“ ดีแล้ว แต่เจ้าจะต้องระวังตัวนะ ”

จวินวูอี้เห็นด้วยอย่างไม่ลังเล เขารู้แล้วว่า หากหลานชายของเขาต้องการจะไปเพียงตัวเขาคนเดียว เขาจะต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว

จวินวูอี้ค่อนข้างเชื่อใจในความสามารถของหลานชาย และต้องการที่จะกลับไปฝึกฝนเป็นการส่วนตัว แทนที่จะมานั่งกังวลว่าหลานชายของเขาอยู่ที่ใดโดยไม่จำเป็น

เมื่อหลายวันก่อน จวินโม่เซี่ยได้บอกรายละเอียดเคล็ดกระบี่ลึกลับโดยบอกว่าเขาได้พบมันโดยบังเอิญ ตอนแรกจวินวูอี้เยาะเย้ยยว่าเคล็ดนั้นไม่น่าจะถูกต้อง แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเคล็ดนั้นใช่ได้ผลเป็นอย่างมาก ในความจริง จวินวูอี้หลงไหลในเคล็ดนี้ เพราะว่ามันละเอียดกว่าทุกอย่างที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ และยังสามารถใช้สังหารศัตรูได้โดยการระเบิดพลังออกมา !

ยิ่งไปกว่านั้น เคล็ดนี้เที่ยงตรงอย่างมาก มันยากที่จะหลบหลีกได้หากนำมาประยุกต์ใช้อย่างถูต้อง ! จวินโม่เซี่ยได้เรียนรู้อาวุธโบราณก่อนที่เขาจะได้มาสิงร่างนี้ และได้ลำดับความรู้เพื่อสร้างเคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับนิสัยของจวินวูอี้ขึ้นมา

จวินวูอี้เคยต่อสู้ในสงครามมาหลายครั้งตั้งแต่ยังหนุ่ม เขาเป็นคนเลือดเย็นแต่เป็นขุนพลที่ใจร้อน ซึ่งทำให้เคล็ดวิชานี้เหมาะสมกับธรรมชาติของเขาได้อย่างสมบูรณ์ !

ด้วยความที่เคล็ดนี้ถูดสร้างมาให้เหมาะสมกับเขา ! ทำให้จวินวูอี้พยายามเรียนรู้มันอย่างบ้าคลั่ง

น้าและหลานคู่นี้แยกทางกัน

จวินโม่เซี่ยสับสนเล็กน้อยตั้งแต่การต่อสู้เพื่อแกนเชวียนจบลง ซึ่งหมายความว่า ยอดฝีมือทั้งหมดที่เคยมารวมตัวกันในเมืองเทียนเชียงก่อนหน้านี้ควรจะแยกย้านกันไปหมดแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เหยี่ยวผู้โดเดี่ยวยังไปออกจากเมืองไปในตอนนี้ ….

นายน้อยจวินรู้เสมอว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่อยู่เบื้อหลังการกระทำต่างๆของคน แต่เขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นไม่เคยสนใจในแกนเชวียน และมาเพียงเพื่อมองหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมเท่านั้น เขารู้ดีว่าหากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสนใจในแกนเชวียน เขานั้นสามารถจะหนีออกไปพร้อมกันแกนเชวียนได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการ และไม่มีผู้ใดที่อยู่ตรงนั้นสามารถขัดขวางเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่สัตว์เชวียนทั้งสองจากป่าเถียนฟาก็ไม่สามารถที่จะไล่ตามเขาได้

แล้ว วันนี้เขามาทำอะไร ?

หรือบางที มีอะไรบางอย่างในเมืองเทียนเชียงที่ทำให้เขาสนใจ ? หรือว่าเขาอาจจะเจอยอดฝีมือที่เขาต้องการจะต่อสู้ด้วยแล้ว ?

จวินโม่เซี่ยได้ทำให้ตัวเองคิดคล้ายกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเป็นเหตุที่เขาสนทนากับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเช่นนั้น และได้เสนอสุราชั้นดีแก่เขา

อย่างไรก็ตาม แผนการของเขาก็ถูกดำเนินการไปก่อนกำหนด และการมาถึงอย่างไม่คาดคิดของยอดฝีมือสวรรรค์เชวียนและเทพเชวียนจำนวนมาก ทำให้จวินโม่เซี่ยตกตะลึง

หลังจากนั้น เมื่อการต่อสู้เพื่อแกนเชวียนจบลง เขาก็ได้รู้ว่าเขาสามารถใช้การช่วยเหลือของสัตว์เชวียนทั้งสองจากป่าเถียนฟาเพื่อทำงานที่สำคัญของเขาได้ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ต้องใช้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในการทำตามแผนการถัดมาของเขา !

ผลลัพธ์นั้น แม้ว่าเขาจะวางแผนทุกอย่างไว้อย่างแม่นย่ำแล้วก็ตาม เขาก็ยังจำเป็นจะต้องปรับปรุงแผนการของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์

อย่างไรก็ตามหัวใจของนายน้อยจวินยังคงมีความคับข้องใจอยู่บ้างโดยเฉพาะในเรื่องนี้ 

 ข้าใช้เวลาและพลังไปมากมายในการวางแผนการทุกอย่างนี้ และกลายเป็นว่าตอนนี้มันไร้ประโยชน์ ? เวลาและพลังของข้าถูกใช้ไปอย่างไร้ประโยชน์ !

จวินโม่เซี่ยผิดหวังกับตัวเองเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้ว่ามันยากที่จะติดตามเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเมื่อเขาออกไปจากเมืองเทียนเชียงแล้ว อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยไม่คาดฝันว่าจะได้เห็นเงาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในเมืองเทียนเชียงอีกครั้ง  เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป !

ดังนั้นมือสังหารจวินจึงตามหลังอาจารย์ที่หายลับไปด้วยความเร็วสูงสุด !

ความเร็วและความคล่องแคล่วของมือสังหารนั้นไม่เป็นรองผู้ใด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามผลักดันตัวเองเท่าใหร่ เขาก็ยังคงพบว่าเขาไม่สามารถที่จะไล่ตามเหยี่ยวผู้โดเดี่ยวไปได้ ในความจริง ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ! จะบอกไม่ได้ว่าจวินโม่เซี่ยนั้นขาดฝีมือ ปราณเชวียนของเขานั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ และแม้ว่าการเพาะปลูกของเขาจะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ล่าช้า แต่ก็ยังเทียบได้เท่ากับยอดฝีมือเชวียนทองกลาง อย่างไรก็ตาม นายน้อยจวินนั้นมั่นใจว่าเมื่อเขาบรรลุไปยังชั้นที่สองของเจดีย์หงษ์จวินแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็จะสามารถเทียบได้กับปราณเชวียนของยอดฝีมือปฐพีเชวียนตามมาตรฐานของดินแดนเชวียนเชวียน

อย่างไรก็ตาม มันยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่ตอนนี้เขามองไม่เห็นเงาของเหยี่ยวผู้โดเดี่ยวแล้ว แต่ มือสังหารก็ยังคงไม่ยอมแพ้ และยังคงค้นหาต่อไปด้วยฝีมือการลอบสังหารของเขา และสัญชาตญาณที่มีอยู่ในมือของเขาเพื่อติดตามเหยี่ยวผู้โดเดี่ยว

ป่าเมเปิ้ล ทางใต้ของเมือง

ใบเมเปิ้ล ปรากฏเป็นสีแดงราวกับเลือดในยามเย็นของฤดูใบไม้ร่วง

ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านส่งเสียงหวีดหวิวฟังดูคล้ายกับป่าเลือด และดูเหมือนว่า กิ่งก้านของต้นไม่ในป่านี้ไม่สามารถที่จะต้านทางแรงลมได้อีกจนมันลู่ไปตามสายลม ทำให้ดูคล้ายกับคลืนของทะเลเลือดที่ซัดขึ้นลง …

ทั่วทั้งขอบฟ้าดูเหมือนจะบรรเลงไปด้วยเลือด !

คนในชุดสีฟ้าผู้หนึ่งยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางสายลม และแม้ว่าเขาจะยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง แต่เสื้อผ้าที่กระพือไปมาของเขานั้นทำให้ร่างของเขาดูเหมือนกับทะเลที่กำลังสับสนอลหม่าน มีคลื่นลมซัดไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชุดสีฟ้าของชายผู้นี้โดดเด่นขึ้นมาจากสีแดงเข้มของสีของผืนป่าที่เป็นฉากหลัง และดูเหมือนสร้างเป็นภาพที่แปลกแต่เงียบสงบ ขัดแย้งแต่มีระเบียบ

ผมสีฟ้าของเขาลอยขึ้นมาด้วยสายลม และดูเหมือนว่าจะผสมรวมเข้าไปกับท้องฟ้าเบื้องบน แม้ว่าจะมีใบไม้มากมายร่วงลงมาบนพื้น แต่ที่อยู่รอบๆตัวเขานั้นยังคงหมุนวนอยู่รอบๆ ดูเหมือนว่า ไม่มีใบไม้มาเกาะติดที่ผมของเขาเลย แววตาของดูสงบและใจเย็น ไม่มีร่องรอยแห่งความโศกเศร้าที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีความสิ้นหวัง หรือความหวัง ไม่มีความตื่นเต้น และไม่หวาดกลัว

ชายผู้นี้คือ ไฮเฉินเฟิง !

ในขณะที่เป็นมิตร ไฮเฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นตามที่สัญญาไว้

เพื่อที่จะพบกับศัตรูที่ไม่รู้จักแต่ไม่มีใครเทียบได้นี้ เพื่อเพื่อนของเขา

เขามองไปทางทิศตะวันออก และดูเหมือนว่าเขานั้นจะเพ่งมองไปยังเส้นขอบฟ้าด้วยความหวังที่จะได้เห็นบ้านเกิดของเขาที่อยู่ถัดไปจากทะเล ซึ่งอาจารย์ของเขากำลังรอการกลับไปของเขาอยู่ !

เมื่อการต่อสู้นี้จบลง ข้าจะมีโอกาสได้กลับบ้านอีกครั้งไหม ?

วู้ววววววววว …. สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านท้องฟ้าอย่างรุนแรง และดูราวกับว่ามีดาวตกพุ่งลองมาจากท้องฟ้า และปะทะเข้ากับพื้นโลกก่อให้เสียงที่ดังก้องสะท้อนไปไกล !

ไฮเฉินเฟิง ชำเลืองมองแสงสีฟ้าที่เปล่งประกายออกมาจากร่างของเขา เขาตั้งตัวตรงอยู่ที่จุดเดิม อย่างมุ่นคงราวกับก้อนหิน แต่ผมของเขาเริ่มโบกสะบัดไปตามสายลมอยู่ด้านหลังของเขา ในขณะที่ใบเมเปิ้ลปลิวผ่านร่างของเขาไปอย่างรวดเร็ว ! ใบไม้นับสิบล้านเผชิยหน้ากับสายลมฤดูใบไม้ร่วงจนถึงตอนนี้ สุดท้ายก็ไม่อาจจะจะต้านทานได้ และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับประกาดสีแดงดั่งเลือดของพวกมัน ด้วยแรงลม !

ทะเลสีแดงและฟ้าแยกออกจากกันในทันที !

ดูเหมือนว่าไฮเฉินเฟิงยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่มีผู้ใดอยู่รอบตัวเขา และไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือ !

สีหน้าของไฮเฉินเฟิงเปลี่ยนไปในทันที ในตอนที่เขามือของเขากำไปที่ด้ามของกระบี่ขณะที่เขามองหาศัตรูของเขา แต่ไม่พบผู้ใด !

ไม่มีศัตรูให้เห็นเลย !

ชายที่ไม่รู้จักนี้ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมา แต่เขาได้เฝ้าดูไฮเฉินเฟิงโดยใช้ปราณเชวียนของเขา !

ฉึบบบบบ !

เงาสีดำปรากฏขึ้นในชั่วพริบตาสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านหนึ่งของไฮเฉินเฟิง ชายผู้นั้นเคลื่อนที่ลงมาราวสิบฟุดในอากาศ แต่สายลมที่ผ่านชุดของเขาทำให้ท่าทางของเขาดูเหมือนจะเป็นเหยี่ยวมากกว่าคน !

ผมที่ยาวของเขาประลงมาที่ไหล่ กระดูกสันหลังของเขาตั้งตรงราวกับหอก ดวงตาของเขาดูเหมือนจะมีแสงเปล่งประกายออกมา ริมฝีปากปและจมูกของเขาดูคล้ายกับเหยี่ยว ใบหน้าของเขาเรียว และทั่วทั้งร่างของเขานั้นดูราวกับตัวแทนของความตาย ! เขาปรากฏตัวราวกับเป็นเจ้าแห่งนภา รอคอยเหยื่อรายต่อไปของเขา ราวกับเหยี่ยวที่มองลงไปที่กระต่าย !

“ เจ้าคือผู้ที่ก่อกวนก๊กจินหยางหรือ ? ” 

 ไฮเฉินเฟิงสูดหายใจลึกและถามด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม สัญชาตญาณสวรรค์เชวียนของเขาทำให้เขารู้ว่า เขานั้นไม่สามารถเทียบกับชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้ !

“ ใช่ และเจ้าคือผู้ที่จินเฟิงเล่ยจ้างมาให้ช่วยหรือ ? และเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน ใช่ ใช่ นั่นดีแล้ว ดีมากๆ ! ”

ชายที่อยู่ในชุดคลุมสีดำเหลือบไปมองไฮเฉินเฟิงขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงถึงความปราถนาที่รุนแรง หัวใจของไฮเฉินเฟิงเต้นรัวราวกับกลอง

ขั้นการเพาะปลูกของเขาสูงเกินไปสำหรับข้า … เขาไปถึงขั้นใหนแล้วตอนนี้ ? … อย่างน้อยเขาจะต้องเป็นเทพเชวียน !

แม้ว่าไฮเฉินเฟิงจะมีหัวใจของยอดฝีมือสวรรค์เชวียนที่แข็งแกร่ง เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี ! แม้ว่าเขาจะคิดไว้แล้วว่าคนผู้นี้จะต้องแข็งแกร่งอย่างมาก และบางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าชายผู้นี้จะเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ !

คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ข้าเชื่อว่าแม้แต่อาจารย์ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ !

แต่มีเพียงแค่คนเพียงหยิบมือที่จะก้าวหน้าไปได้ไกลขนาดนี้ … แล้ว คนผู้นี้เป็นใครกัน ?

เหตุผลที่แท้จริงที่ไฮเฉินเฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คือ

 เนื่องจากคนผู้นี้ก้าวหน้าไปได้ไกลขนาดนี้ เหตุใดเขาจึงต้องมาก่อปัญหากับก๊กขนาดเล็กเช่นก๊กจินหยางด้วย ? หากคนผู้นี้ถามหาบางสิ่งจาก จินเฟิงเล้ย เขาคงจะให้ทุกอย่างที่หาได้ไป … แต่เขากลับทำให้ชายผู้นี้หงุดหงิ !

อะไรกันนี่ ?

ชายที่อยู่ในชุดคลุมสีดำยิ้มอย่างเยือกเย็น

“ แม้จะเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน เจ้าก็ยังกล้าท่จะท้าทายข้า ! ฮ่าฮ่า ! ดี ! ดี ! อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีความกล้าหาญ ! ”

“ ความถูกต้องสามารถค้นพบได้ทุกที่ และข้าก็มีมันเช่นกัน ! แม้จะเป็นภูเขาของมีดสั้น และทะเลแห่งเปลวเพลิง จะต้องไม่มีการมองกลับไปข้างหลัง ! ”

ไฮเฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจขณะที่เขารวบมือเข้ามาด้วยความนอบน้อม

“ นายท่าน ข้าขอให้ท่านปล่อยเพื่อนข้าไป ! และหากข้าทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าขอให้ท่านอภัยให้ข้า ”

“ ข้าไม่เคยทำเช่นนั้น ”

ชายในชุดดำหัวเราะเสียงดัง น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะแปลกประหลาด ราวกับเป็นเสียงร้องของอินทรีย์

“ ข้ามาที่เมืองเทียบเชียงเพื่อมองหาบางอย่าง และต้องการจะทำให้การเดินทางของข้านั้นสำเร็จสมบูรณ์ และมีประโยชน์ แล้วข้าก็กำลังจะจากไปโดยไม่ต้องกังวลใจในเรื่องไร้สาระของก๊กจินหยางนี้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นเช่นนี้ ข้าจะยอมรับการท้าประลองของเจ้า ดูราวกับบางครั้งผูคนก็โชคดี ”

“ เมื่อวัตถุประสงค์ของเจ้าได้สำเร็จลุล่วงไปแล้ว เหตุใดท่านถึงยังไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป นายท่าน ? ”

ไฮเฉินเฟิงถอนหายใจ จากนั้นเขาพยักหน้า

“ จากระดับของเจ้าแสดงให้เห็นว่าเจ้าเพียงแค่สนใจในการแย่งชิงแกนเชีวยนใช่ไหม ? ”

ชายในชุดดำคร่ำควรญ ราวกับมีใครบางคนจี้จุดผิด และสีหน้าของเขาก็เศร้าหมองลงในทันที เขากระพริบตา และพูด

“ เพียงเพราะมันจบลงไปแล้วพวกเราจึงไม่ต้องต่อสู้กันอย่างนั้นหรือ ? ไร้สาระ ! วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้า ! เจ้าต้องจำไว้ว่า คนบางคนก็ไม่ควรจะยั่วยุ และเมื่อเจ้าทำให้บางคนขุ่นเคือง เจ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสม ! ”

Translate by iHave NoName