิๆ ผู้อาวุโสหูยังไม่ยอมรับเลยว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของตน เขาก็เป็นแค่คนคอยรับใช้ข้างกายของผู้อาวุโสหูเท่านั้น

 

“อะไรกัน คุณก็ไม่เชื่อผมหรือ?” ผู้อาวุโสหูขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนถามขึ้นอย่างสงสัย

 

“ฉันจะไม่เชื่อได้อย่างไรกันคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ราชานักเดิมพันหินอย่างผู้อาวุโสเจี่ยก็ยังเป็นลูกศิษย์ของคุณ นับประสาอะไรกับเขา?”

 

“เห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็นึกว่าคุณจะคิดว่าคนแก่อย่างผมหลอกคุณเสียอีก” ผู้อาวุโสหูพูดในขณะที่หยิบมีดผลไม้บนโต๊ะมาแกะทุเรียนลูกใหญ่ ใช้ทฤษฎีในการตัดตามรอยพูของทุเรียนลงไป ราวกับตัดเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นไม่นานเปลือกทุเรียนก็ถูกแกะออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเนื้อสีขาวเหลืองที่อยู่ข้างในออกมา เขาเชื้อชวนเรียกซีเหมินจินเหลียน “รีบมานี่เร็ว นี่เป็นของดีทั้งนั้นเลยนะ!”

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เพราะอย่างนั้นผู้อาวุโสหูเลยไม่ได้บังคับจิตใจเธอ เดินเข้าไปในห้องครัวของเธอเหมือนกับเดินเข้าบ้านตัวเองก็ไม่ปาน จากนั้นก็นำเนื้อทุเรียนทั้งหมดมาใส่ไว้ในจานพร้อมหยิบช้อนตักซุปออกมาสองใบ ถือมาให้แล้วส่งต่อยังซีเหมินจินเหลียน “นี่เป็นราชาผลไม้ คนแก่อย่างฉันแบกมันกลับมาจากที่ที่แสนไกลเลยนะ”

 

“คุณคงไม่ได้ซื้อมันมาจากมาเลเซียใช่ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม เมื่อกี้พึ่งพูดถึงเรื่องของ            หลินเสวียเหวิน แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเริ่มเถลไถลไหลยาวมาถึงเรื่องทุเรียนได้แล้วล่ะ? ถ้าเธอจำไม่ผิดประเทศหลักๆ ที่ส่งออกทุเรียนก็คือมาเลเซีย

 

“ไม่ใช่หรอก” ผู้อาวุโสหูส่ายหน้าแล้วพูด “ผมซื้อมาจากแผงลอยผลไม้ข้างทางเท่านั้น พูดความจริงกลิ่นมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่”

 

ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าบอกบุญไม่รับ ล้อเล่นอะไรกัน? ผู้อาวุโสคนนี้ไม่ได้ชอบกินทุเรียน แล้วทำไมเขาต้องซื้อทุเรียนเป็นกองมาให้เธอด้วย ไหนจะยอมปอกให้เธอตั้งหนึ่งลูก?

 

“แต่ข้อดีของทุเรียนก็คือสามารถทำให้คนที่เกลียดกลิ่นนั้นออกไปได้!” ผู้อาวุโสหูพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ “คนแก่อย่างผมฉลาดไหมล่ะ ผมคิดอยู่ตั้งนานกว่าจะคิดวิธีที่ชาญฉลาดแบบนี้ออกมาได้ เอาเถอะ สาวน้อย พวกเราก็มาเข้าเรื่องกัน หลินเสวียเหวิน ขโมยหยกของผมไป ถ้าหากว่าชาตินี้ไม่ได้เจอเขาก็ยอมความไป เพราะมันก็แค่หินก้อนหนึ่งเท่านั้น แต่นี่ในเมื่อเจอเขาแล้ว คนแก่อย่างผมก็อยากจะทำอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาจะดูถูกคนอย่างผมได้ว่ารังแกง่ายไปหน่อย?”

 

จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่า ผู้อาวุโสหูที่เธอรู้จักแต่ก่อนนิสัยนิ่งเฉยเยือกเย็น ไม่ชอบพูดจาให้มากความ ถ้าใช้คำพูดของคนสมัยนี้มาอธิบายก็คือ มีความเท่ห์อยู่บ้าง! แต่ตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้สึกว่าเขาเป็นราวกับเพื่อนเก่าแก่มานาน แถมยังมีโรคที่คนสูงวัยชอบพบเจอ นั่นก็คือการพูดจาเรื่อยเปื่อยไม่หยุด

 

การที่เขาซื้อทุเรียนให้เธอ คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่อยากจะให้จ่านป๋ายออกไป? กลิ่นของทุเรียนแปลกไปหน่อย แต่ก็ไม่น่าขนาดทำให้คนรับไม่ได้ขนาดนั้น?

 

“ฉันรู้แล้วค่ะ วันนี้ตอนเช้าฉันก็ไปพบคุณปู่หลินมา” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เขาพูดถึงคุณให้ฉันฟังด้วย”

 

“ใช่ไหมล่ะ!” ผู้อาวุโสหูเริ่มพูดต่อ “ตาแก่นั่นก็นิสัยไม่ดี ขโมยหยกของผมไปโดยไม่คิดที่จะคืน ทั้งยังบอกว่าไม่มีหยกแล้ว จะเอาก็เอาชีวิตเขาไปเถอะ! คุณว่าผมจะเอาชีวิตคนแก่ๆ อย่างเขาไปทำอะไรกัน แล้ววันนี้ตาแก่นั่นก็โทรศัพท์มาหาผม บอกว่าเขามีหลานอยู่คนหนึ่ง จะเอามาเป็นตัวประกันให้กับผม”

 

ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา หลินเสวียเหวินคงจะไม่คิดเอาหลินเสวียนหลานไปเป็นตัวประกันให้ผู้อาวุโสหูหรอกนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?

 

“พอผมฟังแล้วก็โกรธ ทำไมต้องเอาหลานชายมาเป็นมัดจำให้กับผมด้วย ทำไมไม่เป็นหลานสาวเล่า?” ผู้อาวุโสหูอารมณ์โกรธจัด

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่หลุดขำออกมา ผู้อาวุโสท่านนี้ ตอนนี้ยิ่งดูเหมือนคนขี้งก ลักษณะเหมือนคนแก่ขี้งก!   

 

“สุดท้ายคุณรู้ไหมว่าตาแก่นั่นพูดอะไรออกมา?”

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ความคิดของผู้อาวุโสหูไม่อาจจะใช้มาตรฐานจากคนปกติมาวัดได้ ส่วนหลินเสวียเหวินก็เป็นชายชราแก่ที่มีนิสัยแปลกประหลาดเหมือนกัน ตอนนี้เธอเพิ่งค้นพบว่า เขาก็อยากให้เธอหาโอกาสพูดให้ผู้อาวุโสหูเห็นใจ ส่วนอีกทางก็เป็นกลอุบายที่เลวร้าย

 

“พูดว่ายังไงหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามคำถามย้อนกลับไปที่เขาอีกครั้ง

 

“เขาบอกว่า หลานสาวของคุณชอบหลานของผม…” ผู้อาวุโสเลียนแบบคำพูดของหลินเสวียเหวิน

 

“คุณยังมีหลานสาวด้วยหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ ผู้อาวุโสท่านนี้ไปมีหลานสาวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตอนนั้นที่เมืองเจียหยาง คนในอย่างเหล่าหลี่ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่นา เขาก็อยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่หรอกหรือ? จะว่าโดดเดี่ยวก็โดดเดี่ยว แต่คงไม่น่าถึงขนาดเดียวดายหรือไร้คนพึ่งพิง ชีวิตของเขาก็ดูราบรื่นดีนี่นา!

 

ผู้อาวุโสหูยิ้มอย่างไม่ชอบมาพากล “คนแก่อย่างผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่า ขอเพียงหลานสาวชอบเขาผมก็เห็นด้วย แม้คนแก่อย่างผมจะเสียเปรียบไปหน่อย รับคนเป็นๆ มาเป็นของกำนันก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงผมก็ต้องถามหลานสาวผมคนนั้นก่อนว่าชอบหรือไม่ ไม่เช่นนั้นคนแก่อย่างผมคงเสียเปรียบสุดๆ”

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกอึดอัด ในใจรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ถามออกไปว่า “มันก็จริงค่ะ แล้วหลานสาวของคุณชอบเขาหรือเปล่าคะ”

 

“ใช่แล้ว” ผู้อาวุโสหูถามเธออย่างเป็นทางการ “หลานสาว เธอชอบเขาหรือเปล่าล่ะ อย่างน้อยก็บอกให้ปู่ฟังสักหน่อย…”

 

ซีเหมินจินเหลียนยังคงเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้ พูดมาตั้งนานสุดท้ายผู้อาวุโสกลับปั่นหัวหลอกเธอ? เธออุตส่าห์ตั้งใจฟังเขา แต่เขากลับทำเป็นเล่นเพื่ออะไร?   

 

“ผู้อาวุโสหูคะ ฉันไม่ใช่หลานสาวของคุณนะ!” ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าอมทุกข์ ผู้อาวุโสคนนี้ จะทำอย่างไรกับเขาดีนะ

 

“ยอมรับตอนนี้ก็ไม่สาย เป็นอย่างไร ลองคิดดูสิ ของขวัญวันพบหน้าก็คือหลานชายรูปหล่อแห่งตระกูลหลิน ถ้าเธอไม่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นคนแก่อย่างผมก็จะเอาเขาไปขายเหมือนเป็ดที่กว่างตง อย่างน้อยน่าจะได้ทุนกลับมาบ้าง”

 

 

ในสวนดอกไม้ จ่านป๋ายนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน ข้างหน้าของเขาเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ในคอมนั้นฉายภาพที่ซีเหมินจินเหลียนและผู้อาวุโสหูคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อได้ยินประโยคนี้จ่านป๋ายก็อยากจะพุ่งเข้าไปแยกร่างผู้อาวุโสหูให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ แล้วต้มลงไปในหม้อ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาหายโกรธได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

จ่านป๋ายเอาหูฟังออก ก่อนจะเก็บโน๊ตบุ๊คแล้วรีบเร่งไปที่ห้องรับแขก เขาอดทนกับกลิ่นทุเรียนที่ถาโถมเข้ามากระแทกสัมผัสรับกลิ่นของเขา พร้อมมองไปที่ผู้อาวุโสหูด้วยท่าทางเคร่งขรึม “คนแก่อย่างคุณสนใจแค่เรื่องขายคนก็พอ อย่าเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับบ้านของพวกเราเลย”

 

ผู้อาวุโสหูสังเกตโน๊ตบุ๊คในมือของจ่านป๋ายเลยส่ายหน้า “คิดไม่ถึงว่าคุณจะแอบฟังพวกเราพูด จะว่าไปที่นี่ก็เป็นที่ของคุณได้ยังไง นี่ไม่ใช่บ้านของหลานสาวแสนน่ารักของผมหรอกหรือ”

 

จ่านป๋ายมองไปที่ผู้อาวุโสหูด้วยสายตาอาฆาต แล้วผ่อนเสียงพูดลง “ใครจะไปรู้ว่าแซ่หลินคนนั้นไม่ได้คิดอะไรกับซีเหมินจินเหลียน เขาอยากจะตามจีบซีเหมินจินเหลียนของผม คนแก่อย่างคุณก็เป็นอาจารย์ของหลินเสวียเหวิน คงไม่ใช่ว่าคุณอยู่เบื้องหลังในการช่วยจัดการเรื่องนี้หรอกนะ?”

 

“ทำไมจินเหลียนถึงเป็นของคุณไปแล้ว?” ผู้อาวุโสตั้งใจส่งสายตาที่เคลือบแคลงใจไปถามเขา กระแอมไอแล้วพูด “คุณเองก็หน้าด้านแบกหน้าเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ปกครองอย่างผมจะยินยอมคุณนะ”

 

“อายุปูนนี้แล้ว ยังไม่รู้จักละอายใจอีก จินเหลียนไม่ได้ยอมรับว่าคุณเป็นปู่ของเธอสักหน่อย แล้วนี่ยังมาบอกว่าคุณเป็นผู้ปกครองอีกเหรอ” จ่านป๋ายแสยะยิ้ม นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? กลยุทธ์ที่หลินเสวียเหวินคิดออกมา ก็คือการเอาหลานตัวเองมาเป็นตัวประกันให้คนอื่นเนี่ยนะ?

 

“จินเหลียน หลานชายตระกูลหลินคนนั้น เธอต้องการเขาหรือเปล่า” ผู้อาวุโสหูหันมาถามซีเหมินจินเหลียนอีกครั้ง

 

“ผู้อาวุโสหูคะ…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เมื่อคิดไตร่ตรองถึงคำพูดที่จะพูดออกไป เธอก็ปริปากออกมา “ผู้อาวุโสหูคะ คุณไม่ใช่คุณปู่ของฉัน อีกอย่างการซื้อขายคนมันผิดกฎหมาย การที่คุณปู่หลินเอาหลินเสวียนหลานมาเป็นตัวประกันแทนการใช้หนี้ มันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งนั้น”

 

ใช้คนมาเป็นตัวประกัน? คนที่มีชื่อเสียงมั่งคั่งอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้อย่างหลินเสวียเหวิน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดอะไรโหดร้ายแบบนี้ออกมาได้

 

“ฉันรู้” ผู้อาวุโสหูถอนหายใจออกมา “แต่ตอนนี้ถึงแม้ฉันอยากจะได้ชีวิตหลานชายตระกูลหลินเข้าจริงๆ เขาก็ไม่คืนหยกฉันแน่ๆ ช่างเถอะ หลานชายของเขาฉันจะรับมาไว้ชั่วคราวแล้วกัน ต้องการตอนไหนแล้วค่อยพูด เพราะฝั่งคนแก่อย่างผมก็ขาดคนใช้แรงงานอยู่พอดี”

 

พูดไป ผู้อาวุโสหูก็หันตัวบอกลา