ตอนที่ 86-3 เป็นลูกของเหลียนจิ่น

จำนนรักชายาตัวร้าย

ซย่าโหวจวินอวี่คิดจินตนาการไปไกล มีสะใภ้แล้ว แล้วหลานจะไปไหนเสีย

 

 

คำตอบก็คือมีแน่นอน

 

 

ถึงตอนนั้นก็มีสักขโยงหนึ่ง หลานตัวอ้วนที่รูปร่างหน้าตาประหนึ่งซย่าโหวฉิงเทียน เขาอยู่กินนอนเล่นหยอกล้อเป็นเพื่อนหลาน จะมีความสุขมากแค่ไหนกันนะ!

 

 

หลานตัวน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่ม หลานแท้ๆ ของข้า!

 

 

ดวงหน้ารูปไข่ที่เต็มไปด้วยเนื้ออุ่นๆ หอมเท่าไหร่ก็ไม่พอ!

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ที่เมื่อครู่สีหน้าเคร่งเครียด ชั่วครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นร่าเริงบันเทิงใจเสียอย่างนั้น เขากำลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง หลิวฮองเฮาและซย่าโหวเสวี่ยมองดูด้วยอาการตื่นตระหนก

 

 

ฝ่าบาท นี่ทรงเป็นอะไรไป

 

 

คงมิใช่ว่าถูกวิญญาณร้ายอะไรเข้าสิงหรือเพคะ!

 

 

ณ ที่นั้นบุคคลหนึ่งเดียวที่เข้าใจอารมณ์ของซย่าโหวจวินอวี่ นั่นก็คือเซี่ยงจิ้น

 

 

ในฐานะที่เป็นขันทีที่จงรักภักดีและอารมณ์ขันซึ่งอยู่ข้างกายฝ่าบาทมาช้านาน เซี่ยงจิ้นก็รอคอยการพบหน้าใต้เท้าอวี้หลัวช่าเป็นครั้งแรกเช่นกัน

 

 

เขายังจำได้ดีถึงท่วงท่าที่สง่างามน่ามองของใต้เท้าอวี้หลัวช่า ณ จวนหลินเจียงอ๋อง

 

 

นึกไม่ถึงว่า ใต้เท้าอวี้หลัวช่าสำเร็จขั้นเป็นจอมเทวา ภายในเวลาอันสั้น ทั้งยังเป็นจักรพรรดิโอสถอีกด้วย

 

 

และเมื่อนึกได้ว่าใต้เท้าอวี้หลัวช่าเคยมอบยาให้กับเขาด้วยตัวเองหนึ่งเม็ด ยานั้นไม่เพียงแต่ขจัดพิษในร่างของเขา ทั้งยังรักษาอาการบาดเจ็บตั้งแต่เก่าก่อนของเขาจนหายเป็นปลิดทิ้ง นับตั้งแต่นั้นเซี่ยงจิ้นก็กลายเป็นผู้ที่ชื่นชมนางไปโดยปริยาย เหลือเพียงคุกเข่ากราบกรานนางเท่านั้นที่เขายังไม่ได้ทำ!

 

 

ท่านอ๋อง ท่านจะต้องสู้ๆ นะ!

 

 

ท่านจะต้องแต่งใต้เท้าอวี้หลัวช่าเข้าวังให้ได้นะ!

 

 

จวนจงอี้กงตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงปล่อยให้สองพ่อลูกอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยที่ไม่ได้เจอกันมานานได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ส่วนตัวนางกลับมาที่หอซงเฮ่อ

 

 

หลังจากที่นางอาบน้ำจนสะอาด สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องน้ำ ก็พบว่าซย่าโหวฉิงเทียนยืนอยู่ในห้องนอนของนาง

 

 

นิสัยมาโดยไม่ได้รับเชิญของซย่าโหวฉิงเทียน ทำเอาอวี้เฟยเยียนพูดอะไรไม่ออก

 

 

ยังดีที่เขายังแยกแยะได้ จึงมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในห้องอาบน้ำของนาง

 

 

เพียงแต่ว่ายิ่งรู้จักกันนาน ก็ยิ่งรู้สึกว่าหมอนี่ลึกลับยากเกินจะคาดเดามากขึ้น อวี้เฟยเยียนไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามีคนแอบเข้ามาในหอซงเฮ่อ ดูท่าแล้วเห็นที่คราวหน้าจะต้องให้เหลียนจิ่นสร้างค่ายกลล้อมไว้เสียแล้ว

 

 

อวี้เฟยเยียนที่เพิ่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ ใบหน้าสวยใสราวกับน้ำทิพย์ก็ไม่ปาน

 

 

ผิวพรรณนวลเนียนเป็นสีชมพูระเรื่อ ดวงตานางราวกับมีเมฆหมอกมนต์สะกด สุกสกาวแวววาว แม้กระทั่งริมฝีปากของนางก็ยังชุ่มฉ่ำอิ่มน้ำ ซย่าโหวฉิงเทียนมองดูแล้วท้องหดเกร็งขึ้นมา จนต้องรีบเสหน้าหันไปทางอื่น

 

 

“เสี่ยวฉิงฉิง ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรกัน”

 

 

อวี้เฟยเยียนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าซย่าโหวฉิงเทียน สองมือของนางเท้าเอวแล้วกล่าวถามขึ้น

 

 

ถูกเรียกขานเช่นนี้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนหวนรำลึกถึงเหตุการณ์แนบชิดกับนางเมื่อครั้งอยู่ที่หุบเขาลั่วสยาขึ้นมา ใบหูทั้งสองข้างของเขาพลันแดงก่ำ

 

 

เขาก้มศีรษะลงต่ำ พอดีกับที่สายตาเหลือบไปเห็นชุดนอนของอวี้เฟยเยียนเลิกขึ้น

 

 

มือกระต่ายน้อยช่างให้ความรู้สึกได้ดีจริงๆ ชวนให้คิดถึงไม่รู้ลืม!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนลอบถอนใจ แก้มเนียนขาวใสกลับแต่งแต้มด้วยแป้งหอมเบาบาง

 

 

“พี่มีเรื่อง จะเชิญเจ้าเข้าวังสักครั้ง!”

 

 

ท่าทางไม่เป็นตัวของตัวเองของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้อวี้เฟยเยียนยิ้มออกมา

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านก็มีวันเขินอายหน้าแดงกับเขาด้วยหรือนี่ ต้องมีเรื่องอะไรแน่! ท่านบุกห้องนอนส่วนตัวของข้ากลางดึก คนที่เสียหายคือข้า ดังนั้นคนที่แก้มแดงควรจะต้องเป็นข้าสิ ใช่หรือไม่

 

 

อวี้เฟยเยียนหัวเราะออกมา ด้วยรู้ดีว่าซย่าโหวฉิงเทียนต้องมีเรื่องเป็นแน่ นางไม่รอให้เสียเวลา รีบไปค้นหาชุดในตู้เสื้อผ้าเตรียมเปลี่ยนทันที

 

 

เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของนาง ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าที่อวี้จิงเหลยซื้อให้กับหลานสาว เป็นชุดสตรีที่สวยงามนำสมัยทั้งสิ้น

 

 

อวี้เฟยเยียนเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเจ้าเสื้อผ้าอาภรณ์พวกนี้สวมใส่ยากยิ่งนัก นางใส่ไม่เป็น ดังนั้นทุกครั้งนางจึงสวมเพียงชุดกระโปรงที่เรียบง่ายมาโดยตลอด

 

 

ตอนนี้เจ้าชุดกระโปรงที่เรียบง่ายสกปรกหมดแล้ว นางจึงเลือกเอาชุดกระโปรงสีเหลืองเป็ดออกมาจากตู้เสื้อผ้าชุดหนึ่ง มันสวยงามยิ่งนัก แต่นางมองดูชุดนั้นอยู่นาน ก็ยังไม่รู้ว่ามันสวมใส่อย่างไรกันแน่

 

 

เป็นอะไรหรือ

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนเงียบไปนาน ซย่าโหวฉิงเทียนก็เดินเข้ามาหานาง แล้วหยิบกระโปรงตัวนั้นขึ้นมา

 

 

“สวยงามยิ่งนัก!”

 

 

“สวยงามก็จริงอยู่! แต่ว่า…”

 

 

อวี้เฟยเยียนกัดริมฝีปากเบาๆ ขัดเขินเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมา

 

 

“ข้าไม่รู้ว่ามันใส่อย่างไรน่ะสิ”

 

 

คราวนี้ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนอึ้งไปเช่นเดียวกัน

 

 

ไม่รู้ว่าสวมใส่อย่างไร

 

 

พูดเช่นนี้ออกไปคงจะทำให้คนฟังหัวเราะจนฟันหักเป็นแน่!

 

 

แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็เชื่อแน่ว่าสิ่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าวมาเป็นความจริง

 

 

เพราะนางก็มีเพียงกระโปรงเรียบง่ายสองตัวสลับกันสวมใส่ไปมาเท่านั้น เมื่อต้องมาสวมใส่ชุดสวยๆแน่นอนว่านางจึงกลายเป็นมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนได้อย่างน่าเอ็นดูเช่นนี้ ดังนั้นนางมิได้โกหกอย่างแน่นอน

 

 

แม้แต่ชุดยังไม่รู้ว่าสวมใส่อย่างไรเลย แมวน้อยของพี่ เจ้าช่างน่าปกป้องน่าทะนุถนอมจริงๆเลย!

 

 

“พี่ช่วยเจ้าเอง!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนดูแลจัดการตัวเองมาตลอด ดังนั้นสวมใส่อย่างไร ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย

 

 

ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยแตะต้องชุดของสตรีมาก่อน แต่คลำทางไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร

 

 

อดพูดไม่ได้ว่า ซย่าโหวฉิงเทียนนี่มีความเป็นสามีที่แสนจะเชื่อฟังและเคารพภรรยาสูงจริงๆ

 

 

ลูบคลำอยู่เพียงสักครู่ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้าใจแล้วว่าชุดที่ยุ่งยากซับซ้อนนี่มันสวมใส่อย่างไรกัน

 

 

“ยื่นมือซ้ายออกมา ยื่นมือขวาออกมา ยกมือทั้งสองข้างขึ้น! ดีมาก…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนออกคำสั่งให้อวี้เฟยเยียนทำตาม ขณะเดียวกันก็ช่วยนางแต่งตัวไปด้วย ไม่นาน สาวน้อยหน้าตางดงามก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“งามยิ่งนัก! ในที่สุดข้าก็เป็นสตรีกับเขาเสียที!”

 

 

อวี้เฟยเยียนมองดูตัวเองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่เป็นนาน แล้วพยักหน้าด้วยความดีใจ

 

 

ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนก็พอใจในผลงานของตนเองเป็นอย่างมาก

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นครั้งแรกที่แต่งตัวให้กับแมวน้อยจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ข้าช่างมีพรสวรรค์จริงๆเลย! ชมตัวเองก็ได้!

 

 

ความภาคภูมิใจในตัวเองบังเกิดขึ้น

 

 

“ไปเถอะ! พวกเราเขาวังกัน!”

 

 

ขณะที่อวี้เฟยเยียนกำลังจะเดินออกไปนั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนกลับรั้งนางเอาไว้

 

 

“เจ้าจะปล่อยผมเข้าวังแบบนี้น่ะหรือ”

 

 

มองดูเส้นผมยามดำขลับที่ยาวสยายของตัวเองแล้ว อวี้เฟยเยียนก็จนปัญญา

 

 

ถ้าเป็นที่จีนแผ่นดินใหญ่ นางคือหญิงสาวผมสั้นที่สะอาดสะอ้านกระฉับกระเฉง ด้วยงานที่รัดตัว จึงไม่มีเวลามานั่งจัดแต่งทรงผม ดังนั้นอวี้เฟยเยียนจึงตัดผมสั้นมาโดยตลอด

 

 

เมื่อมายังแคว้นต้าโจวแห่งนี้ แคว้นที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมาย อวี้เฟยเยียนก็ยินดีที่จะปฏิบัติตาม แต่ทว่าปัญหาก็มาอีกแล้ว

 

 

นางหวีผมไม่เป็นนะสิ!

 

 

ดังนั้น ตั้งแต่มาที่นี่อวี้เฟยเยียนก็ทำผมอยู่เพียงทรงเดียวนั่นก็คือการมัดหางม้าอย่างง่ายๆแล้วมวยขึ้น บนศีรษะของนางไม่มีเครื่องประดับอื่นใดนอกเหนือจากนี้เลย

 

 

แม้กระทั่งตัวนางเองยังรู้สึกว่าชุดพวกนี้ล้วนแต่เป็นของล้ำค่า สิ้นเปลืองทรัพยากรที่ธรรมชาติรังสรรค์และสิ้นเปลืองเครื่องประดับและเพชรนิลจินดามากมายที่ท่านปู่เตรียมเอาไว้ให้กับนาง!

 

 

“เอ่อ…คือว่าข้าไม่รู้ว่าจะเกล้าผมอย่างไร…”

 

 

คำกล่าวเมื่อครู่ของอวี้เฟยเยียนทำให้หัวใจของซย่าโหวฉิงเทียนราวกับถูกเติมเต็ม

 

 

ตัวน้อยที่แสนน่ารักของเขา!

 

 

แม้แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะเกล้าอย่างไร!

 

 

อวี้เฟยเยียนที่เป็นเช่นนี้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนบังเกิดความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอมนางให้ดีที่สุด…

 

 

แมวน้อยของข้า เจ้าเด็กโง่ที่แสนน่ารัก น่าถนอม ต้องการคนคอยดูแล

 

 

เช่นนั้น ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่เป็นเกียรติยิ่งนี้ให้ตกเป็นของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

แต่จะว่าไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าผมของสตรีเขาเกล้ากันอย่างไรเสียด้วยสิ นี่เองทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก

 

 

ด้วยเวลาที่บีบคั้น ซย่าโหวฉิงเทียนเทียนจึงเกล้าผมมวยเฉกเช่นบุรุษง่ายๆ ให้กับนาง

 

 

สุดท้ายเขาก็บรรจงเลือกปิ่นปักผมบุษราคัมสีเหลืองอร่ามวาววับปักลงบนศีรษะ เพื่อลดความเข้มของทรงผมมวยแบบบุรุษให้กับนาง

 

 

“วันนี้ก็เกล้าเช่นนี้ไปก่อนแล้วกัน!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่มีทางเลือก

 

 

เขาไม่เคยใส่ใจหญิงสาวคนไหนมาก่อน จึงไม่รู้จริงๆ ว่าสตรีชอบเกล้าผมทรงไหนกัน จนปัญญาจริงๆ

 

 

ทำให้แมวน้อยต้องผิดหวังเสียแล้ว!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนนึกโทษตัวเองอยู่ในใจ