ว่ากันว่า: รู้เพียงหนึ่งวิชาจักปราดเปรื่องหมื่นวิชา สรรพสิ่งล้วนปรับเข้าหากัน ไม่รู้หนึ่งวิชาจักไม่ปราดเปรื่องในสิ่งใดใด
แม้ว่าวิชาลับประจำพรรคของพรรคชิงเฉิงคือกระบี่ทำลายล้างใต้หล้า แต่หลังจากสืบสานมาหลายชั่วอายุคน พรรคชิงเฉิงย่อมต้องมีอัจฉริยะพรสวรรค์เปี่ยมล้นปรับปรุงวิชาลับนี้ให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้วิชานี้ไม่ถูกจำกัดไว้เพียงเพลงกระบี่!
ไม่ว่ายังไง ภายใต้การร่ายรำของเหลยเฉิงยุ่น รอยหมัดแทบจะปกคลุมทั่วห้องในชั่วพริบตา ประหนึ่งฝูงตั๊กแตนข้ามแดน จำนวนถี่ยิบจนนับไม่ถ้วน
“ไอ้หนุ่ม น้อมรับความตายซะ!”
เหลยเฉิงยุ่นหัวเราะเหี้ยมๆ นัยน์ตาขุ่นมัวไม่ปกปิดจิตสังหารเย็นเยียบที่เผยออกมาเลยสักนิด ก่อนจะพุ่งไปฆ่าเย่เทียนไวดุจสายฟ้า
แทบจะในพริบตาเดียว ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เหลือเพียงหนึ่งเมตร รอยหมัดท่วมฟ้านั้นเข้าใกล้หลังของเย่เทียนเรื่อยๆ
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไร วินาทีถัดไปรอยหมัดท่วมฟ้านั้นก็จะอัดเข้าที่หลังของเย่เทียน ต่อให้โชคดีไม่ตาย ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!
แต่ในนาทีสำคัญนี้ เย่เทียนที่กระเด็นมาข้างหลังกลับชะงักอย่างฉับพลันทั้งที่ไม่สมเหตุสมผล และหมุนตัวได้ซะอย่างงั้น
ไม่รอให้เหลยเฉิงยุ่นตั้งสติ ใบหน้าเปื้อนยิ้มเยาะเย้ยของเย่เทียนก็ปรากฏสู่รูม่านตา!
เขาตะลึงในใจ รำพึงกับตัวเองว่าแย่แล้ว
แต่ตอนนี้ท่าโจมตีของเขาเป็นอันสมบูรณ์เรียบร้อย ไม่สามารถดึงกลับได้ ทำได้เพียงกัดฟันแน่นและปล่อยรอยหมัดล้นฟ้าออกไปด้วยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
“เห็นฉันเป็นคนงี่เง่าจริงๆหรือไงวะ ลอบโจมตีฉันไปครั้งหนึ่งแล้วยังจะมาอีกรอบรึ?”
เย่เทียนยิ้มเย้ยหยันอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งหมดนี้เป็นไปตามแผนของเขา!
แม้ว่าการโจมตีของไต้หงเล่อจะแข็งกร้าว แต่ไม่ถึงขั้นทำให้เย่เทียนต้องลำบาก ทว่าเหลยเฉิงยุ่นเพ่งเล็งรอจังหวะอยู่ข้างๆ เย่เทียนไม่อาจโจมตีไต้หงเล่ออย่างมีประสิทธิภาพ
เย่เทียนรู้ดีแก่ใจว่าการเอาแต่ป้องกันต้องโดนโจมตีใส่ในที่สุด
ดังนั้น เขาจึงแกล้งทำเป็นมีช่องโหว่ ยอมโดนฝ่ามือของไต้หงเล่อที่ไม่เจ็บไม่คัน ก็เพื่อจัดการเหลยเฉิงยุ่นก่อน
สิ่งเดียวที่เกินความคาดหมายของเย่เทียนคือ เหลยเฉิงยุ่นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินชั้นต่ำ!
ไต้หงเล่อในฐานะรองเจ้าโถงยังอยู่แค่ระดับดินชั้นสูง เย่เทียนจึงคิดไปเองว่าเหลยเฉิงยุ่นซึ่งเป็นเจ้าโถงควรอยู่ระดับดินชั้นกลาง
แต่นี่ทำให้เย่เทียนผงะไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขาในตอนนี้แข็งแกร่งระดับฝึกพลังชั้นหกเชียวนะ ไม่ว่าจะระดับดินชั้นกลางหรือระดับดินชั้นต่ำ สำหรับเขาอาจจะตึงมือไปหน่อย แต่ทำอันตรายเขาไม่ได้แม้แต่น้อย!
“เล่นลูกไม้ที่ดูดีแค่ภายนอก!”
ความคิดนี้แวบผ่านไปในหัวของเย่เทียน พลังแท้จริงที่เขาซ่อนไว้ปะทุออกมาทันใด ในที่สุดก็ยอมใช้โล่ทิพย์ป้องกันกาย
เย่เทียนไม่สนใจรอยหมัดล้นฟ้านั้นอย่างสิ้นเชิง ปล่อยให้รอยหมัดล้นฟ้านั้นกระแทกใส่โล่ทิพย์ป้องกันกาย ก่อนจะเตะออกไปอย่างแรง
รอยหมัดที่ขวางอยู่ตรงเท้าโดนเตะจนแหลกละเอียด โล่ทิพย์ป้องกันกายของเย่เทียนโดนบรรดารอยหมัดกระแทกจนกะพริบวูบวาบ
ถึงแม้ว่าโดนรอยหมัดกระแทกใส่หลายคราจนพลานุภาพของลูกเตะลดลงไม่น้อย แต่ก็ยังเตะโดยเล็งไปที่หน้าของเหลยเฉิงยุ่น
เหลยเฉิงยุ่นมีสีหน้าหวาดกลัว ใจคิดจะหลบ แต่รอยเท้าที่ขยายใหญ่ขึ้นในรูม่านตาเรื่อยๆราวกับปิดทางหนีของเขาจนหมด จนเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“ระวังนะครับท่านเจ้าโถง!”
ไต้หงเล่อที่อยู่ไม่ไกลเห็นท่า นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย เขากระทืบเท้าพร้อมๆกับตะโกน พุ่งไปหาเหลยเฉิงยุ่นด้วยความเร็วแสง
สถานการณ์การต่อสู้ผกผันไปในชั่วพริบตา ไต้หงเล่อกัดฟันแน่น เร่งความเร็วจนถึงขีดสุด ฝืนมาถึงทันตอนที่เท้าใหญ่ของเย่เทียนห่างจากเหลยเฉิงยุ่นเพียงไม่กี่เซนติเมตร และชนเหลยเฉิงยุ่นจนกระเด็นออกไป
แกร่ก!
แต่พอโดนไต้หงเล่อชน ถึงแม้เหลยเฉิงยุ่นจะถูกผลักออกไป ทว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าไต้หงเล่อเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเหลยเฉิงยุ่นก่อนหน้านี้ ไหล่ของเขาถูกเย่เทียนเตะเข้าจังๆ ส่งเสียงกระดูกร้าวกึกก้อง ร่างใหญ่ของเขากระเด็นออกไปพร้อมๆกับเหลยเฉิงยุ่น
ตุ้บ!
เสียงกระดูกร้าวแทงหูดังขึ้น เหลยเฉิงยุ่นและไต้หงเล่อสองคนกระเด็นไปโดนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ห่างอยู่ไม่ไกลทั้งคู่ จนเก้าอี้พังไม่เป็นท่าในบัดดล
พรวด!
นาทีที่กระแทกพื้น ไต้หงเล่อก็กระอักเลือดออกมา ใบหน้าแดงเลือดฝาดในตอนแรกซีดเซียวในพริบตา
“น่าเสียดายจริงๆ ฉันแสดงดีขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าทำได้แค่หักแขนข้างหนึ่งของไอ้แก่เดนตาย”
โล่ทิพย์ป้องกันกายของเย่เทียนก็โดนรอยหมัดถล่มจนแหลกลาญ เขามองทั้งสองคนที่นอนหมดท่าอยู่บนพื้นแล้วส่ายหัวอย่างเสียใจ คิดไม่ถึงว่านาทีวิกฤตเช่นนี้ไต้หงเล่อจะระเบิดความเร็วออกมาได้ว่องไวขนาดนี้
ดูท่า คนเราเมื่อถึงจุดสิ้นหวังจะสามารถปล่อยพลังที่คาดคิดไม่ถึงออกมาได้จริงๆ
เหลยเฉิงยุ่นและไต้หงเล่อสองคนรีบกระเสือกกระสนลุกขึ้น สายตาที่มองเย่เทียนไม่อาจปกปิดความตะลึงในใจได้
แล้วลองสังเกตไหล่ซ้ายของไต้หงเล่อดีๆจะเห็นว่าไหล่เขายุบลงไปนิดหน่อย ด้วยแรงแตะดุดันโหดเหี้ยมของเย่เทียน คงใช้การไม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ส่วนเหลยเฉิงยุ่นกำลังหอบหายใจเฮือกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์เมื่อกี้ยังทำให้เขาผวาอยู่
ไม่ว่ายังไง ไต้หงเล่อในตอนนี้ก็หน้าเขียวปี๋ เรียกได้ว่าย่ำแย่ถึงขีดสุด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านี้เย่เทียนดูเหมือนโดนตัวเองจู่โจมจนแทบจะต้านทานไม่ไหว เป็นเพียงการแสดง
เย่เทียนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ก็มีแผนการลึกล้ำขนาดนี้ โลกนี้ยังมีรักแท้อยู่มั้ย?
สีหน้าของเหลยเฉิงยุ่นก็ย่ำแย่ถึงขีดสุด เขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเย่เทียนจะเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้ กระบวนท่าที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ เย่เทียนจะคลี่คลายได้ง่ายดายขนาดนี้ จนเขาเกือบจะตายอยู่ตรงนั้น
“ไอ้สารเลวเจ้าเล่ห์เพทุบาย!”
ไต้หงเล่อที่บาดเจ็บหนักโมโหจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว ดูจากสภาพแล้วโกรธแค้นจนอยากจะเขมือบเย่เทียนทั้งเป็น
“ฉันเจ้าเล่ห์เพทุบาย?”
เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย นัยน์ตาสีนิลจับจ้องเหลยเฉิงยุ่น เขาหัวเราะเย็นๆพลางกล่าว “ถ้าไม่ใช่ว่าไอ้แก่เดนตายนี่ลอบโจมตีฉัน ต่อให้แผนฉันดีแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์!”
“พวกคุณสองคนอายุรวมกันร้อยกว่าปีแล้วนะ ไม่รู้เหรอว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว?”
“วันๆเอาแต่หมายตาเมียคนอื่น สักวันหนึ่งเมียของพวกคุณก็ต้องโดนคนอื่นหมายตาเช่นกัน เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง!”
“แต่ไอ้แก่เดนตายอย่างพวกคุณ ฉันว่าตรงนั้นน่าจะทำได้เพียงฉี่แล้วมั้ง”
เย่เทียนไม่พลาดโอกาสทำร้ายจิตใจสองคนนี้ เขาอ้าปากก็เอื้อนเอ่ยคำพูดที่เหยียดหยามถากถางสุดๆ
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกไป ต่อให้เหลยเฉิงยุ่นและไต้หงเล่อจิตใจแข็งแกร่งขนาดไหนตอนนี้สีหน้าก็อย่างกับกินขี้มา ย่ำแย่ถึงขีดสุด
ผู้ชายรักหน้าตาตัวเองกันหมด ต่อให้พวกเขาสองคนอายุเข้าวัยชราแล้ว แต่โดนถากถางต่อหน้าขนาดนี้จะไม่โมโหได้ยังไง?
“ไอ้สารเลวนี่ปากกล้านัก!”
ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสตรงไหล่ส่งผลให้ไต้หงเล่อหน้าตาบิดเบี้ยวเข้าด้วยกัน แค้นจนอยากจะสับเย่เทียนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วเอาไปให้หมากิน
“หงเล่อ มัวพูดมากกับเขาไปทำไม เราสองคนร่วมมือกันจัดการเขา จะได้ไม่ยืดเยื้อ”
“ไหล่ของนายบาดเจ็บ ฉันจะทำหน้าที่รุกเอง นายคอยสมทบอยู่ข้างๆก็พอ”
เหลยเฉิงยุ่นมองบาดแผลตรงไหล่ของเพื่อนเก่าแล้วโมโหถึงขีดสุด เขาขี้เกียจจะเปลืองน้ำลายกับเย่เทียนอีก หลังจากสั่งเสร็จก็พุ่งไปหาเย่เทียนอย่างแกร่งกล้า
ไต้หงเล่อรีบตามเข้าไป พุ่งไปฆ่าเย่เทียนอย่างเด็ดเดี่ยว…