TQF:บทที่ 494 ผลตอบแทนหนาแน่น สงครามเริ่ม (3)

 

ใส่ยาวิเศษเข้าไป ควบคุมระดับไฟ สกัดน้ำยา อัดให้เป็นเม็ด

 

1 คน 1 ภูติทำแบบนี้ไปซ้ำๆโดยไม่หยุดพัก ผ่านไปแต่ละวันนอกจากอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ที่เข้ามาเอายาทุกวันแล้ว ไม่มีใครรบกวนพวกนาง

 

7 -8 วันผ่านไป แม้ร่างกายของทั้งคู่จะทนต่อการไม่กินไม่นอนทำยาโดยไม่หยุดพักได้ แต่สตินั้นก็เริ่มล้าแล้ว โดยเฉพาะเฉิงเสี่ยวเสี่ยว แม้ว่านางจะอยู่ในระดับก่อเกิดราชันย์จักรพรรดิ์ แต่การทำยาน่ะต้องใช้สติมาก ต่อให้มีพลังจิตมากมายแค่ไหนตอนนี้ก็ถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว

 

โชคดีที่นางมีความสามารถขนาดนี้ ถ้าเป็นนักปรับแต่งเม็ดยาคนอื่นแค่ทำติดต่อกันได้ถึง 3 วันก็ถือว่าเก่งแล้ว

 

“เก็บ…” หยูเฮงตะโกนขึ้น ยา 10 เม็ดบินออกจากเตาถูกเก็บเข้าขวดหยก

 

ยา 10 เม็ด นักปรับแต่งเม็ดยาทั่วไปทำได้ 3-5 เม็ดก็ถือว่าเก่งแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าเขาจี้แห่งหุบเขาเลี่ยนเต้าลงมือเองก็ไม่เกิน 6 เม็ด อย่างมากก็ 5-6 เม็ดเนี่ยแหละ

 

จะสกัดให้ได้เตาละ 10 เม็ด มีแต่ระดับปรมาจารย์เท่านั้นแหละที่ทำได้

 

นางเพิ่งจะเก็บยาเสร็จ เตาข้างๆของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ถึงเวลาแล้ว 10 เม็ดเช่นกัน ไม่มีมีเม็ดไหนเสีย ทุกเม็ดถูกเก็บเข้าขวดหยก

 

“คุณหนู พักผ่อนซะหน่อยเถอะ”

 

หยูเฮงวางเตาลง สีหน้าผ่อนคลายขึ้น

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า วางเตาลงเช่นกัน หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดก่อนจะเอ่ยปาก “ข้างนอกน่าจะเริ่มสู้กันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”

 

“สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก จากข่าวของสัตว์ศักสิทธิ์ ผู้ฝึกตนวิถีมารฝ่าวงล้อมอย่างไม่คิดชีวิต เรียกได้ว่ายอมฆ่าอีกฝ่าย 800 ฝ่ายตัวเองสูญเสีย 1000 แม้ว่าวิธีการของเราจะเยอะแต่ก็กลัวพวกไม่กลัวตายแบบนี้เหมือนกัน”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตั้งใจทำยาไม่ได้สื่อสารกับโลกภายนอกเลย มีแต่หยูเฮงที่พอมีเวลาว่างก็คอยสื่อสารกับพวกสัตว์ศักสิทธิ์ พอรู้ข่าวคราวบ้าง

 

“ครั้งนี้พวกเขาต้องการจะชนะ จะสู้แบบนี้ก็เรื่องปกติ เรียกได้ว่าเพื่อชัยชนะแล้วพวกเขาไม่ห่วงชะตาชีวิตตัวเอง”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ตกใจกับวิธีการสู้ของผู้ฝึกตนวิถีมาร “ท่าทางอยากจะกำจัดพวกเขาในเวลาอันสั้นคงจะไม่ง่าย จริงสิ ผู้ฝึกตนวิถีมารได้ใช้พิษรึเปล่า”

 

“ตอนนี้ยัง ท่าทางพวกเขาเตรียมเก็บไว้เป็นไม้ตายสุดท้าย” หยูเฮงตอบพลางกินผลคริสตัลไปพลาง

 

ท้องไส้เริ่มหิว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่คิดจะออกไปทำอะไรกิน อย่างไรซะระดับวิทยายุทธของนางจะกินหรือไม่กินก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ นางหยิบผลไม้ในแหวนมิติออกมากัดก่อนจะถาม “สัตว์ศักสิทธิ์มีบาดเจ็บล้มตายกันบ้างมั้ย”

 

“มีเสือขาวและหมาป่าเขียวประมาณ 10 ตัวที่สาหัส ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธตายไปเป็นพันแล้ว แน่นอนว่าผู้ฝึกตนวิถีมารตายกันไปเป็นหมื่น แต่สุดท้ายพวกเขาก็บุกเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ”

 

“อาณาจักรเฟิงหลิงท่าจะแย่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วพูดเสียงเครียด

 

“คุณหนู ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้พวกเราส่งสัตว์ศักสิทธิ์ออกไปนับล้านแล้ว ถึงแม้เราจะส่งออกไปได้อีกเรื่อยๆ แต่ศึกครั้งนี้รวมอยู่ที่เดียว แรงสงครามทำให้กฏแห่งฟ้าดินข้างนอกนั่นสั่นคลอน ข้าเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี”

 

แม้หยูเฮงไม่ได้ออกไป แต่ข่าวคราวที่สัตว์ศักสิทธิ์ส่งให้นางก็ไม่น้อย

 

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอึ้งไปพัก ขมวดคิ้ว “ถ้าทลายขีดจำกัดของกฏแห่งฟ้าดินได้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแย่นัก อย่างน้อยไม่แย่สำหรับการบรรลุของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธในภายภาคหน้า แต่จะทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมั้ยคงจะควบคุมยาก ถึงเวลา…”

 

“ใช่แล้ว ที่นี่ถูกผนึกไว้คงจะมีเหตุผลอยู่ ถ้าหากทลายออกไปจริงๆต้องเกิดปัญหาแน่ ส่วนจะทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมั้ยยากจะคาดเดา จริงสิคุณหนู ถ้าหากกฏแห่งฟ้าดินถูกทลายจริงๆ ข้าจะฉีกมิติออกไปก็ง่ายขึ้น”

 

“หืมม”

 

ในใจของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยุ่งเหยิง มองดูกองยาและขวดหยกตรงหน้าก็สะบัดหัวนิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้น “พวกเราอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย นอกจากยาถอนสารพัดพิษแล้ว พวกเรายังต้องทำยาเลี่ยนเพ่ยหยวนและยาพี่กู่ นี่ก็เป็นยาที่สำคัญเช่นกัน”

 

“ขอพักอีก 2 เค่อคุณหนู ท่านเองก็เข้าฌานฟื้นฟูพลังหน่อย” หยูเฮงพูดอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหน้าซีดไร้สีของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว

 

“ได้ ข้าจะเข้าฌานเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวค่อยทำยาด้วยกัน”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ปฏิเสธ นางเหนื่อยจริงๆ จึงตัดสินใจฟื้นฟูก่อนแล้วค่อยทำต่อ

 

“คุณหนู รอแปปนึง ออกไปเข้าฌานที่ต้นหลิวข้างนอกนั่นจะดีกว่า”

 

“ทำไมล่ะ”

 

“ต้นหลิวเป็นต้นเทพ เข้าฌานตรงหน้ามันจะดีกับคุณหนู” หยูเฮงกล่าวยิ้มๆ

 

“งั้นก็ดี”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหายตัวออกไปข้างนอกวังสวรรค์ นั่งขัดสมาธิลงหน้าต้นหลิว

 

เห็นการปรากฏตัวของนางต้นหลิวเหมือนจะดีใจมาก ยื่นก้านหลัวมาที่ตัวนางราวกับเด็กขี้เล่นที่อ้อนผู้ใหญ่อยู่

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสได้ถึงความในใจของมัน เอ่ยยื้มๆ “ต้นหลิว ข้าต้องเข้าฌานฟื้นฟูพลังอยู่ข้างๆเจ้า เจ้าอย่าว่ากันนะ”

 

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

 

ก้านหลิวลูบนางเบาๆ ราวกับกำลังตอบว่าไม่ต้องเกรงใจ

 

หยูเฮงเพิ่งจะหายตัวออกมา แต่เมื่อเห็นฉากนี้ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ต้นหลิว เจ้าน่ะเป็นเด็กผู้ชายนะ กล้าแต๊ะอั๋งคุณหนู ระวังคุณชายจะฟันก้านของเจ้าทิ้ง”

 

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

 

ก้านหลิวส่ายไปมา ราวกับจะบอกว่าไม่สนใจคำขู่

 

“เหอะๆ เจ้าอย่าได้ใจไป คุณชายกำลังจะบรรลุปรากฏราชันย์จักรพรรดิ์แล้ว ถึงเวลาเขาจะฟันก้านของเจ้าทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องยากแน่”

 

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

 

“ข้าไม่ได้หลอกเจ้านะ บอกให้ คุณชายน่ะใจแคบมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนที่กล้าแตะคุณหนูเขาก็เหวี่ยงออกไปหมด เชื่อว่าเจ้าเองก็เช่นกัน”

 

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

 

“เจ้าอย่าไม่เชื่อล่ะ คุณชายใจแคบจริงๆ โดยเฉพาะกับผู้ชาย คนที่เข้าใกล้คุณหนูเขาไม่ปล่อยไว้หรอก ต้นหลิว เจ้าไม่เชื่อก็ลองดู”

 

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

 

“ข้าพูดเรื่องจริง คุณชายใจแคบมาก ใจแคบสุดๆ อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย ต่อให้เป็นสัตว์ศักสิทธิ์ คุณชายก็ไม่อนุญาตให้สัตว์ศักสิทธิ์เพศผู้อยู่ข้างๆคุณหนู ต้องเป็นเพศเมียเท่านั้น ไม่เชื่อก็ถามคุณหนูดู”

 

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

 

ขณะนั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ละเหี่ยใจปิดตาลงนานแล้ว ไม่สนใจเจ้า 2 คนนี้เลยแม้แต่น้อย

 

โม่ซวนซุนที่วางวิชาสะกดอยู่สักที่จามติดต่อกันหลายครั้ง ไม่รู้เลยว่าถูกหยูเฮงแฉว่าเป็นผู้ชายใจแคบไปแล้ว

 

เนื่องจากต้องปกป้องประชาชน ครึ่งเดือนที่ผ่านมาโม่ซวนซุนก็ไม่ได้พักเลย วางวิชาสะกดครั้งแล้วครั้งเล่า วิชาสะกดที่พวกเขาวางไว้ ถ้าไม่มีใครโจมตีพื้นที่นั้นก็ไม่เกิดอะไร แต่ถ้ามีคนโจมตีวิชาก็จะออกฤทธิ์ และสามารถโจมตีกลับได้ด้วย

 

“คุณชาย ร้อยลี้ข้างหน้าพบว่ามีผู้ฝึกตนวิถีมารและผีดิบ”

———————————