บทที่ 468 ความคิดประหลาด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

รู้สึกถึงชี่ทิพย์ในร่างกายที่ถูกพิษกลืนกินเรื่อยๆ เย่เทียนที่กลับมาโรงแรมด้วยความเร็วสูงสุดไม่มีเวลาไปเช็คว่าเซ่เจียเป็นยังไง เขาพุ่งเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบเพื่อหายาแก้พิษ

ไม่มีเหตุผลอื่น ความเร็วของพิษที่กลืนกินชี่ทิพย์เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้!

เดิมทีเย่เทียนยังคิดว่าพอฝืนต่อไปได้อีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพิษนี้อย่างกับเจริญเติบโตได้ ยิ่งกินชี่ทิพย์เข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกินเร็วขึ้นเท่านั้น!

ยื้อมาจนบัดนี้ ชี่ทิพย์ในตัวเขาเหลือเพียงหนึ่งในสิบ พอปกป้องชีพจรหัวใจได้เท่านั้น

แต่สถานการณ์เช่นนี้ทนต่อไปได้อีกไม่ถึงสิบนาที ถ้าถึงตอนนั้นยังไม่สามารถแก้พิษประหลาดนี้ได้อีก พิษจะต้องเข้าสู่หัวใจเขา และตายอย่างทุกข์ทรมาน!

“นี่ควรจะเป็นห้องของผมนะ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

แต่เย่เทียนคิดไม่ถึงเลยว่าเซ่เจียกลับรออยู่ในห้องของเขาแล้ว!

“เย่เทียน คุณยังมีหน้ามาพูดอีก! คุณหายไปไหนมา ดูซิว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว?”

“ข้าวมื้อเดียวกินไปสามชั่วโมง คุณเป็นหมูรึไง!”

“หวั่นชิงให้คุณมาเมืองเอกเพื่อคุ้มกันฉันโดยเฉพาะ ไม่ได้ให้คุณมาท่องเที่ยวนะ!”

เมื่อเห็นเย่เทียนกลับมา เซ่เจียที่นอนเบื่ออยู่บนโซฟาและดูซีรี่ส์ไปเรื่อยเปื่อยก็รีบลุกขึ้น สองมืเท้าเอวและทำท่าทำทางดุร้ายสุดๆ

เมื่อเห็นเซ่เจียไม่เหลือเคล้าดาราสาวดังแม้แต่น้อย สภาพอย่างกับพวกผู้หญิงไร้การอบรมข้างถนนไม่มีผิด ตาเย่เทียนก็กระตุกอย่างหนัก

แม้จะพูดเช่นนั้น เย่เทียนก็ยังลอบถอนหายใจ เซ่เจียยังมีชีวิตชีวาอยู่แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าพี่น้องตระกูลเจิ้งไม่ได้ส่งคนมาจัดการกับเธอ

“ผมเป็นฝ่ายล่านกมาตลอด คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะโดนตาแก่จิกตาเข้าให้ คนจากพรรคใหญ่มีชื่อเสียงเหล่านี้ดูถูกไม่ได้จริงๆ!”

แต่พิษในร่างกายทำให้เย่เทียนไม่มีกะจิตกะใจจะโต้เถียงกับเซ่เจีย เขาแอบด่าในใจและรีบไปเปิดกระเป๋าเดินทางที่เอามาด้วย และพลิกหายาแก้พิษ

เห็นท่าทางรีบร้อนของเย่เทียนแล้ว คิ้วเรียวของเซ่เจียขมวดขึ้นมาทันที นัยน์ตาสดใสฉายแววสงสัย

เด็กสาวไม่ถามอะไรต่ออย่างรู้หน้าที่ เธอปิดประตูด้วยความระแวง ก่อนจะยืนมองเย่เทียนอึ้งๆอยู่ข้างๆ

ขณะเดียวกัน เย่เทียนหายาแก้พิษเจอแล้ว และรีบยัดเข้าปากหนึ่งเม็ด พยายามเค้นพิษประหลาดในตัวออกมา

แต่เกินความคาดหมายของเย่เทียน ยาแก้พิษที่ค่อยๆละลายออกมาไม่คลายพิษอย่างที่เคยเป็นมา กลับกลายเป็นพลังบริสุทธิ์พยายามขับพิษออกจากร่างกายของเย่เทียน

พูดง่ายๆคือพิษและยาแก้พิษเปรียบเสมือนกองทัพที่สู้รบกัน เปิดฉากการเข่นฆ่าอันดุเดือนในสนามรบซึ่งก็คือร่างกายของเย่เทียน!

“อ๊าก!”

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันดุเดือดย่อมสร้างความเสียหายให้กับสนามรบ เย่เทียนพลันรู้สึกว่ามีความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ลึกเข้าวิญญาณส่งมาจากในตัว ต่อให้เขาจะเข้มแข็งมาตลอดแต่ก็อดส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำด้วยความเจ็บปวดไม่ได้

ประเด็นสำคัญคือเย่เทียนพบว่ายาที่ไร้กำลังเสริมไม่อาจต้านทานพิษที่กลืนกินชี่ทิพย์จนตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้ไหว มันโดนพิษบีบจนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างกายของเย่เทียนถูกทำร้ายยิ่งกว่าเก่า เท้าเขาโซเซจนเกือบล้มลงไปกับพื้น และรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเลือนลางขึ้นเรื่อยๆ

“เวรเอ๊ย! นี่มันพิษบ้าบออะไรกันวะ ฉันไม่เชื่อหรอกโว้ยว่าจะกำราบแกไม่ได้!”

เย่เทียนตะลึง รีบกัดปากตัวเองจนกลิ่นเลือดกระจายอยู่ในปาก จนประสาทสัมผัสที่มึนงงของเขาได้สติกลับมาอีกครั้ง

ตอนนี้ชีวิตของเขาอาจจะจบสิ้นได้ทุกเมื่อ เย่เทียนไม่สนแล้วว่าเซ่เจียยังอยู่ เขารีบยัดยาแก้พิษที่เหลือเข้าปากและนั่งขัดสมาธิในเวลาเดียวกัน หมุนเวียนพลังพยายามช่วยยาเค้นเจ้าพิษเดนตายออกจากตัว!

แม้ว่าการหมุนเวียนพลังจะเป็นการเร่งให้พิษกลืนกินชี่ทิพย์เร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เรื่องมาถึงบัดนี้ เย่เทียนจะยอมอยู่เฉยๆแล้วภาวนาให้ฤทธิ์ยาชนะพิษได้ยังไง?

ชั่วขณะนั้น คล้อยตามที่เย่เทียนหมุนเวียนคัมภีร์หวง ร่างของเขาค่อยๆแผ่วงเวียนสีทองเหลืองออกมาห้อมล้อมตัวเขา ให้ความรู้สึกพิศวงและลึกลับ

น่าเสียดายที่ภาพนี้มีผู้พบเห็นแค่เซ่เจียคนเดียว

แต่ใบหน้าเซ่เจียกลับไม่ฉายแววตะลึงแม้แต่น้อย กระทั่งนัยน์ตาสดใสคู่นั้นก็เปล่งประกายสีครามที่ไม่เหมือนคนปกติออกมา เธอจ้องเย่เทียนเขม็ง

ไม่เพียงแค่นั้น มือของเด็กสาวกำเข้าด้วยกันอย่างตึงเครียด ราวกับเธอสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในตัวของเย่เทียนได้ และรู้สึกกังวลแทนชายหนุ่ม

แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็กินยาแก้พิษเข้าท้องไปหลายเม็ด พลังบริสุทธิ์ในตัวเย่เทียนได้รับการสนับสนุน บวกกับการนำทางของเย่เทียน ในที่สุดก็แข็งแกร่งกว่าพิษ

แต่พิษนี้กลับเหมือนมีความนึกคิดของตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่อาจเอาชนะซึ่งๆหน้าได้ จึงเจ้าเล่ห์แยกส่วนใหญ่ของตัวเองออกมาสู้กับฤทธิ์ยา และส่วนน้อยพยายามมุดไปที่หัวใจของเย่เทียนสุดชีวิต

ขอเพียงพิษเข้ายึดครองหัวใจสำเร็จ ต่อให้เย่เทียนมีเก้าชีวิตก็คงต้องตายคาที่!

เย่เทียนตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ไม่มีเวลาไปล้อมรอบกำจัดพิษแล้ว เขารีบหมุนเวียนพลังยาปกป้องหัวใจของเขาไว้อย่างแน่นหนา

เขาขมขื่นในใจ ยังไงซะนี่ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เป็นอะไร แต่ฤทธิ์ยามีขีดจำกัด รอจนฤทธิ์ยาหมดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคงเป็นเวลาที่เขาต้องตาย!

“หรือว่าต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ?”

รู้ส่วนรู้ แต่เย่เทียนไม่มีวิธีอื่นเลย ในขณะเดียวกับที่พยายามฝืนทนไว้ ก็ได้แต่ภาวนาให้หน้าปกทองในหัวแสดงอำนาจอีกครั้ง!

ยื้ออยู่สิบนาทีเต็ม เห็นๆอยู่ว่าพิษกำลังจะทลายการป้องกันของฤทธิ์ยาได้และมุดเข้าไปในหัวใจอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเย่เทียนก็รู้สึกว่ามีพลังสีฟ้าครามส่งมาเหนือหัว

นี่เป็นพลังที่แปลกมาก ก่อนหน้านี้เย่เทียนไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่นี่ไม่กระทบต่อความรู้สึกยินดีปรีดาของเขา

ไม่มีเหตุผลอื่น หลังจากพลังสีฟ้าครามนี้เข้ามาในร่าง ก็เข้าล้อมพิษอย่างมีเป้าหมาย

ประเด็นสำคัญคือเมื่อพลังสีฟ้าครามสัมผัสกับพิษ ก็เปรียบดั่งน้ำที่เจอกับไฟ มันค่อยๆกำจัดพิษไปทีละนิด!

เหตุการณ์กะทันหันนี้ทำให้เย่เทียนดีใจสุดๆ เขารีบลืมตาขึ้น สิ่งที่สะท้อนเข้าตากลับเป็นก้อนแสงสีฟ้า ไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง!

แต่หากพิจารณาจากโครงร่าง คนที่อยู่ตรงหน้าเขาน่าจะเป็นผู้หญิง!

แต่ลืมตามาไม่เท่าไหร่ ส่วนลึกในใจของเย่เทียนกลับเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าขึ้นมา

“นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?”

เย่เทียนตกตะลึง เขาพยายามข่มสุดชีวิต แต่ความปรารถนานั้นกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปเพียงครู่เดียว เย่เทียนก็ไม่อาจข่มความคิดนั้นได้อีกต่อไป สติเริ่มเลือนราง เขาเอื้อมมืออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปคว้าแขนเรียวขาวนวลดั่งหยกของก้อนแสง และดึงเข้ามาในอ้อมกอด

“กรี๊ด!”

เสียงตกใจของเซ่เจียดังขึ้นฉับพลันในก้อนแสง ไม่รอให้เธอตั้งสติ ริมฝีปากแดงก็โดนปิดด้วยปากใหญ่ของเย่เทียน!

ไม่เพียงแค่นั้น เซ่เจียรู้สึกได้ว่ามีมือใหญ่เร่าร้อนข้างหนึ่งลูบไล้ไปมาบนเรือนร่างของเธอ เสียงเปรี๊ยะดังขึ้นข้างหู เสื้อผ้าบนตัวโดนฉีกขาดด้วยความรุนแรง……