“ แล้ว ท่านพี่ต้องการจะรังแกข้า ? ดีละ หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะขอให้เราทักทายกันด้วยการต่อสู้ ”

ความเย่อหยิ่งโดยกำเนิดของไฮเฉินเฟิงได้เข้ามาควบคุมการตัดสินใจของเขา และคิดกับตัวเอง 

 ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้านั้นแข็แข็งแกร่งกว่าข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะใช้กำลังใจการกลั่นแกล้งข้าได้อย่านั้นหรือ ? ข้าอยากจะตายในมือของเจ้าก่อนที่ข้าจะยอมให้เจ้ามาข่มขู่ข้า ! สุดท้าย ไฮ่เฉินเฟิงก็ยังเป็นศิษย์ของหนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะทำให้ข้าตกใจกลัวได้ง่ายๆ ?

จะต้องกล่าวถึงอาจารย์สีฟ้า เมิงฮ้งเฉิน ผู้ที่มีนิสัยรักสันโดษและแปลกประหลาด และไม่เคยพูดถึงโลกภายนอกกับศิษย์เลย เขาได้เอาชนะเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในหลายปีก่อนที่สมรภูมิที่เงียบสงบ และไฮเฉินเฟิงก็ไม่ได้เห็นการต่อสู้ ความจริงแล้ว เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินข่าวลือเลย ยิ่งไปกว่านั้น ไฮ่เฉินเฟิงก็ไม่รู้จักชายที่เขากำลังเผิชญหน้าอยู่ด้วย และไม่คิดว่าชายผู้นี้จะมีชื่อเสียงในระดับเดียวกับอาจารย์ของเขา และเป็นหนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !

“ ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องมากพิธี การต่อสู้นี้ถูกสวรรค์กำหนดไว้แล้ว ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหัวเราะเสียงดัง และพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับหมอกควัน และยื่นมือออกไปเพื่อโจมตีใส่ศัตรูของเขา

ไฮเฉินเฟิงคำรามทางจมูกด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็ชักกระบี่สีฟ้าออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียง ฉึบบ

แกร๊ง ! มือขวาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวปะทะเข้ากับกระบี่ของไฮเฉินเฟิง ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น

หัวใจของไฮเฉินเฟิงตื่นเต้นเนื่องจากเขาแทบจะไม่เคยพบเจอกับคนที่ทำให้เขาประหลาดใจได้เช่นนี้ แม้ว่าการปะทะจะเท่าทียมกัน เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก แม้ว่าการปะทะจะเสมอกัน แต่เขายังใช้มือเปล่ามาต่อสู้กับกระบี่ ซึ่งหมายความว่าหากเขาพยายามจะใช้มือเปล่าในการต่อสู้กับศัตรู เขาจะไม่มีโอกาสที่จะชะการต่อสู้ได้เลย พายุแห่งความสงสัยก่อขึ้นในหัวใจของเขา ขณะที่เขาเริ่มเข้าใจถึงความเลวร้ายของสถานการณ์นี้

เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่สามารถเทียบกับชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่สร้างความได้เปรียบ

มีเหตุผลที่พิเศษว่าทำไมเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถึงยังคงเที่ยวมองหาคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนบนยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม ในขณะที่เขาเลือกคู่ต่อสู้เป็นเหยี่ยวและนกอินทรีย์ และเรียนรู้การเคลื่อนไหวในการต่อสู้ของพวกมันอย่างช้าๆ รูปแบบการต่อสู้ กลยุทธ์ในการล่า ท่วงท่าในการโจมตี ซึ่งทำให้เขารูปแบบการต่อสู้ชนิดใหม่ขึ้นจากรูปแบบการต่อสู้ เก้าอินทรีย์ได้อย่างล้ำลึก และเป็นชุดกระบวนท่าที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น สิบเจ็ดอินทรีย์ !

ชุดกระบวนท่านี้ทรงพลัง แต่เนื่องจากรูปแบบการต่อสู้นี้ยังอยู่ในช่วงแรกของการพัฒนา มันจึงยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ และการแปรกระบวนท่าที่ยุ่งยากนั้นทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวปวดหัว ดังนั้นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงตัดสินใจมองหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เขาเข้าใจถึงจุดบกพร่องของรูปแบบกระบวนท่าของเขา และยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นการปูทางไปสู่การปรับปรุงรูปแบบการต่อสู้ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถทำตามจุดประสงค์นี้ได้สำเร็จ

เขารู้ดีว่าสุดยอดอาจารย์นั้นจะไม่เกียจคร้าน ซึ่งทำให้เขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ช่วยเขาด้วยความคิดนี้ หรือบางทีเขาเพียงแค่ไม่ต้องการจะเห็นหางของมังกร …

ดังนั้น เขาจึงไม่มีตัวเลือกมากนัก …

ยิ่งไปกว่านั้น สุดยอดอาจารย์คนอื่นนั้นก็ยังแข็งแกร่งกว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอยู่เล็กน้อย และเมื่อมันเป็นการต่อสู้จริงๆ เขาต้องพยายามใช้กระบวนท่าเหล่านี้อย่างมากเพื่อทดสอบ ซึ่งมันทำคำแนะนำเหล่านั้นไม่สมบูรณ์

ทั้งหมดนี้ทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหมดหนทางที่จะลองเสี่ยง

ความเป็นไปได้ในการใช้เฟิงจวนหยวนในการทดสอบของเขายังคงเป็นทางเลือกที่มีเหตุผล แต่การเผชิญหน้าระหว่างศัตรูทั้งสองนั้นเป็นการต่อสู้ด้วยความเป็นตาย! ในสถานการณ์เช่นนั้น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการยากที่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะฝึกฝนกระบวนท่าใหม่ของเขา เนื่องจากผลลัพธ์ของมันจะมีเพียงสองอย่างคือ เขาจะทำมันได้อย่างดี หรือไม่เขาก็จะต้องพบจุดจบด้วยความตาย …

ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าเขาต้องการความมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะต้องไม่ปล่อยให้กระบวนท่าใหม่และเป็นความลับของเขาหลุดไปถึงหูของเฟิงจวนยุ่น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวต้องการจะพิสูจน์ว่าเขานั้นเหนือกว่า เฟิงจวนยุ่น และหวังว่ากระบวนท่าใหม่ของเขานี้จะช่วยให้เขาทำมันได้สำเร็จในวันหนึ่ง !

นอกจากตัวเลือกนี้ ก็ยังมีคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้ด้วย เหลืออยู่ในโลกนี้ไม่มากนัก

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมีความคิดว่าจะเข้าไปในป่าเถียนฟา เพื่อขัดเกลากระบวนท่าของเขา แต่เมื่อคิดถึงพลังอำนาจที่อยู่ในป่าเถียนฟ้านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เขากลับมาพิจารณาใหม่ และเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ไปที่นั่น 

 ข้าคงจะต้องจบลงด้วยจมอยู่ในกองขี้ของสัตว์เชวียนหากข้าเข้าไปที่นั่น …

ด้วยความอดทนที่มีขีดจำกัดของเขา เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ยังคงเหลืออยู่ คือการต่อสู้กับใครก็ตามที่เขาพบเจอ ! ไม่สำคัญว่าคนผู้นั้นคือใคร ตราบใดที่พวกเขานั้นเป็นยอดฝีมือ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะพยายามถามหาคนเหล่านั้นเพื่อต่อสู้กับเขา แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นศิษย์ของแปดยอดปรมาจารย์ … เนื่องจากคนเหล่านี้จะได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษและมีความรู้ในฝีมือของพวกเขาอย่างมาก ทำให้พวกเขาสามารถที่จะขัดเกลากระบวนท่าใหม่ของเขาให้ดีขึ้นได้

สำหรับผลก็คือ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเดินทางไปทั้งเหนือและใต้ มองหายอดฝีมือที่เป็นที่รู้จักอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้เขานั้นรู้สึกท้อแท้เมื่อได้รู้เรื่องอย่างหนึ่ง หลังจากที่ได้ต่อสู้กับผู้ที่มีชื่อว่าเป็นยอดฝีมือนับร้อย ก็ยังไม่มีใครสักคนที่ช่วยขัดเกลากระบวนท่าของเขาได้เลย ความชำนาญในกระบวนท่าใหม่ของเขานี้ดูเหมือนจะลดลง !

เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ที่ไม่เป็นที่ต้องการนี้ เห็นได้ชัดว่าวิเคราะห์ออกมาได้ไม่ยาก …

มันก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมส์หมากรุก เมื่อใครบางคนเล่นกับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าหลายๆครั้ง ความเก่งกาจของคนผู้นั้นก็จะลดต่ำลง ….

ในตอนที่เขากำลังเศร้าโศก เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ได้มาพบกับข่าวลือเรื่องแกนเชวียน และจากนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินทางมายังเมือเทียนเชียงในทันที เพื่อที่จะคว้าเอาโอกาสที่ดีนี้ไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาได้ในสิ่งที่หัวใจของเขาต้องการแล้ว ก็มีสัตว์เชวียนสองตัวแสดงตัวออกมาและขโมยเอาแกนเชวียนไปต่อหน้าต่อตาของเขา

ไม่จำเป็นต้องพูดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอันตรายอย่างมากต่อฉีฉางเซี่ยวและความสนใจของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !

การเดินทางมายังเมืองเทียนเชียงของฉีฉางเซี่ยวนั้นมิได้ยาวนาน แต่ความพยายามของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวที่ได้ทำมาทั้งหมดนั้นกลับพังทลายลง ความคิดของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นยังคงไม่คงที่อยู่จนกระทั่งวันถัดมา และในที่สุดเขาจึงตัดสินใจจะไปหาซีฉางเซี่ยวถึงหน้าประตู เพื่อที่จะก่อปัญหา อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึงค่าย เขาก็ได้รู้ว่า ยอดปรมาจารย์นั้นได้ออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว …

เนื่องจากมันกลายเป็นความหดหู่ใจอย่างมาก ทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตัดสินใจออกมาแต่โดยดี สำหรับแผนการเดิมของเขาที่จะใช้ก๊กจินหยางนั้น 

 หากไม่มียอดฝีมือที่เหมาะสมในเมืองนี้อีกแล้ว แล้วจะใช้ก๊กจินหยางไปเพื่ออะไรละ ? ทั้งหมดที่ก๊กไร้ประโยชน์นั่นทำได้คือบอกตำแหน่งของยอดฝีมือระดับสูงที่เขาสามารถที่จะต่อสู้ด้วยได้ .. แต่ตอนนี้ แกนเชวียนนนั้นได้หายไปแล้ว แล้วอะไรที่พวกเขาจะสามารถทำให้ข้าได้ !

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดว่าจะได้รับ การท้าต่อสู้จาก ผู้ที่ก๊กจินหยางจ้างมา !

ในที่สุดเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ได้พบกับหนทางที่จะปลดปล่อยความสิ้นหวังที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ออกไป ! เขามุ่งหน้าตรงมายังป่าเมเปิ้ลเพื่อที่จะปลดปล่อยความโศกเศร้าของเขาอย่างคึกคะนอง และเหลือไว้แต่เพียงความสนุกสนาน เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นมิใช่ใครอื่น นอกจากศิษย์ของอาจารย์สีฟ้า ! ยิ่งไปกว่านั้น ชายผู้นี้ได้บรรลุไปถึงขั้นสวรรค์เชวียนสูงสุดแล้ว !

ราวกับสวรรค์รับฟังคำอ้อนวรของเขา !

ยิ่งไปกว่านั้น เกือบจะเห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้จำเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่ได้ !

ยอดฝีมือที่เคยท้อแท้สิ้นหวัง ก็ต้องขอบคุณความโชคดีของเขา !

ดังนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงตัดสินใจจะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา เพื่อทำให้ชายผู้นี้หลาดกลัว จนเขาต้องคุกเข่าลงไปและกรีดร้องเรียกอาจารย์ ! ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันจะเป็นอันตรายกับแผนการของเขา !

ที่เขาไม่เปิดเผยเรื่องนี้ เพราะเขาต้องการที่จะต่อสู้กับชายผู้นี้

เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้เป็นศิษย์ของอาจารยสีฟ้า และเนื่องจากเขาได้บรรลุไปถึงขั้นสวรรค์เชวียนสูงสุดแล้ว อาจจะคิดได้ว่าเขาคือหนึ่งในศิษย์ที่ดีที่ที่สุดที่เมิงฮ้งเฉินเคยฝึกฝนมา หากข้าได้พบกับการต่อสู้ที่เต็มที่และดีจากชายผู้นี้ ข้าเชื่อว่าข้าจะได้มีกำลังใจที่จะมองหาคนผู้อื่นอีก

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะยั้งมือไว้ เมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาจะต่อสู้อย่างเต็มกำลัง และเพียงไม่นานพวกเขาทั้งสองก็แลกหมัดกันนับสิบหมัด

ในตอนนี้ แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ปรากฏตัวขึ้น !

เห็นได้ชัดว่า แขกที่ไม่ได้รับเชิญนั้น คือนายน้อยจวิน !

แม้ว่านายน้อยจวินจะมีฝีมือด้านการสะกดรอยอย่างไม่มีใครเทียบได้ แต่เขาก็ต้องปวดหัวเนื่องจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นมิใช่คนธรรมดา อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ใช้ฝีมือของเขาในการบอกตำแหน่งของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เนื่องจากมันไม่ได้บากมากที่จะเพ่งมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ของใบไม้สีแดง

นายน้อยจวินรีบไปซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆอย่างรวดเร็ว และเริ่มเฝ้ามองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวขณะที่เขากำลังข่มเหงเด็กหนุ่ม อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยก็อดที่จะนับถือความอุทิศตัวของชายผู้นั้นไม่ได้ 

 แม้ว่าเขาเป็นหนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ เขาก็ยังไม่กังวลเมื่อต้องเลือกเส้นทางที่อันธพาล …

เขาเฝ้ามองการต่อสู้ของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกับชายในชุดสีฟ้าอย่างต่อเนื่อง และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่างที่แปลกประหลาด

แม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะทำอย่างเต็มที่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขายังบกพร่องอยู่เล็กน้อย แต่กระนั้น ในขณะที่จวินโม่เซี่ยยคงเฝ้ามองการต่อสู้อยู่ เขาก็เริ่มตระหนักได้ว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวใช้กระบวนท่าเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงมันเลย

ในอีกมุมหนึ่ง ชายในชุดสีฟ้ากลับใช้กระบวนท่าและฝีมือมากมาย

ดูเหมือนว่า สุดยอดปรมาจารย์นั้นจะใช้ชายผู้นี้เป็นหุ่นจำลงเพื่อการฝึกฝนของเขา !

ดูเหมือนว่าร่างของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก ความจริง เท้าของเขาไม่ขยับเลย อีกมุมหนึ่ง มือของเขาก็เคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าที่แปลกประหลาด บางครั้งเขาผายมือออกไปกว้าง บางครั้งเขายื่นมันไปตรงๆ … เขาเปิดและปิดฝ่ามือหลากหลายรูปแบบ …

จวินโม่เซี่ยยังคงเฝ้ามองต่อไปเป็นเวลานาน และหัวใจของเขาก็สัมผัสถึงความแปลกประหลาดได้มากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นก็มีความคิดเกิดขึ้นมาในหัวของเขา 

 เห็นได้ชัดว่านี่คือกระบวนท่าที่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคิดขึ้นมาเอง ! และท่วงท่าเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร่างกายของนกอินทรีย์และเหยี่ยว ! ยิ่งเห็นได้ชัดว่า เคล็ดที่เขาได้คิดขึ้นมานี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ !

เขาสามารบอกได้จากท่าทางที่กระบวนท่าเหล่านั้นได้ถูกออกแบบมา แต่ละท่วงท่านั้นทำให้เกิดการส่งพลัง และแม้ว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้จะดูแปลกประหลาดในตอนแรก แต่เมื่อมันเสร็จสมบูรณ์ ก็สามารถสร้างพลังที่รุนแรงอย่างมากได้

จวินโม่เซี่ยนับอย่างเงียบๆอยู่สามครั้ง และสุดท้ายก็ได้รู้ว่า กระบวนท่านั้นมีทั้งหมดสิบเจ็ดประบวน ! เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวใช้กระบวนทั้งหมดนี้ต่อเนื่องกันในคราวเดียว ดังนั้นมันจึงยากสำหรับเขาที่จะนับจำนวนรูปแบบในการเคลื่อนไหวได้

แม้ว่ากระบวนท่านี้ะสามารถสร้างพลังอันมหาศาลได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะสังหารฝั่งตรงข้าม จึงเป็นเหตุให้เขาตั้งใจ ยับยั้งความแข็งแกร่งของเขาไว้ในระดับพื้นฐาน แต่หากเขาใช้กระบวนท่านี้ต่อสู้กับคนที่มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกัน เขาก็คงจะไม่สามารถติดตามได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หากรับมือกับคนที่อ่อนแอกว่าตัวเขาเองนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก เนื่องจากคู่ต่อสู้จะมองเห็นช่องว่าในกระบวนท่าของเขา และเขาจะสูญเสียพลังในการโจมตีได้ง่าย

ยิ่งไปกว่านั้น มือสังหารสามารถบอกได้จากประสบการณ์ของเขาว่า หากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดในขณะที่ใช้กระบวนท่านี้ เขาก็สามารถสร้างาการโจมตีที่ทรงพลังขึ้นได้ !  แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น ! แม้ว่าเขาจะใช้พลังที่แท้จริงของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาไม่ใช้มันในการโจมตี !

ทันใดนั้นเอง จวินโม่เซี่ยจึงรู้ว่าเหตุใดเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงไม่สนใจในแกนเชวียน แต่ยังคงเดินทางมาที่เมืองเทียนเชียง เหตุใดเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงกระหายการต่อสู้ แต่ไม่ได้สนใจในการต่อสู้กับยอดฝีมือที่มีฝีมือเท่าเทียมกัน !

นี่คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนั้น ! ฮ่าฮ่า ทำไมข้าถึงเพิ่งจะรู้นะ ? ….

ขณะที่เขาเฝ้ามองกระบวนท่าซึ่งเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้พัฒนาขึ้นมา เขาอดที่จะรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้ ทุกท่วงท่าและการเคลื่อนไหวของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นดูเหมือนจะแปลกประหลาด แต่ก็เหมือนจะคุ้นเคย

ห๊ะ … มันหยาบมาก ! อาจจะพูดได้ว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้จะกลายเป็นบางอย่างที่ทรงพลัง แต่ แต่ต่อไปมันอาจจะเรียกชื่อว่า กระบวนท่า สิบเจ็ดปราชัย ! ที่มัยไม่ถูกขัดเกลา และยังไม่ได้ใช้รูปแบบการต่อสู้ที่ถูกต้อง แต่มันก็ดีพอที่จะเป็นต้นแบบได้ในตอนนี้ !

การเคลื่อนไหวของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวดูเหมือนกับการเคลื่อนไหวของอินทรีย์ ! ท่ากางปีก ท่าอินทรีย์ทะยาน อินทรีย์จู่โจม ท่ากระต่าประจันบาน … และสิ่งเหล่านี้ข้าจะเป็นคนแก้ไข ! และหลังจากที่ข้าได้เล่าเรียนมัน และเมื่อข้าสำเร็จในทุกกระบวนท่าของเขา ข้าก็จะทำให้มันทรงพลังมากขึ้นไปอีก ! ฮ่า ฮ่า …

Translate by iHaveNoName