TQF:บทที่ 492 ผลตอบแทนหนาแน่น สงครามเริ่ม (1)

ทุกคนมองไปยังคนที่หายตัวเข้ามา ซึ่งก็คือผู้เฒ่าหยิง

เขามีท่าทีหนักใจ ประสานมือพลางกล่าว “คุณหนู คุณชาย อาจารย์ปู่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยถาม

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มีท่าทีเรียบเฉย ถามขึ้น “คนของเมืองโลกทมิฬมาแล้วใช่มั้ย”

“อาจารย์ปู่รู้แล้วหรือ” ผู้เฒ่าหยิงชะงักไปนิดนึง

“เดาเอา”

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ตอบนิ่งๆ “เรื่องนี้เดาไม่ยากหรอก อย่างไรซะนอกจากเจ้าพวกนั้นในเมืองโลกทมิฬแล้ว ก็ไม่มีใครทำให้เจ้าร้อนรนได้ขนาดนี้หรอก สถานการณ์เป็นไงบ้าง”

“คนหลายล้านคนแต่งตัวพร้อมรบ ท่าทางครั้งนี้พวกเขาไม่เก็บกำลังไว้ ทุ่มทั้งหมดที่มีพร้อมสู้ตาย”

“หนักขนาดนั้นเลยหรือ”

สีหน้าของโม่อู๋เซอเปลี่ยนแปลงไป คิ้มคมขมวด “ผู้ฝึกตนวิถีมารนับล้าน ดูถูกไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างพวกเขามีผีดิบด้วย ถ้าเราต้านทานไว้ไม่ได้ละก็ ผลที่จะตามมาเกินจะคาดเดา”

“แจ้งเหล่าอิทธิพลให้เตรียมตัวรับศึก”

อาจารย์ปู่สั่งเรียบๆ “และครั้งนี้ต้องชนะ ห้ามแพ้ จริงสิ…”

เขาเบือนสายตามาที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้มนิดๆ “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เจ้าบอกคนของเจ้าด้วย ให้เริ่มทำยาถอนพิษได้เลย ยิ่งเยอะยิ่งดี สงครามครั้งนี้ไม่จบง่ายๆแน่”

“อาจารย์ปู่ ท่านหมายความว่าพวกเขาจะใช้พิษเหรอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกรอกตาครั้งเดียวก็เข้าใจทันทีว่าเรื่องเป็นยังไง

“ถูกต้อง บางทีพวกเจ้าอาจไม่รู้ กลุ่มอันดับ 1 ของเมืองโลกทมิฬชื่อว่ากลุ่มเทียนยี แม้มันจะเป็นอันดับ 1 แต่จำนวนสาวกไม่มากนัก คนที่จะเข้ากลุ่มเทียนยีได้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนวิถีมารที่รู้วิชาแพทย์ทั้งนั้น ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ใช่แค่รู้วิชาแพทย์ พิษก็ชำนาญเป็นที่ 1 ครั้งที่แล้วพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมสงคราม แต่ครั้งนี้…”

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์เริ่มหุบยิ้มลง เอ่ยเบาๆ “เชื่อว่าครั้งนี้พวกเขาต้องมาปรากฏตัวแน่ เพราะฉะนั้นยาถอนสารพัดพิษมียิ่งเยอะยิ่งดี ถึงเวลาไม่ใช่แค่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธฝ่ายเราจะถูกพิษ พวกประชาชนก็คงไม่รอดเช่นกัน อย่างไรซะเพื่อเป้าหมายแล้ว พวกเขาไม่เลือกวิธีการหรอก จำได้ว่าพวกอาวุโสเคยบอกไว้ หัวหน้ากลุ่มเทียนยีเคยลงมือครั้งนึง ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่ต่อสู้กับพวกเขาตอนนั้นตายกันเกือบหมด แล้วยังฆ่าประชาชนไปนับล้านด้วยพิษอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคดีที่สะพรึงไปทั่วหล้า”

ทุกคนต่างมีท่าทีหนักใจ เชื่อว่าศึกครั้งนี้ต้องลำบากกว่า 2 ครั้งที่แล้วแน่

“ได้ พวกเราจะทุ่มแรงทั้งหมดปรุงยาขึ้นมา รับประกันว่าจะถอนพิษให้ทุกคนได้” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้ารับ

“จริงสิผู้เฒ่าหยิง จากแหล่งข่าว พวกเมืองโลกทมิฬจะลงมือเมื่อไหร่” โม่ซวนซุนถาม

“คุณชาย วันสองวันนี้แหละ เพราะพวกเขารวมตัวกันแล้ว บุกมาได้ทุกเมื่อ” ผู้เฒ่าหยิงตอบ

“จะรบก็รบเถอะ”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจว่าเลี่ยงไม่ได้ “จะได้ทำลายกำลังของพวกเขาให้หมดสิ้นซะ เก็บไว้ก็เป็นปัญหาเปล่าๆ ผู้เฒ่าหยิง เรียกรวมพลผู้ฝึกวิทยายุทธให้เข้าร่วม ยิ่งเยอะยิ่งดี”

“ขอรับคุณหนู”

“คนที่ไม่มีสำนักคงยากที่จะเรียกรวมพล คงจะหนีเข้าเขาเข้าถ้ำไปไม่น้อย หลบไปหลายๆปีแล้วค่อยออกมา นี่เป็นวิธีการที่พวกเขาคุ้นเคย” โม่อู๋เซอกล่าว

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ยิ้ม “ให้พวกเขาออกรบก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยวน่ะมีวิธี”

“ถูกต้อง ผู้ฝึกวิทยายุทธที่ไม่มีสำนักต้องการทรัพยากร ขอแค่เราเสนอทรัพยากรที่ทำให้พวกเขาหวั่นไหวได้พวกเขาก็จะยอมเข้าร่วม อยากได้อะไรก็ต้องทุ่มเทให้ได้มา โดยเฉพาะในผืนดินนี้ที่ขาดแคลนทรัพยากร ทุกคนต่างต้องการมัน เพราะฉะนั้นเสี่ยวเสี่ยวใจกว้างหน่อย ต้องเรียกพวกเขาออกมารวมพลได้แน่” โม่อู๋เซออมยิ้ม

ทุกคนต่างพยักหน้า สายตาตกไปอยู่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหมด

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจว่านี่เป็นความจริง ยักไหล่นิดหน่อยไม่ได้คัดค้านอะไร นางไม่ได้มีอะไรมากมาย มีแค่ทรัพยากรจำนวนไม่น้อย ถ้าหากสามารถชนะศึกครั้งนี้ได้ ให้เสียทรัพยากรสักนิดหน่อยนางก็ไม่มีปัญหาอะไร

“เอาล่ะ ทุกคนก็อย่าเอาแต่คุยไร้สาระกันที่นี่เลย เริ่มลงมือกันเถอะ” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์สั่งขึ้น “โดยเฉพาะอาณาจักรจงหยวนของเรา แม้จะอยู่ไกลจากเมืองโลกทมิฬหน่อย แต่เชื่อว่าที่ที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดก็คืออาณาจักรจงหยวน”

“ถูกต้อง ยังไงซะที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดก็คือทรัพยากรของอาณาจักรจงหยวน”

“พวกเขากล้ามา พวกเราไม่ปล่อยไว้แน่ กลัวอะไร มีอาณาจักรเฟิงหลิงกันทางของผู้ฝึกตนวิถีมารอยู่ พวกเขาอยากจะบุกเข้ามาที่อาณาจักรจงหยวนของเราไม่ง่ายหรอกนะ”

“ถูกต้อง จะให้พวกเขาลอบเข้ามาตามอำเภอใจไม่ได้ พวกเราต้องคิดหาวิธี”

ทุกคนต่างออกความคิดเห็น

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวครุ่นคิดอยู่เงียบๆ นางไม่ได้ออกความเห็นอะไร อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ถามขึ้น “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เจ้าคิดอะไรอยู่”

“อ๋อ..” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้สติกลับมา ถามกลับ “อาจารย์ปู่ คนของพวกเราที่ใช้วิชาสะกดตามสิ่งแวดล้อมได้มีเท่าไหร่”

“วิชาสะกด?”

ได้ยินคำถามนี้ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่แปลกใจ คนอื่นๆก็เช่นกัน อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ครุ่นคิดอยู่แปปนึงก่อนจะเอ่ย “ไม่เยอะ คนของพวกเราวิหารสวรรค์มีประมาณ 30 กว่าคนที่ทำได้ขนาดนั้น หุบเขาเลียนเต้าก็มีผู้เชี่ยวชาญวิชาสะกดอยู่บ้าง ถึงจะไม่เท่าพวกเราแต่ก็ไม่ได้แย่ พวกเขาสลักลงอุปกรณ์วิญญาณต่างๆ จึงอยู่ในระดับปรมาจารย์กันหมด จริงสิ ความหมายของยัยหนูเสี่ยวเสี่ยวคือ?”

“อาจารย์ปู่ สงครามครั้งนี้พวกเราจะประมาทไม่ได้ ความหมายของข้าคือส่งเหล่าปรมาจารย์ด้านวิชาสะกดออกไป ใช้สิ่งแวดล้อมจากฟ้าดินของแต่ละพื้นที่สร้างวิชาสะกดขึ้นเพื่อปกป้องประชาชนในแต่ละที่ อีกอย่างถ้าพวกเขาสัมผัสโดนวิชาสะกดก็จะถูกพบได้ง่าย พยายามไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในสงครามครั้งนี้”

“ความคิดของเสี่ยวเสี่ยวนี้ดี”