จวินโม่เซี่ยเฝ้ามองดูกระบวนท่าใหม่ของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอย่างจดจ่อ และรู้สึกว่ากระบวนท่านี้ยังไม่สละสลวย และการเคลื่อนไหวยังไม่สอดคล้องกัน แต่ละท่วงท่าของกระบวนท่านี้ซับซ้อนอย่างมาก อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เขาเคยได้ฝึกฝนมาก่อนที่เขาจะมายังโลกนี้ แต่มันก็ยังคงทรงพลัง ! เนื่องจากกระบวนท่านี้ใช้กระบวนการต่อสู้ของปราณเชวียน มันก็ยังคงก่อให้เกิดพลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งทำให้จวินโม่เซี่ยหัวเราะเยาะ และนับถือในเวลาเดียวกัน !
สิ่งที่น่าตกตะลึงนั่นคือ แม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะใช้การเคลื่อนไหวที่เหมือนกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาได้เปลี่ยนอะไรบางอย่างเล็กๆน้อยๆในแต่ละรอบที่ผ่านไป และมันเป็นการกำจัดจุดอ่อนของกระบวนการของเขาไปทีละน้อย ดังนั้นเมื่อเขาสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้นานพอ เขาอาจจะสามารถกำจัดจุดอ่อนของกระบวนท่าออกไปได้หมด และอาจจะสามารถทำให้กระบวนท่านี้พร้อมกับการต่อสู้ได้ !
จะต้องบอกว่าการเรียนรู้และการสร้างกระบวนการต่อสู้นั้นแตกต่างไปอย่างมาก การสร้างกระบวนท่าการต่อสู้นั้นเป็นการทำงานอย่างหนัก เนื่องจากท่าทางนั้นจะต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า และผู้สร้างนั้นจะต้องทำไปทีละขั้นไม่ข้ามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไป ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาหลายสิบปี และบางครั้งก็ใช้ระยะเวลาเป็นชั่วอายุคนก่อนที่จะสำเร็จและเป็นกระบวนท่าที่ถูกขัดเกลาให้สวยงามอย่างสมบูรณ์
ในโลกโบราณนี้ก็มีความคิดนี้เช่นเดียวกัน แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังคงละทิ้งการบวนการต่อสู้ดั้งเดิมและทำการสร้างการะบวนท่าที่เป็นของเขาเองด้วยความก้าวหน้าที่รวดเร็ว ซึ่งแสดงถึงความรู้และความเชี่ยวชาญของเขาในโลกแห่งการต่อสู้ และฝีมือของเขานี้คือบางอย่างที่จะเป็นประโยชน์แก่คนในรุ่นหลัง กระบวนท่าที่เขาพยายามจะสร้างนั้นถือเป็นความก้าวหน้าในยุคที่ผ่านมา !
เพียงแค่มุมนี้ก็มากพอที่จะนับว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเป็นหนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นนักปราชญ์และช่างฝีมือที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วย !
ในอีกมุม แม้ว่าชายผู้นี้จะนับว่าเป็นหนึ่งในอาจารย์ซึ่งเป็นตำนานในโลกนี้ เขาก็ยังคงต้องละทิ้งสถานะของเขา และลดตัวลงมาเพื่อต่อสู้กับคนธรรมาดา และคนที่ไร้ค่าในสายตาของเขา ดังนั้นเขาจึงจะสามารถที่จะปรับปรุงกระบวนท่าที่เขาพยายามสร้างนั้นให้สมบูรณ์ได้ ความสำเร็จที่มีคนไม่มากนักที่จะสามารถทำได้ !
เดียวก่อน !
มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวของจวินโม่เซี่ย
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพยายามอย่างหนักเพื่อค้นหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม เขาก็ยังไม่ …. คฤหัสน์ฉือฮั่นและเมืองพายุหิมะขาวนั้นมีความสามารถมากพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมได้ใช่ไหม ?
ตอนนี้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวง่วนอยู่กับการปรับปรุงให้กระบวนท่าของเขาดีขึ้น แต่ข้าก็เคยได้เรียนรู้กระบวนท่าที่เหมือนกันในชีวิตก่อน …
อินทรีย์จู่โจม อินทรีย์คำราม กระบวนอินทรีย์ทั้งเก้า …
หากข้าไม่ใช่ของเหล่านี้ แล้วมันจะไม่เสียเปล่าไปหรอกหรือ ? ที่จริงแล้วมันเปล่าประโยชน์มากสำหรับพวกเขา !
ความวิตกในในของจวินโม่เซี่ยหายไปในทันที
ในอีกมุมหนึ่งเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ปรับเปลี่ยนท่าทางของเขาอยู่ตลอด แต่ยังคงรักษาความสมดุลย์ในการต่อสู้นี้ไว้ อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขาก็ง่วนอยู่กับการหาทางให้กระบวนท่าของเขานั้นสอดคล้องกัน ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งทำให้เขาคุ้นเคยกับพวกมัน รวมถึงค่อยๆปรับปรุงรูปแบบและประสิทธิภาพของมันให้มากขึ้นที่ละนิด แม้ว่ากระบวนการมันจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า แต่เขากลับมีความสุขที่สุด
โลกนี้แตกต่างจากโลกที่จวินโม่เซี่ยจากมาอย่างมาก เนื่องจากในโลกนี้ศิลปะการต่อสู้นั้นเกี่ยวข้องกับปราณเชวียน แม้ว่าปราณเชวียนจะทรงพลัง และมีข้อดีที่ความรุนแรง แต่ความสามารถในการระเบิดและความละเอียดอ่อนของมันทำให้มีขีดจำกันในกระบวนท่าการฝึกฝน ซึ่งเป็นเหตุที่กระบวนการต่อสู้ส่วนใหญ่นั้นจะใช้การเคลื่อนไหวพื้นฐานที่เสริมเข้ามาด้วยปราณเชวียนในการต่อสู้ และมันยากที่จะใช้ท่าทางที่ซับซ้อน เว้นเสียแต่ว่าผู้ต่อสู้จะมีกลวิธีจำนวนมาก ซุ่งเขาสามารถที่จะใช้มันในท่าทางเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้
หากมีผู้ใดติดตามด้วยความเร็วและพลังในเวลาเดียวกัน ปราณเชวียนนั้นไม่สามารถทำได้ และหากมองไปที่ความอดทน พวกเขาก็ไม่สามารถใช้การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าท่าทางของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นยังคงหยาบกระด้าง แต่มันก็ยังแตกต่างกับท่าทางทั่วไปอย่างมาก เมื่อเคล็ดวิชานี้พัฒนาขึ้นจนสมบูรณ์ มันจะเปิดเผยออกมาในรูปแบบการต่อสู้แห่งอนาคต ! ในความจริง อาจจะบอกได้ว่าสิ่งนี้เป็นการปูทางไปสู่อนาคต !
ในอีกมุมหนึ่ง ไฮเฉินเฟิงสงบอย่างผิดปกติในขณะที่กระบี่ของเขายังคงฟัน แทง ตัด ฟาดไป … เขาแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นจุดเด่นของอาจารย์สีฟ้า และบ่อยครั้งที่เขาสามารถหาจังหวะในการยับยังศัตรู แต่ชายในชุดดำก็กลับมาทรงตัวได้ใหม่เสมอ
ด้วยเวลาที่ผ่านไป ไฮเฉินเฟงเริ่มรู้ว่าการใช้การพลิกแพลงที่มากมายนั้นค่อยๆลดลงไป ในขณะที่ช่องโหว่ในกระบวนท่าของฝั่งตรงข้ามก็เริ่มหาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามของเขาก็โจมตีอย่างหนัก และทำให้เขาถึงกับเซไป
การต่อสู้ของเขาไปถึงจุดที่เกิดการพลิกผัน และตอนนี้ไฮเฉินเฟิงกำลังต่อสู้อย่างเต็มกำลัง และมีเหงื่อออกมาทั่วร่าง ในขณะที่เขาเขาหายใจหอบ ในอีกมุมหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามของเขายังคงหายใจอย่างคงที่ และกระบวนท่าของเขาก็เริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเริ่มมองเห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้สามารถเอาชนะไฮเฉินเฟิงได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการ แต่เขาก็ยังไม่ทำเช่นนั้น ดูราวกับชายในชุดดำนี้เป็นม้าพันธ์ดีที่กระโจนขึ้นไปในสรวงสวรรค์โดยที่ไม่มีจุดประสงค์อันใด มิเช่นนั้น ตอนนี้ไฮเฉินเฟิงคงจะตายไปหลายครั้งแล้ว
ในการต่อสู้ระหว่างสองยอดฝีมือนี้เริ่มรุนแรงมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป อาจจะบอกได้ว่าความรุนแรงและอันตรายนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับศิลปะการต่อสู้ ความรุนแรงใช้ในการต่อสู้อ่างโหดร้ายกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเท่าเทียมกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อชัยชนะ และในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กับไปถึงจุดที่สำคัญและทั้งสองฝ่ายเริ่มมีโอกาสชนะ และผลการต่อสู้ก็อาจะไม่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ในกรณีทั่วไป โอกาสที่จะพลาดพลั้งจนตายนั้นมีน้อยมากเนื่องจากทั้งสองฝั่งใช้พลังของพวกเขาไปจนหมดแล้วเมื่อถึงจุดสำคัญ ทำให้ทั้งคู่ต่อสู้กันด้วยประสิทธิภาพที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ความอันตรายนั้นแตกต่างออกไปในเรื่องนี้ มันเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระหว่างคู่ต่อสู้ที่ไม่เหมาะสมกัน เนื่องจากผู้ที่อ่อนแอกว่าจะไม่สามารถป้องกันความบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับตัวเองไ้ด้ และตอนนี้เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับไฮเฉินเฟิงแล้ว !
ฝ่ายตรงข้ามของเขามิใช่ใครอื่นนอกจากสุดยอดปรมาจารย์ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และแม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะไม่ตั้งใจให้คู่ฝึกของเขาได้รับบาดเจ็บในตอนแรก แต่ความคิดของเขาก็ถูกครอบงำด้วยการทดลอง และดูเหมือนกว่าเขาจะเริ่มต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณ แม้ว่าเขาจะยังคงควบคุมปราณเชวียนของเขาไว้ให้อยู่นระดับเดียวกับไฮเฉินเฟิง แต่เขาก็ยังคงเป็นอาจารย์ซึ่งยังเป็นตำนาน และไฮเฉินเฟิงก็ไม่เหมาะสมกับเขาอย่างสิ้นเชิงในเรื่องนี้ !
แม้ว่าไฮเฉินเฟิงจะไม่ได้ตายในชั่วพริบตาในเร็วๆนี้ แต่ความแตกต่างในความสามารถของพวกเขานั้นเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นแล้ว !
ไฮเฉินเฟิงล้มเลิกความคิดที่จะชนะการต่อสู้ด้วยความบังเอิญแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเขาได้รู้ถึงสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ชายผู้นี้เล่นกับข้ามาตั้งแต่ต้น … เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็จะสั่งสอนบนเรียนที่ดีให้แก่เขา … แม้ว่าข้าจะต้องตายก็ตาม !
ไฮเฉินเฟิงนั้นเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน และไม่เคยเจอใคนก็ตามที่คู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันทำให้ความหยิ่งทะนงในตัวของเขาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขาพบกว่าตัวเองกลายเป็นของเล่นของคนอื่น ซึ่งทำให้เขาไห้เขาต้องอับอายมากกว่าการกำจัดมันออกไป !
ในสายตาของเขา สถานการณ์นี้เป็นเหมือนกับแมวที่เล่นกับหนู ซึ่งแมวพยายามทำให้หนูหมดแรงก่อนที่จะสังหารมัน …
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์นี้เหมือนกับการเล่นเกมส์หมากรุก แม้ว่าฝั่งตรงข้ามของเขาจะสามารถเอาชนะได้ในกระบวนท่าเดียว ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงยื้อเวลาจนคู่ต่อสู้ของเขาหมดแรงและพบกับความอับอาย …
กลยุทธ์ที่ชั่วร้ายนี้ใช้ได้ง่ายกับผู้เล่นที่เพิ่งเริ่มต้น แต่หากชายผู้นั้นไม่พอใจในความเป็นยอดฝีมือที่ชอบธรรม … สถานการณ์เช่นนี้เป็นเหมือนกับการบังคับให้คนกลายเป็นบ้า …
สถานการณ์ที่ยากลำบากของไฮเฉินเฟิงก็เป็นเช่นเดียวกัน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถหาทางออกได้
อย่างไรก็ตาม ไฮเฉินเฟิงก็ยังคงมีกลลับซ่อนอยู่ !
ไฮเฉินเฟิงเริ่มฟาดกระบี่เป็นวงกลมอย่างไม่คาดคิด และทันใดนนั้นก็เริ่มสร้างรูปร่างพายุหมุนรอบๆตัวของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ลมพายุนั้นเริ่มกลายเป็นสิฟ้าอย่างช้าๆ และจากนั้นมันก็เริ่มรุนแรงขึ้น ! ซึ่งผลที่ตามมาคือ ทำให้พายุที่ลงมาจากท้องฟ้าจากสีฟ้า เป็นสีน้ำเงิน สีครามและเกือบจะกลายเป็นสีของหมึก !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นพอใจกับประสบการณ์นี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หัวใจของเขาปราถนา ในเวลานี้ เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่อยู่รอบๆตัวของเขาในทันที ก่อนที่เขาจะขยับตัว ก็ดูเหมือนว่ารอบๆตัวเขานั้นมีทะเลล้อมรอบ ราวกับกับสายฝนที่รุนแรงเริ่มร่วงหล่นลงมากระทบกับเรือ ในขณะที่แท้จริงนั้นใกล้เข้ามา
ทันใดนนั้นเขาก็ได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่เขาก็นึกถึงกระบวนที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของอาจารย์สีฟ้า
คลื่นภิภพ !
เคล็ดวิชานี้ทำให้เกิดการทำลายล้างอย่างรุนแรง มันจะหลอมรวมหยกและหินทั่วไปได้เหมือนกัน !
กลยุทธ์นี้สามารถที่จะระเบิดปราณชเวียนของคนออกมา และสามารถที่จะรวบรวมปราณเชวียนทั้งหมดเข้าสู่จุดดันเถียนของคนนั้น และจากนั้นมันก็จะระเบิดออกมาและเป็นการต่อสู้ที่ทำให้ถึงแก่ความตายทักษะที่พิเศษนี้สามารถให้ผู้ใช้เอาชนะระดับขั้นที่แตกต่างกันได้อย่างน้อยหนึ่งหรือสองขั้น หรือมากกว่านั้น ! และด้วยการช่วยเหลือของการโจมตีนี้ สามารถสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าผู้ใช้ได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว หากศัตรูนั้นเหนือกว่าเขาอยู่หนึ่งหรือสองขั้น !
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีข้อด้อยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ไม่ว่าศัตรูจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ผู้ใช่นั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน !
ก่อนที่ศัตรูจะได้รับบาดเจ็บ ผู้ใช้นั้นจะต้องได้รับความเจ็บปวดก่อน และไม่ว่าศัตรูจะรอดจากการโจมตีหรือไม่ ผู้ใช้จะต้องตายไปก่อน !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสถบออกมาด้วยความตกตะลึง
“ เจ้าชั่ว เจ้ากำลังเล่นกับความตายของเจ้า ! ข้าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว … ”
เขาต้องการจะพูดว่า
“ ข้าคือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว พี่น้องอาจารย์ของเขา ! ”
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ถูกขัดจังหวะด้วยการหัวเราะของไฮเฉินเฟิง ผู้ที่ตะโกนกลับมาด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้าจากความเจ็บปวด
“ เจ้าแก่ชั่ว ! ตอนนี้เจ้ากลัวมันหรือ ? ตอนนี้เจ้าควรจะรู้ความผิดพลาดของเจ้า ! ”
เขายังคงหมุนกระบี่วนไปเรื่อยๆ และดูราวกับว่ากระบี่ของเขานั้นคือจุดศูนย์กลางของพายุ ที่ก่อให้เกิดคลื่นที่รุนแรง พายุนี้เริ่มทำให้เกิดเสียงที่ดังเหมือนเสียงของโซ่แล้ว ราวกับมังกรในตำนานที่ขู่อย่างโกรธเคืองด้วยลมหายใจสุดท้าย !
เขายังคงหมุนกระบี่เป็นวงกลม ทำให้เสียงของลมพายุนั้นดังมากขึ้น ! ทันใดนนั้น มีแสงสีขาวเปล่งประกายขึ้น ซึ่งตามมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น มันแสดงให้เห็นว่าได้เกิดฟ้าฝ่าขึ้นจากท้องฟ้าเบื้องบน ซึ่งตอนนี้ก่อตัวอยู่ด้านบน และมันจะพุ่งลงมาสู่เบื้องล่างอย่างแน่นอน !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตกตะลึงจนพูดไม่ออก !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยววิตกและเศร้าหมองจากการโจมตีนี้ และสถบออกมาอย่างรุนแรง
“ เจ้าเด็กเลว รีบหยุดความบ้าคลั่งนี่ซะ ! หรือไม่ข้าจะไปตัดสินแพ้ชนะกับเขา ที่มอบเคล็ดวิชาลับที่บ้าคลั่งนี้ให้แก่คนเช่นเจ้า ! เจ้าไม่เพียงแค่บ้า เจ้ามันโง่ด้วย ! ”
“ ข้าคือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ! เจ้าจะต้องหยุดนี่ซะ …. ”
มีความโศกเศร้าเต็มเปี่ยมอยู่ภายในใจเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ว่าสถานการณ์นี้ไปไกลเกินกว่าจุดที่จะถอยกลับได้แล้ว