เมิ่งฉีจนใจ จำต้องสั่งองครักษ์หลวงนายหนึ่ง “รีบไปขอใต้เท้าเปานำทหารเข้ามา”
ด้วยกลัวจะทำให้ทุกคนตกใจ องครักษ์หลวงไม่กล้าใช้วิชาตัวเบา พยายามเบียดฝ่าวงล้อมวิ่งไปศาลาว่าการ
โรงงานไม่เปิดทำการเสียที สองวันนี้เปาชิงเหอที่เอาแต่กระวนกระวายใจ กำลังเดินไปมาภายในศาลาว่าการ ท่านกงซุนก็ยืนทำหน้าว้าวุ่นใจอีกด้าน
องครักษ์หลวงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เห็นเปาชิงเหอก็ประสานมือรายงาน “ใต้เท้าเปา รถม้าของพวกเราถูกล้อม เข้าโรงงานไม่ได้ คุณชายให้ข้ามาเชิญท่านไปคลี่คลายสถานการณ์ขอรับ”
เปาชิงเหอเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งดีใจระคนตกใจ ดีใจที่ในที่สุดขบวนรถม้าก็กลับมาแล้ว โรงงานจะได้เปิดทำการเสียที ตกใจก็คือกลุ่มคนกลับห้อมล้อมรถม้าไว้ หากเมิ่งฉีบาดเจ็บ เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหไม่เปิดโรงงานจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ รีบสั่งการ “เร็ว ไประดมกำลังทหาร ไปควบคุมสถานการณ์”
เมืองฝั่งเหนือไม่ได้รับความสำคัญ ทหารมีไม่กี่มากน้อย ไม่นานก็รวบรวมพลได้หมด เปาชิงเหอนำพวกเขาตรงไปยังโรงงานทันที เห็นสถานการณ์ตรงหน้าลิบๆ พวกเขาต่างสูดลมหายใจเข้าปาก คลุ้มคลั่งเกินไปแล้ว ประตูโรงงานมีมวลมหาชนเฮโลเบียดเสียด ไกลออกไปยังมีคนวิ่งเข้ามาไม่ขาดสาย ต่างแก่งแย่งที่จะเบียดเข้าไป และนอกจากขบวนรถม้าที่บรรทุกมันฝรั่งแล้ว ก็มองไม่เห็นร่างของพวกเมิ่งฉีเลย ได้ยินแต่เสียงร้องคำรามตกใจของม้าดังลอยมา
เปาชิงเหอตัวเย็นวาบ ออกคำสั่งทหารทันที “เร็ว สลายผู้คนออกไป”
ทหารชักดาบออกมากวัดแกว่ง ร้องตะโกนเข้าหากลุ่มคน ตวาดให้กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังถอยออกไปก่อน
ฝูงคนที่เห็นดาบในมือทหารต่างก็หวาดกลัว ถอยหนีกันไปทีละชั้นๆ ใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงสลายกลุ่มคนที่ล้อมรถม้าออกไปได้หมด
เมิ่งฉียืนอยู่บนรถม้า ตะโกนจนคอแหบแห้ง พอเห็นกลุ่มคนสลายไปแล้ว ไม่ทันได้กล่าวทักเปาชิงเหอ ก็สั่งการทันที “รีบบังคับรถม้าเข้าไป”
องครักษ์หลวงได้ฟังคลายบังเ**ยนที่กำแน่นในมือออก คนรถที่รู้สึกเหมือนรอดตายมาได้สะบัดบังเ**ยนในมือ แล่นรถม้าเข้ามาในโรงงานทันที รถม้าคนอื่นๆ ก็เร่งฝีเท้าตามเข้ามา
เห็นกลุ่มคนสลายไป เมิ่งฉีไม่เป็นอะไร เปาชิงเหอถึงโล่งใจลง ชักสีหน้า พูดกับกลุ่มคนเสียงกร้าว “ใครอยากได้งานทำ จงรีบไปต่อแถวที่หน้าศาลาว่าการ ข้าและคุณชายเมิ่งจะไปรับสมัครที่นั่น จำไว้ว่า ห้ามเบียดเสียดยื้อแย่ง ไม่เช่นนั้นจะถูกถอนสิทธิ์การลงชื่อ”
สิ้นเสียงเขา กลุ่มคนก็เฮโลวิ่งไปศาลาว่าการ
เปาชิงเหอไม่รีบร้อน สั่งนายทหารข้างกาย “พวกเจ้ากลับไปรักษาความเรียบร้อย บอกท่านกงซุนเตรียมพู่กันน้ำหมึก ข้าและคุณชายเมิ่งจะตามไปที่หลัง”
นายทหารรับคำ กลับไปศาลาว่าการ
เปาชิงเหอเดินเข้าไปในโรงงาน
เมิ่งฉีและเหล่าองครักษ์หลวงยังหวาดหวั่นไม่หาย ต่างยืนหายใจแรงข้างรถม้า
เปาชิงเหอซักถามเมิ่งฉี “คุณชายเมิ่ง ไม่เป็นอะไรนะ”
เมิ่งฉีโบกมือ สูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง ตอบกลับว่า “ขอบคุณใต้เท้าเปาที่มาคลี่คลายสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
น้ำเสียงเปาชิงเหอเจือแววขอขมา “ข้าประมาทเกินไป ข้าน่าจะคิดได้แต่แรกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ควรรีบส่งทหารเข้ามาแต่เนิ่นๆ”
เมิ่งฉีพูดว่า “ข้าเองที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบ ขบวนรถม้ามาช้าไปหนึ่งวัน ข้าร้อนใจจึงพาพวกเขาตรงเข้ามาเอง ไม่ได้เข้าไปบอกใต้เท้าเปาก่อน”
พวกองครักษ์หลวงเริ่มฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติแล้ว
เมิ่งฉีสั่งพวกเขาขนถ่ายสิ่งของ
พวกคนงานในโรงงานเห็นเหตุการณ์ด้านนอก ต่างตกใจขวัญผวา พอได้ยินเมิ่งฉีสั่ง ถึงได้สติรีบเข้ามาช่วยขนถ่ายมันฝรั่งกับพวกองครักษ์หลวง
เปาชิงเหอรอให้เมิ่งฉีจัดการเรื่องเรียบร้อย ถึงพูดอย่างเกรงใจ “คุณชายเมิ่ง ข้าแยกคนไปที่ศาลาว่าการแล้ว เจ้าพอจะตามไปเลือกคนกับข้าได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ” เมิ่งฉีตอบ เดินตามเปาชิงเหอออกไป
พวกเขาไปแล้ว เหล่าองครักษ์หลวงที่กลัวจะเกิดเหตการณ์โกลาหลเช่นเมื่อครู่อีก รีบปิดประตูโรงงานทันที ดังนั้น ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวมาถึง ถึงรู้สึกว่าท้องถนนเงียบเชียบ
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังจบ สั่งพวกเขาขนมันฝรั่งลงให้เสร็จ แล้วอยู่รอในลาน ส่วนตัวเองพาชิงหลวนและจูหลีมาศาลาว่าการ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นกลุ่มคนต่อแถวยาวเหยียดหน้าศาลาว่าการ ถึงได้รู้ปริมาณคนที่มาของานจนทำให้ยอดฝีมืออย่างพวกองครักษ์หลวงยังหน้าถอดสีได้ ในตอนนี้กลุ่มคนกำลังมองดูคนข้างหน้าที่มีทั้งดีใจ ทั้งถอนหายใจเดินออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินอ้อมกลุ่มคนมาถึงหน้าโต๊ะรับสมัครงานหน้าศาลาว่าการ
เปาชิงเหอกำลังนั่งโต๊ะด้วยใบหน้าขึงขัง นายทหารหลายนายคอยรักษาความเรียบร้อยด้านหน้า เมิ่งฉีนั่งถัดออกไปคอยคัดเลือกคน
โรงงานใหญ่แค่ไหน อย่างมากก็รับได้เพียงร้อยกว่าคน มองดูคนที่มาด้วยตาเปล่า น่าจะมีเกือบพันคนได้ เห็นคนที่ไม่ถูกรับเลือก เดินหน้าเศร้าคอตกเหมือนฟ้าจะถล่ม เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วเดินไปหน้าโต๊ะ
เปาชิงเหอเห็นนางเข้ามา พยักหน้าเล็กน้อย เมิ่งฉีพูดว่า “น้องสาว เจ้ามาแล้ว ข้ามีเรื่องจะปรึกษาพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาจะพูดอะไร พูดว่า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว วันนี้รับสมัครคนแผ้วถางที่ดินไปด้วยเลย อากาศยังไม่เย็นมาก ใช้เวลาหนึ่งเดือนเศษในการแผ้วถางที่ดินน่าจะไม่มีปัญหา”
เมิ่งฉีพยักหน้า
เปาชิงเหอยิ้มหน้าบาน ลุกขึ้นหลีกทางให้นาง พูดด้วยความดีใจ “แม่นางเมิ่ง เช่นนี้ก็ดีมาก เจ้านั่งก่อนเถอะ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มโบกมือ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านให้คนยกเก้าอี้อีกตัวออกมาดีกว่า”
เปาชิงเหอสะบัดมือ ให้บ่าวไปยกเก้าอี้มาอีกตัว
ไม่นานก็มีคนยกเก้าอี้เข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ให้เขาวางไว้อีกด้าน ยิ้มพูดกับเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา รบกวนท่านช่วยบอกพวกเขา ให้คนที่ถูกพี่รองคัดออกมาลงชื่อทำงานแผ้วถางฝั่งนี้ ค่าแรงเหมือนทำงานโรงงาน วันละแปดสิบอีแปะ มีข้าวกินมื้อเที่ยง จนกว่าจะแผ้วถางที่ดินหลายร้อยหมู่เสร็จ อีกอย่าง ที่ดินเปล่าอยู่นอกเมืองฝั่งเหนือ ค่อนข้างไกล การไปกลับในแต่ละวันอาจจะลำบากหน่อย คนที่รับความลำบากนี้ไม่ได้ไม่ต้องมาลงชื่อ”
เปาชิงเหอพยักหน้า กระแอมไล่เสียงเล็กน้อย แล้วเปล่งเสียงบอกคำพูดเมื่อครู่ของเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง
คนที่มาล้วนเป็นคนใช้แรงงาน เพื่อตนเองและครอบครัวได้อิ่มท้อง ไม่ว่าจะงานลำบากหรือเหนื่อยแค่ไหนก็ทำมาหมดแล้ว การเดินทางไปกลับหลายสิบลี้สำหรับพวกเขาหาใช่เรื่องลำบาก พอฟังเปาชิงเหอพูดเสร็จ คนที่ไม่ได้รับเลือกกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเปล่งประกายเดินมาต่อแถวรอลงชื่ออีกด้าน
งานแผ้วถางที่ดินไม่ว่าใครก็ทำได้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่นั่งโต๊ะคัดเลือกคน แต่ยิ้มขอร้องกุนซือ “รบกวนนายท่านช่วยรับสมัครคนหน่อยได้หรือไม่”
กุนซือถูกเมิ่งเชี่ยนโยวเรียกขาน พลันตกใจที่ได้รับความเอ็นดูกะทันหัน พยักพเยิดพูดว่า “แม่นางเมิ่งมีอะไรก็สั่งมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจขอรับ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก งานแผ้วถางไม่มีข้อเรียกร้องมาก ขอแค่ไม่ชราพิการหรือป่วยก็พอ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด
กุนซือพยักหน้า “แม่นางเมิ่งวางใจ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มขอบคุณ
กุนซือน้อมคำนับรับประกัน แล้วหยิบกระดาษพู่กัน นั่งด้านหลังโต๊ะ บันทึกรายชื่อผู้มาสมัคร คนที่ถูกเมิ่งฉีคัดออก จะตรงเข้ามาต่อแถวฝั่งนี้ต่อทันที
คนที่รอต่อแถวพอเห็นว่าต่อให้ไม่ได้ทำงานในโรงงาน ก็มีงานอื่นทำ จึงไม่ทุรนทุรายแล้ว กลุ่มคนที่ว้าวุ่นใจต่างสงบนิ่งลง รอเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เปาชิงเหอก็โล่งใจไปอีกเปราะ จึงมีเวลาว่างพูดคุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ดูท่าการรับสมัครคนยังต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ เจ้าเข้าไปรอในจวนก่อนเถอะ เจ้าไม่มาหลายวัน ฮูหยินข้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว”
ได้เปาชิงเหอคอยช่วยเหลือ จึงไม่มีงานให้ตัวเองต้องกังวลอีก เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันไปพูดกับเมิ่งฉี “พี่รอง ข้าจะเข้าไปจวนใต้เท้าเปา วันนี้เที่ยงพวกเราจะกินข้าวที่นี่ คนมากมายนี้คงรับสมัครไม่หมดในเวลาสั้นๆ ประเดี๋ยวพอถึงเวลากินข้าว ท่านให้พวกเขาแยกย้ายไปก่อน ตกบ่ายค่อยเข้ามาอีกครั้ง”
เมิ่งฉีพยักหน้า “รู้แล้ว ได้คนทำงานโรงงานเกือบครบแล้ว ขาดอีกเพียงยี่สิบสามสิบคนก็ครบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ เดินนำชิงหลวนและจูหลีเข้าไปในจวน
คนเฝ้าประตูจำพวกนางได้ ไม่ได้เข้าไปรายงานก่อน เชิญพวกนางเข้าไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวนำทั้งสองเดินตรงมาเรือนใหญ่อย่างชำนาญทาง ยังไม่ทันเข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานของม่อเอ๋อร์ในลานเรือน
เมิ่งเชี่ยนโยวเร่งฝีเท้า เดินเข้ามาในเรือน ยื่นสองแขนออก ร้องเรียกม่อเอ๋อร์ “ม่อเอ๋อร์ มาหาอาเร็ว”
“ท่านอา!” ม่อเอ๋อร์ไม่รู้สึกแปลกหน้าแล้ว พอเห็นนางก็สาวเท้าน้อยๆ วิ่งร้องเรียกเข้ามาอย่างชื่นบาน
“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาแล้ว” ฮูหยินเปาร้องยินดีถาม
“น้องโยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว หากเจ้ายังไม่มาข้าจะไปหาเจ้าที่จวนแล้ว” ซุนฮุ่ยกล่าวด้วยความดีใจ
ม่อเอ๋อร์เข้าสวมกอดเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเขาขึ้น หมุนหนึ่งรอบ ม่อเอ๋อร์มีความสุขหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“เจ้านะ รู้จักเล่นสนุกกับเด็ก ถึงว่าทำไมหลายวันมานี้ม่อเอ๋อร์เอาแต่ถามถึงเจ้า” ซุนฮุ่ยยิ้มพูด
“งั้นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยววางม่อเอ๋อร์ลง พูดด้วยน้ำเสียงสุขใจ “งั้นวันนี้ม่อเอ๋อร์ไปบ้านอาไหม”
ม่อเอ๋อร์นึกว่าเป็นเรื่องจริง หุบยิ้มพลัน แสดงสีหน้าครุ่นคิด “แต่ท่านย่าบอกว่า ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นข้าจะนอนไม่หลับ”
คนทั้งสามหัวเราะครืนกับความไร้เดียงสาของเขา
ม่อเอ๋อร์มองพวกเขาอย่างไร้เดียงสา
ฮูหยินเปาจูงมือม่อเอ๋อร์ ซุนฮุ่ยเดินเข้ามาคล้องแขนเมิ่งเชี่ยนโยว ทั้งสามเดินเข้าไปในห้อง
ซุนฮุ่ยสั่งสาวใช้ไปชงชา แล้วยิ้มพูดว่า “โรงงานพวกเจ้าไม่มีความเคลื่อนไหว สองวันมานี้ท่านพ่อเอาแต่ร้อนรุ่มใจ”
“ทางบ้านกำลังเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง พี่ใหญ่คิดว่าพวกเราเป็นโรงงานเปิดใหม่ จึงให้ขบวนรถม้ารอลำเลียงมันฝรั่งชุดใหม่มา ล่าช้าไปหนึ่งวัน อย่าว่าแต่ใต้เท้าเปาเลย ข้ากับพี่รองก็ให้กังขา กลัวจะเกิดเรื่องระหว่างทางกับพวกเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย
ฮูหยินเปาพยักหน้า พูดว่า “เมื่อครู่พวกเราได้ยินบ่าวในเรือนพูดถึงเหตุการณ์รับสมัครคนงานในวันนี้ ก็ให้ตกอกตกใจ กลัวพวกเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ ไม่เป็นอะไรดอกนะ”
“ที่บ้านมีแขก ข้ารอส่งพวกเขากลับไปก่อนถึงได้เข้ามา จึงมาไม่ทันเหตุการณ์นั้น ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ฮูหยินเปาวางใจลง พูดว่า “เช่นนั้นก็ดี วันนี้เที่ยงเจ้าจะต้องอยู่กินข้าวเที่ยงที่นี่ ข้าจะไปสั่งห้องครัวให้เตรียมการ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เวลาป่านนี้แล้ว ท่านไม่พูด ข้าก็เตรียมจะขอฝากท้องอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเปาลุกขึ้นพูดว่า “ฮุ่ยเอ๋อร์ เจ้าอยู่คุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว ข้าจะพาม่อเอ๋อร์ไปห้องครัว สั่งพวกนางให้เตรียมอาหารเพิ่ม”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
ฮูหยินเปาพาม่อเอ๋อร์เดินออกไป
ซุนฮุ่ยชะโงกหน้าเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว พูดกับนางอย่างกระดี๊กระด๊า “น้องโยวเอ๋อร์ อีฝานส่งจดหมายมาแล้ว บอกว่าพวกเขาเตรียมจะกลับมาแล้ว ประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะถึงเมืองหลวง”
“เร็วเช่นนั้นเลย”
ซุนฮุ่ยพยักหน้า ใบหน้าสะกดกลั้นความยินดีไว้ไม่อยู่
เมิ่งเชี่ยนโยวแหย่เย้านาง “ครานี้ดีแล้ว คุณชายเปากลับมา พวกท่านจะได้อยู่กันพร้อมหน้า พี่ฮุ่ยเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องทรมานเพราะความคิดถึงอีกแล้ว”
ซุนฮุ่ยใบหน้าแดงก่ำ พูดด้วยความกระดากเขิน “พวกเราแต่งงานกันได้ไม่นาน เขาก็ต้องติดตามแม่ทัพฉู่ไปชายแดน ไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าม่อเอ๋อร์ ช่วงแรกข้าเป็นห่วงเขาจนนอนไม่หลับ ภายหลังมีม่อเอ๋อร์ จิตใจไปอยู่กับเขา ถึงได้ดีขึ้น แต่พอถึงยามราตรีเงียบสงัด ข้าก็ยังคิดถึงเขาสุดจิตสุดใจ กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับเขา บ้านนี้มีแต่คนแก่และเด็ก ต่อไปจะทำอย่างไร ตอนนี้ดีแล้ว เขาจะกลับมา ในที่สุดข้าก็วางใจลงได้แล้ว”
“ท่านนะ กังวลจนเกินควรแล้ว คุณชายเปามิได้เป็นทหารธรรมดา เขามีวรยุทธ์สูงส่ง ไม่มีทางเกิดอะไรกับเขาได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบใจ
“จะว่าเช่นนั้นก็ถูก แต่คมดาบไม่มีตา ในสนามรบไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าเคยคิดว่า ขอเพียงเขารอดชีวิตกลับมา ต่อให้แขนขาดขาไม่มีข้าก็ยอมรับได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตบหลังมือนาง พูดซุกซน “คุณชายเปาทำงานให้แม่ทัพฉู่มาหลายปี แม่ทัพฉู่จะต้องเลื่อนขั้นมีตำแหน่งให้เขา หากเขาติดตามไปชายแดน สร้างความชอบกลับมา เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่านรอรับความสุขสบายพร้อมเขาได้เลย”
“พรืด” ซุนฮุ่ยพ่นหัวเราะเสียงลั่น “ข้าหาได้ดวงดีเช่นนั้นไม่ เขาเป็นเพียงนายทหาร จะเลื่อนขั้นไปได้ถึงไหนกัน ข้าไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญ ขอเพียงต่อไปเขาไม่ต้องจากไปทีละหลายปีเช่นนี้ก็พอ”
“เรื่องนี้ไม่ยาก พอเขากลับมา ท่านก็ให้เขาลาออกจากราชการ กลับบ้านมาเลี้ยงลูก รับประกันว่าต่อไปเขาไม่ต้องไปไหนแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดหยอก
ซุนฮุ่ยยิ่งให้หัวเราะร่วน
ฮูหยินเปาสั่งแม่ครัวเสร็จก็พาม่อเอ๋อร์กลับมา พอเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของซุนฮุ่ย ให้นึกขมขื่น คิดว่านานเท่าไหร่แล้วที่ตนเองไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสุขสำราญเช่นนี้ของนาง
เปาชิงเหอเห็นว่าถึงเวลาเที่ยงแล้ว คนที่มาลงชื่อยังต่อแถวยาว จึงลุกขึ้นพูดกับคนที่มาลงชื่ออย่างขึงขัง “นี่เป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกเจ้ากลับกันไปก่อน ยามบ่ายพวกเจ้าค่อยเข้ามาอีกครั้ง”
เปาชิงเหอสั่งการ คนที่ยังไม่ได้ลงชื่อแม้จะทำหน้าผิดหวัง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
เมิ่งฉีลุกขึ้น เก็บสมุดบนโต๊ะ มอบให้กงซุน แล้วตามเปาชิงเหอเข้าไปในจวน
กงซุนเก็บรวบรวมสมุดตรงหน้า ถือเดินเข้ามาในศาลาว่าการ
นายทหารก็แยกย้ายกลับไปกินข้าวที่บ้าน
คนที่ยังไม่ได้ลงชื่อกลับไม่มีใครกลับไปสักคน ต่างนั่งรออยู่ที่เดิม
พอเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีกินข้าวเสร็จ พักผ่อนครู่หนึ่งถึงเดินออกมา เห็นผู้คนยังต่อแถวเหมือนกับตอนเช้า ก็ให้รู้สึกสะเทือนใจ
กระทั่งพลบค่ำ ถึงลงบันทึกเสร็จเรียบร้อย
เมิ่งฉีเหนื่อยจนยกแขนไม่ขึ้นแล้ว กงซุนยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบอยากจะนอนฟุบไปกับโต๊ะ พูดว่า “นายท่าน ข้าทำงานที่นี่มาหลายปี จดบันทึกรายชื่อคนยังไม่เท่าวันนี้แค่วันเดียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวรู้สึกผิด “วันนี้ต้องขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
กงซุนรีบโบกมือ “แม่นางเมิ่งอย่าพูดเช่นนี้เด็ดขาด นี่เป็นหนึ่งในงานของข้า สมควรแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวคาดว่าเขาจะต้องรู้สถานะของตนเองแล้ว ถึงเกรงใจเช่นนี้ จึงไม่พูดมากอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีบอกลาเปาชิงเหอ กลับมาโรงงานสั่งคนรถให้บังคับรถม้ากลับไปหารือที่บ้านต่อ กลับไม่รู้เลยว่าเรื่องรับสมัครคนงานของเมืองฝั่งเหนือดังระบือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้และพระพันปีหลวงในวังหลวงก็ยังได้ยินข่าวนี้
พระพันปีหลวงที่กำลังปวดเศียรเรื่องงานแต่งของหวงฝู่อี้เซวียน ได้ยินกูกูเล่าเรื่องน่าอัศจรรย์นี้ให้ฟัง ถามด้วยความประหลาดใจ “ดูท่า เด็กสาวชนบทนางนี้จะมีความสามารถพอตัวทีเดียว”
กูกูรับคำ “ใช่เจ้าค่ะ หม่อมฉันได้ยินพระชายาเอกอ๋องฉีกล่าวว่า แม้แต่ความสามารถด้านการค้าของซื่อจื่อก็เป็นนางที่สอนให้เพคะ”
พระพันปีหลวงเกิดความกังขา “เจ้าว่า แค่เด็กสาวบ้านนาคนหนึ่งเหตุใดถึงมีความสามารถได้เช่นนั้น หรือว่ามีอาจารย์ดี”
“คนบางคน มีความสามารถมาแต่กำเนิด ไม่ต้องให้คนอื่นสอน ก็ทำเป็นทุกอย่างเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจัดอยู่ในประเภทนี้” กูกูกล่าว
พระพันปีหลวงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พูดว่า “เอาไว้เมื่อมีโอกาสเหมาะ ไปตามตัวเด็กสาวคนนี้มาให้ข้าดูหน่อยว่า นางเป็นคนอย่างไรกันแน่”
ฮ่องเต้ก็ได้ยินข่าวนี้แล้ว ทว่าไม่ใช่ได้ยินมาจากขันที แต่เป็นจิงจ้าวอิ่นได้ยินบ่าวรายงานว่าเกิดการชุมนุมรวมตัวกันของคนฝั่งเหนือ นึกว่าเกิดการจลาจลขึ้น จึงส่งคนไปตรวจสอบ ถึงทราบว่าเมิ่งเชี่ยนโยวรับสมัครคนงาน รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ จึงเขียนรายงานส่งเข้ามา
ฮ่องเต้อ่านแผ่นพับแล้วให้ขมวดคิ้วครุ่นคิด