โจเจียนฮั่นเพ่งมองไปยังรูปปั้นของศัตรูของเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
“ จวินวูเห่ยและข้า ได้ประจันหน้ากันในสงครามมายี่สิบเก้าครั้ง โดยไม่สนใจถึงความแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดของข้า และข้าแพ้เสมอ ไม่ว่าข้าจะโจมตีด้วยกลยุธใดก็ตาม ไม่ว่าข้าจะคิดคำนวนวอย่างไร ไม่ว่าข้าจะวางแผนการซุ่มโจมตีอย่างไร จวินวูเห่ยก็สามารถมองเห็นมันได้อย่างทะลุปรุโปร่งไปทุกอย่าง ”
“ แม่ทัพขาวสามารถมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ! ”
คำพูดเช่นนั้นน่าจะเป็นคำชมเชยที่ดีและยิ่งใหญ่ที่สุดที่ศัตรูจะสามารถมอบให้เขาได้ !
จวินวูอี้ไม่มีอะไรที่จะเพิ่มเติมในการยกย่องนี้ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้เขานึกถึงพี่ชาย และหัวใจของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยความภาคภูมิใจอีกครั้ง
นายน้อยจวินเฝ้ามองโจวเจียนฮั่นอยู่อย่างเงียบๆตลอดเวลา และสามารถสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าอันรุนแรงในน้ำเสียงของชายผู้นั้นที่ไม่สามารถเอาชนะแม่ทัพผู้นี้ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าเขาจะจะต้องทนทุกข์ในการต่อสู้อย่างไร เขาก็ยังคงต้องรวบรวมพลังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และต้องลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมสงครามอีกนับร้อย ! นี่คือคุณลักษณะที่พิเศษของแม่ทัพที่ควรมี และจวินโม่เซี่ยสัมผัสได้ว่าชายผู้นี้มีมันอยู่ !
“ ประเทศของพวกเราทำสงครามใส่กันในเวลานั้น และแม้ว่าจวินวูอเห่ยและข้าได้พบกันอยู่หลายครั้ง แต่พวกเราก็ได้พบกันเพียงแค่ในสนามรบพร้อมกับเครื่องแบบทหาร ข้าหวังว่าวันหนึ่งข้าจะได้พบศัตรูที่กล้าหาญและน่าหวาดกลัวนี้ในฐานะของคนธรรมดา แล้วข้าก็จะดื่มสุรากับเขาพร้อมกับสนทนากัน ! และช่วงเวลานั้นก็มากเพียงพอแล้วในช่วงชีวิตสุดท้ายของข้า ! ”
ดูเหมือนว่าในจุดนี้โจวเจียนฮั่นกำลังพูดออกมาจากความรู้สึก
“ อย่างไรก็ตาม ความปราถนาอันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่เสมอในชีวิตของข้านั้น คือข้าจะต้องเอาชนะจวินวูเห่ยได้สักครั้งหนึ่ง และเชื่ออย่างนั้น จากนั้นข้าจะตัดหัวเขาด้วยกระบี่ของข้า ละข้าจะฝังเขาไปพร้อมกับเกียรติยศทั้งหด ! ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะทำให้ข้าพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชแค่ใหน ไม่ว่าเขาจะทำให้ข้าผิดหวังมากมากเท่าใหร่ ข้าก็ยังจะต้องยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของข้า เพราะค่าเชื่อในความฝันของข้า ! ข้าจะลุกขึ้นมาเสมอ แล้วข้าก็จะต่อสู้กับศัตรูของข้า ! ข้านั้นแพ้สงครามมานับร้อยครั้ง แต่ข้าก็ยังคงกลับไปต่อสู้อีก ! การตายของแม่ทัพที่หลักแหลมเช่นนี้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่น่าคลางแคลงใจเช่นนี้ คือความน่าเศร้าสลดที่ข้าสามารถจะจิตนาการได้ ! ”
“ ความตายอันน่าเศร้าที่ลึกลับของเขา ? ”
จวินวูอี้ลืมตาขึ้นทันที และมองไปที่เขาอย่างยือกเย็น
“ โจวเจียนฮั่น เจ้าพยายามจะพูดอะไร ? เจ้ารู้อะไรมา ? ”
ความตายอย่างลึกลับของพี่ชายทั้งสองและหลานชายทั้งสองของเขานั้นคือปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา และแม้ว่าเข้าจะเชื่อว่ามืองพายุหิมะจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ จวินวูอี้พยายามที่จะหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมอย่างร้อนรน และทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าโจวเจียนฮั่นได้รู้อะไรบางอย่างในเรื่องนี้ !
โจวเจียนฮั่นหันมองไปที่เขา
“ ข้ารู้อะไร ? ข้าคือทหารของศัตรู ดังนั้น หากข้าบอกอะไรบางอย่างแก่เจ้า แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องเชื่อข้า ?! จวินวูอี้ แม้ว่าเจ้าจะทุบตีข้า แต่ข้าจะไม่นับถือเจ้า ! โจวเจียนฮั่นนั้นจะยกย่งอศัตรูเพียงหนึ่งเท่านั้น จวินวูเห่ย ! หากจวินวูอเห่ยยังไม่ตาย ข้าก็ต้องการที่จะสังหารเขา ! ถึงแม้ว่าเขาจะตายในการสู้รบกัยข้า แต่ภายใต้สถานการณืที่คลุมเครือและข้าโจวเจียนฮั่นจะไม่ว่าร้าย หรือข้ารู้อะไรในเรื่องการตายของเขา ! ”
“ เมื่อสิบปีก่อนข้าคิดว่าข้าถูกจวินวูเห่ยเอาชนะได้แล้ว แต่ข้ากลับสามารถเอาชนะเขาได้อย่างไม่คาดฝัน และจากนั้นเขาก็ตาย ! ชัยชนะนี้คือความพ่ายแท้ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า และนี่คือความพ่ายแพ้ที่สิ้นสุดไปแล้ว ! ”
โจวเจียนฮั่นยิ่งอย่างชั่วร้าย แต่มีร่องรอยแห่งความโศกเศร้าอยู่มากมายบนใบหน้าของข้า
“ ชัยชนะนั้นคือการดูถูกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า ! ”
ตอนนี้ จวินวูอี้เริ่มเข้าใจถึงความหมายที่อยู่เบื้อหลังคำพูดของโจวเจียนฮั่น และพึมพัมกับตัวเอง
“ แล้วเขาก็ต้องการที่จะรู้ความจริง ? ”
โจวเจียนฮั่นมองไปที่เขาอย่างเยือกเย็น
“ หากข้าเอาชนะและสังหารเขาได้จริงๆ ข้าคงป่าวประกาศอย่างหยิ่งทะนงไปทั่วทั้งโลกแล้ว และข้าก็จะป่าวประกาศอย่างที่เจ้าไม่เคยเห็นผู้ใดทำมาก่อน ! ชัยชนะนั้นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า แต่มันไม่เป็นความจริง ! ความสำเร็จนี้จะต้องไม่เป็นของข้า แต่มันได้ผูกเอาไว้กับชื่อของข้า และนี่ สำหรับโจวเจียนฮั่น มันคือความอับอายอย่างที่สุด ! ความอับอายที่ข้าไม่สามารถลบล้างไปได้ ! ข้าไม่สามารถเผชิญกับมันได้ และข้าต้องการที่จะแก้แค้นเขา ! จวินวูอเห่ยคือทหารตัวจริง และเขาจะต้องตายจากการต่อสู้ในสนามรบ ไม่ใช่ แผนการชั่วร้าย ! ข้าไม่สามารถที่จะยอมรับผลนี้ได้ และข้าเชื่อว่าเขาก็จะไม่ยอมรับมันเช่นกัน ! ”
“ เจ้าคือน้องชายของเขา บางอย่างจะต้องอยู่ในตัวเจ้าเช่นกัน …. ”
โจวเจียนฮั่นยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“ เจ้าก็เป็นทหารมิใช่หรือ ? หากมีคนอื่นโยนความสำเร็จนี้มาใส่ในมือเจ้า แล้วเจ้าจะทำอะไร ? เจ้าเป็นทหารมิใช่หรือ ? เจ้าจะยอมรับมันไหม ? บางที บางคนอาจจะป่าวประกาศอย่างลับๆ แต่ข้า โจวเจียนฮั่นไม่สามารถทำได้ ! ”
จวินวูอี้ไม่มีอะไรจะพูด
“ จวินวูอี้ ข้าขอถามเจ้า ! จวินวูเห่ยตายได้อย่างไร ? เจ้าพ่ายแพ้ได้อย่างไร ? ”
โจวเจียนฮั่นเกือบจะถลึงตาใส่จวินวูอี้
“ บอกข้ามา และบอกความจริง ! ”
“ ความจริง …. ”
จวินวูอี้พยักหน้าขณะที่ใบหน้าของเขากระตุก
“ … ข้าก็ต้องการที่จะรู้ความจริง ”
ด้วยคุณงามความดีของแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงห่งอาณาจักรยูถัง โจวเจียนฮั่นสามารถที่จะเรียกสายลม และสายฝนได้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจดั่งเช่นเมืองพายุหิมะขาว เขานั้นเป็นเพียงแค่มดปลวก
แม้ว่าจวินวูอี้จะไม่ต้องการให้ศัตรูดั่งเช่นโจวเจียนฮั่นมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ แต่โจวเจียนฮั่นและจวินวูอี้นั้นเชื่ออย่างหนักแน่นว่า กระดูกของทหารจะต้องอยู่ในสมรภูมิเท่านั้น แม้ว่า เขาต้องการให้โจวเจียนฮั่นตาย เขาต้องการให้คนผู้นั้นตายในการต่อสู้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยน้ำมือของเขา ! แต่กระนั้น เขาก็ไม่ต้องการให้โจวเจียนฮั่นต่อสู้กับเมืองพายุหิมะขาวเพื่อที่จะแก้แค้นให้กับจวินวูเห่ย และต้องพบจุดจบภายใต้สถานการณ์ที่น่าคลางแคลงใจ !
ในความจริง จวินวูอี้ทำได้เพียงคาดเดาถึงความจริง เนื่องจากเขาไม่มีหลักฐานที่เกี่ยวกับเมืองพายุหิมะขาว ! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่กล่าวโทษความเกลียดของตัวเอง และบังคับให้เขาต่อสู้กับผู้ใดก็ตาม !
“ เจ้าไม่สามารถที่จะต่อกรกับเขาได้ เจ้าไม่แม้แต่สามารถที่จะต่อสู้กับพี่ใหญ่หรือพี่รองของข้า หรือข้าได้ ! ”
จวินวูอี้ตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น
“ โจวเจียนฮั่น เจ้าไม่ควรที่จะประเมิณความสามารถของตัวเจ้าเองสูงเกินไป ! แม้ว่าข้าหวังว่าเจ้าจะตายในไม่ช้า แต่ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตาย อย่างที่พี่ชายของข้าตาย ! กระดูกของทหารจะต้องอยู่ในสมรภูมิเท่านั้น ! ”
“ ดังนั้น เจ้าก็รู้ว่าเจ้าทั้งสามนั้นถูกโจมตี และข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในสิ่งที่เกิดขึ้น ? ”
ดูเหมือนว่าโจวเจียนฮั่นจะตระหนกในเรื่องนี้
“ แน่นอนว่าเจ้านั้นอาจจะได้รับการยกย่องว่าเป็นขุนพลที่สำคัญที่สุดแห่งอาณาจักรยูถัง แต่เจ้าก็ยังไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะพี่น้องจวินได้ ! ”
จวินวูอี้คำรามทางจมูก
“ แต่เจ้าเพียงแค่ไม่สามารถทำได้ ! ”
“ ขอบคุณ ! ขอบคุณ ! ”
แม้ว่าจวินวูอี้จะดูถูกเขา แต่โจวเจียนฮั่นดูเหมือนจะมีความสุข ขอบคุณ และตื่นเต้นอย่างมาก !
“ จวินวูอี้ เจ้าจะเป็นแม่ทัพที่มีชัย แต่เจ้าจะไม่เคยรู้ถึงภาระที่ชัยชนะเหล่านั้นได้ฝากเอาไว้ ! ข้าไม่เคยพ่ายแพ้การต่อสู้ในสิบปีที่ผ่านมานี้ … ข้าอาจจะโดนโจมตีอย่างหนัก แต่ข้าก็โต้ตอบกลับไปและชนะเสมอ … แต่ ตั้งแต่ที่ข้าไม่สามารถที่จะเอาชนะพี่น้องสกุลจวินได้ ไม่ว่าข้าจะไปที่ใหน … ข้าจะรู้สึกว่ามีบางคนที่ชี้มาที่ข้าและพูดว่า … เจ้าเห็นชายผู้นั้นไหม เขาเป็นคนที่โชคดีอยู่เสมอ … ไม่ว่าเขาจะพ่ายแพ้ขนาดใหน สุดท้ายเขาก็ยังชนะ เพราะว่าเขานั้นเป็นแม่ทัพที่โชคดี … โชคคือความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ …. ”
“ นี่คือความอัปยศอันยิ่งใหญ่ของทหารทุกคน ! ทหารที่แท้จริงจะไม่เชื่อในโชค ! ความแข็งแกร่งคือทุกๆอย่าง ! ”
เสียงของโจวเจียนฮั่นเริ่มดังขึ้น จนดูเหมือนว่าเขาเกือบจะคำราม อย่างบ้าคลั่ง
“ ข้าไม่มีความแข็งแกร่งที่จะเอาชนะหรือ ? ข้าไม่เคยแพ้สงครามในสิบปีมานี้ ! ไม่ว่าข้าจะโดนโจมตีอย่าหนักสักเพียงใด ข้าก็ตอบโต้กลับไป และสุดท้ายข้าก็เป็นผู้ชนะ ! ทำไมทุกคนถึงบอกว่าข้านั้นโชคดี ? ข้าอยากจะตายก่อนที่จะยอมรับชัยชนะด้วยโชคชะตาอันบิดเบี้ยวของข้า ! ”
จวินโม่เซี่ยเฝ้ามองโจวเจียนฮั่นตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามา และสามารถสัมผัสได้ว่าชายผู้ที่คือทหารที่แท้จริง ! การได้ยินคำพูดเหล่านี้ทำให้เขามั่นใจอย่างมาก
บางครั้ง จวินโม่เซี่ยไม่ได้เห็นด้วยกับคำโม้โอ้อ้วดและอุดมการณ์ของคน แต่เขาก็อดที่จะยกย่องพวกเขาไม่ได้
เขาคือทหารที่แท้จริง ! บุรุษเลือดเหล็กแห่งกองทัพที่แท้จริง !
ยึดหลังมองตรง ! ผู้ชายที่แท้จริงและกระบี่ที่แท้จริงนั้นไม่เชื่อในโชค และโชคชะตา ! หากพวกเขาเผชิญหน้ากับความตาย พวกเขาจะยืนหยัดที่จะเผชิญกับมัน ! พวกเขาอาจจะตาย แต่พวกเขาจะตายในการต่อสู้เสมอ ! พวกเขาตายด้วยท่าทางที่มุ่งไปข้างหน้า เพื่อปกป้องความภาคภูมิใจและเกียรติยศของประเทศชาติ ราวกับกำแพงที่อยู่ไปชั่วกัปชั่วกัล ไม่เต็มใจที่จะย้ายไปใหน เพื่อประโยชน์ของคุนรุ่นหลัง และอนาคตของประเทศชาติ !
จวินโม่เซี่ยสามารถมองเห็นความภาคภูมิใจอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นลักษณะของทหารที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน ในคำพุดและภาษากายของจวินวูอี้และโจวเจียนฮั่น !
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือศัตรู ทหารเช่นนี้ก็มีค่าพอที่จะชื่นชม
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าหากมีแม่ทัพคนใดที่สามารถจะเทียบคำพูดได้กับ คำพูดของโจวเจียนฮั่นได้ในวันข้างหน้า ผู้ที่พูดนั้นก็ไม่สามารถที่จะเทียบความกล้าหาญและอุดมการณ์ของแม่ทัพผู้นี้ได้ !
จวินวูอี้แล้วโจวเจียนฮั่น ทั้งสองนั้นเคยเป็นศัตรูกัน และพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องต่อหน้ารูปปั้นของจวินวูเห่ยอยู่เป็นเวลานาน และแม้ว่าพวกเขานั้นจะประชันกัน แต่น้ำเสียงแห่งความเห็นใจ และความเคารพนั้นยังคงเต็มเปี่ยมอยู่ในภาษากายของพวกเขา
จวินโม่เซี่ยไม่รบกวนพวกเขาเลย เนื่องจากเขารู้ว่านี่คือช่วงเวลาของพวกเขาทั้งสอง และปล่อยให้พวกเขานั้นอยู่กันตามลำพัง ! ทหารผ่านศึกทั้งสอง ศัตรูทั้งสองนี้ ทหารเลือดเหล็กทั้งสอง
สุดท้าย ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ โจวเจียนฮั่นได้กล่าวประโยคที่ทำให้จวินโม่เซี่ยสนใจ
“ ไม่มีสกุลทางทหารในเมืองเทียนเชียงสกุลใดนอกจากสกุลจวิน และสกุลตู่กู้ ที่กำลังมองหาความน่าสงสัยในจุดจบของพวกเขา ”
“ เจ้ากำละงจะบอกอะไร ? ”
จวินวูอี้ถาม
“ เจ้ามีข่าวอะไรพี่โจว ? ประเทศนั้นหันมาต่อต้านพวกเรา ? ”
“ ประเทศหันมาต่อต้านพวกเจ้าหรือ ? ”
โจวเจียนฮั่นยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ ข้ามาที่นี่พร้อมกับที่ปรึกษาราชสำนักแห่งอาณาจักรยูถัง และองค์ชายทั้งสามของเจ้านั้นได้มาพบพวกเรา และ ฮ่าฮ่า ความคิดของพวกเขานั้นช่าง … ฮ่าฮ่า … ”
ในตอนนี้ โจวเจียนฮั่นยืนหลังตรง และเสียงที่ต่ำของเขาฟังดูเหมือนจะเยาะเย้ยจวินวูอี้
“ องคฺชายทั้งสาม พยายามที่จะแบ่งแยกอาณาจักร แต่องค์จักรพรรดิของเจานั้นยังคงหนักแน่นในการรักษาความสมดุลและความเป็นหนึ่งเดียว อย่างไรก็ตาม องค์ชายทั้งสามนั้นใจร้อนอย่างมาก และไม่สามารถรอคอยความสำเร็จของพวกเขาได้นานนัก ซึ่งทำให้การก่อกบฏ นั้นเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขา สกุลจวินและสกุลตู่กู้นั้นจงรักภักดีกับหยางหวยยู่อย่างมาก ซึ่งทำให้สกุลทั้งสองนั้นคือไม้ท่อนใหญ่ที่ขวางทางอยู่ และพวกเขาต้องการที่จะกำจัดไม่ว่าต้องสูญเสียสักเท่าใหร่ก็ตาม สกุลตู่กู้มีลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน และนางก็สามารถถูกใช้เป็นเครื่องต่อรองที่สำคัญได้ และหากองค์ชายหนึ่งในสามขอนางแต่งงาน … แม้ว่าสกุลจวินจะแต่งกับองค์หญิง มันก็เป็นเพียงความกรุณาของพระองค์ และจะไม่ขัดขวางแผนการขององค์ชายทั้งสาม ”
จวินวูอี้มองต่ำลง
“ เป็นเช่นนั้นหรือ ? ”
Translate by iHaveNoName