ณ ออฟฟิศผู้บริหารชั้นบนสุดของอาคารสำนักงานของบริษัทแช่เจิ้ง
“ประธานเจิ้งคะ เมื่อครู่นี้ฉันเพิ่งได้รับสายจากประธานสวี รายงานว่าพวกเขาใกล้จะถึงเจียงหนานแล้วนะ”
ในขณะนั้น หญิงสาวในชุดทำงานเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน และมองไปที่เจิ้งเหวยกั๋วซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารด้วยความเสน่หา
หลังจากได้ข่าวจากปากของไต้หงเล่อว่าเย่เทียนจะต้องตาย เจิ้งเหวยกั๋วก็ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน
ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ เพราะนั่นหมายความว่าบริษัทแซ่เฉินจะไม่สามารถต้านทานใครได้อีก ขอเพียงเขาได้รับเอกสารการวิจัยเกี่ยวกับชีวเภสัชภัณฑ์ เขาก็จะขึ้นเรือขนาดยักษ์ของพรรคชิงเฉิงอย่างสำเร็จ และจะได้รับความช่วยเหลือมากมายที่เกินจินตนาการได้!
ฉะนั้น เขาจึงส่งคนที่น่าเชื่อถือที่สุดไปที่เจียงหนานเพื่อไปติดต่อเฉินหวั่นชิง และรับชีวเภสัชภัณฑ์ มาด้วยวิธีที่ง่ายดายที่สุด แม้กระทั่งยึดบริษัทแซ่เฉินทันที!
“เยี่ยม!”
เจิ้งเหวยกั๋วยิ้มพูดอย่างสบายใจและกวักมือเรียกหญิงสาวคนนั้น “เสี่ยวหลิน คุณอยู่กับผมมากี่ปีแล้วเหรอ?”
“ประธานเจิ้งคะ น่าจะเกือบสามปีแล้ว”
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวหลินก็เดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง และค่อยๆ ล้มตัวลงไปในอ้อมแขนของเจิ้งเหวยกั๋วเหมือนลูกแมวตัวหนึ่ง
เสี่ยวหลินคนนี้หน้าตาสวยใสอยู่แล้ว รวมไปถึงหุ่นอันเร่าร้อนของเธอ เจิ้งเหวยกั๋วจึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยเธอหลุดไปอยู่แล้ว
ดังนั้น หลังจากการเปิดโอกาสหลายครั้ง เพื่อความร่ำรวยและสุขสบาย ในที่สุดเสี่ยวหลินก็ปีนขึ้นเตียงของเจิ้งเหวยกั๋วจนได้
กระทั่งเช้าวันที่สอง เธอยังบอกเลิกแฟนหนุ่มที่คบกับเธอมาหลายปีอย่างไม่ลังเล แถมยังยอมเป็นกิ๊กของเจิ้งเหวยกั๋วอย่างเต็มใจอีกด้วย
แต่สามารถบอกได้ว่าเสี่ยวหลินคนนี้ลีลาเด็ดมาก แม้จะผ่านไปสามปีแต่เจิ้งเหวยกั๋วก็ยังหลงใหลในตัวเธอ
เป็นจริงอย่างที่ว่ากันว่า ‘มีงานให้เลขาทำ ว่างงานก็ทำเลขา!’
“สามปีแล้วเหรอ? เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!”
เจิ้งเหวยกั๋วลูบผมของหญิงสาวอย่างพึงพอใจและพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวหลิน ผมเคยบอกคุณตั้งแต่แรกที่คุณอยู่กับผมแล้ว ว่าผมแต่งงานกับคุณไม่ได้ แต่ผมก็จะไม่สร้างขีดจำกัดให้คุณเช่นกัน”
“คุณอยู่กับผมมาสามปีแล้ว ถ้าคุณยินดี หลังจากประธานสวีพวกเขายึดบริษัทแซ่เฉินได้ ผมจะส่งคุณไปเป็นรองประธานที่นั่นก็ได้นะ!”
“จริงเหรอคะ?”
เสี่ยวหลินดีใจมาก แต่จากนั้นเธอก็ส่ายหัวแล้วตอบด้วยสายตาที่ข่นเคืองทันที “คุณจะใจดำไปไหม ฉันอยู่กับคุณอย่างจริงใจมาสามปี แต่ตอนนี้คุณเตรียมจะถีบส่งฉันแล้วใช่ไหม”
“ไม่นะ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เจิ้งเหวยกั๋วรีบอธิบายว่า “ผมไม่สามารถให้สถานะที่ชัดเจนกับคุณได้ ผมกลัวว่า……”
“ฉันไม่ต้องการสถานะที่ชัดเจนอะไรหรอกนะ!”
เสี่ยวหลินรีบเอามือแตะที่ปากของเจิ้งเหวยกั๋วแล้วพูดอย่างเสน่หา “ฉันรู้ว่าคุณคิดแทนฉัน แต่ฉันรักคุณนะ ต่อให้ไม่มีสถานะอะไรก็ตาม ฉันก็จะเลือกอยู่กับคุณ!”
เจิ้งเหวยกั๋วที่ได้ยินเช่นนี้ก็กอดเสี่ยวหลินแน่นๆ อย่างซาบซึ้งใจ
แต่เขาจะมองเห็นได้อย่างไร ในขณะที่เสี่ยวหลินซบไปที่อ้อมแขนของเขา แววตาของเสี่ยวหลินประกายความชั่วร้ายออกมา!
เธออายุเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น แล้วจะให้เธอทุ่มเททั้งชีวิตเพื่ออยู่กับชายแก่อายุหกสิบกว่าปีอย่างเจิ้งเหวยกั๋วโดยไร้สถานะได้อย่างไร?
เธอรู้ดีว่าสภาพร่างกายของเจิ้งเหวยกั๋วนั้นไม่ได้ดีมากนัก บางทีอาจจะไปหายมบาลเร็วกว่าที่คิดก็ได้
ดังนั้นถึงแม้จะเป็นลูกนอกสมรส แต่ก็เป็นทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดกเหมือนกัน ขอแค่เธอตั้งท้องลูกของเจิ้งเหวยกั๋ว ถึงเวลานั้นทรัพย์สินที่จะได้รับอย่างน้อยก็มีมูลค่ามากกว่าหลักร้อยล้านแน่นอน!
มากสุดเธอก็แค่หาแม่เลี้ยงมาเลี้ยงลูกนอกสมรสของเธอ ส่วนเธอก็ใช้ชีวิตตามความฝัน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกินเรื่องใช้อีก แล้วตำแหน่งรองประธานบริษัทลูกจะเทียบกับตำแหน่งนี้ของเธอได้อย่างไร?
ปลายจมูกของเจิ้งเหวยกั๋วดมกลิ่นหอมจากร่างกายของเสี่ยวหลิน รวมไปถึงหุ่นอันเร่าร้อนที่ไม่อาจซ่อนไปจากสายตาของเจิ้งเหวยกั๋วได้ ซึ่งก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์ขึ้น
“เสี่ยวหลินจ๋า! ช่วงนี้คุณดูผอมลงอีกแล้วนะ?”
“มามะ! ให้ผมดูดีๆ หน่อยว่าผอมลงไปเท่าไหร่”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น มือที่คิดไม่ซื่อของเจิ้งเหวยกั๋วก็เริ่มลูบไล้ร่างกายของเสี่ยวหลิน
ใช้เวลาไม่นาน ลมหายใจของเสี่ยวหลินก็เริ่มเร็วขึ้น และใบหน้าของเธอก็แดงก่ำไปหมด
กริ๊ง!!!
และในขณะที่ทั้งสองกำลังจะมีกิจกรรมกัน โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
“ประธานเจิ้งคะ หน้าเคาน์เตอร์มีคุณผู้ชายท่านหนึ่งที่ชื่อเย่เทียนอยากขอพบท่านค่ะ เขาแจ้งว่าได้นัดหมายกับท่านเมื่อคืนในงานเลี้ยงแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าท่านรู้จักเขาไหมคะ?”
เจิ้งเหวยกั๋วขมวดคิ้วทันที จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะด่ากลับ แต่เสียงพูดของปลายสายทำให้เขาต้องตกตะลึงทันที
“คุณแน่ใจเหรอว่าเขาคือเย่เทียน?” ใบหน้าของเจิ้งเหวยกั๋วเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
หญิงสาวพนักงานต้อนรับยืนยันว่า “แน่ใจค่ะ ดิฉันได้จดชื่อเขาไว้แล้ว ชื่อเย่เทียนตามที่แจ้งเลยค่ะ”
“แมร๊งเอ๊ย! หมายความว่าไง? ไต้หงเล่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไอ้หมอนี่มันติดพิษไปแล้ว มันไม่มีโอกาสได้เห็นดวงอาทิตย์ของวันนี้ด้วยซ้ำ? แล้วมันมาที่นี่ได้ไง?”
เจิ้งเหวยกั๋วตกใจมาก แต่เมื่อย้อนคิดดีๆ แล้วไต้หงเล่อกับคนอื่นๆ ก็มาจากสำนักชื่อดัง บางทีอาจเป็นเย่เทียนที่พยายามขจัดพิษทั้งคืนแต่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นจึงมาขอความช่วยเหลือก็ได้!
“คุณบอกเขาว่าผมกำลังประชุมอยู่ ให้เขารอไปก่อน!”
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เจิ้งเหวยกั๋วก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ไม่ว่าเย่เทียนจะมาทำอะไร แต่เขาจะไม่ยอมพบเย่เทียนอย่างแน่นอน!
“รับทราบค่ะ! ประธานเจิ้ง!”
สาวสวยพนักงานต้อนรับพูดเสร็จและวางสายลง จากนั้นยิ้มพูดกับเย่เทียนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ว่า “คุณเย่คะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ พอดีประธานเจิ้งกำลังติดประชุมอยู่ค่ะ”
“ถ้าคุณสะดวก คุณสามารถไปนั่งรอสักครู่นะคะ ถ้าประธานเจิ้งว่างแล้วดิฉันจะแจ้งคุณค่ะ”
ในขณะที่พูดอยู่ สาวสวยพนักงานต้อนรับก็ชี้ไปที่บริเวณพักผ่อนที่อยู่ไม่ไกล
“จะให้ผมรอเหรอ?”
รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน และเขาส่ายหัวพูดว่า “ผมไม่ว่างมาเสียเวลาขนาดนั้นหรอก! ถ้าเขาไม่ยอมลงมา ผมคงต้องขึ้นไปหาเขาเองแล้วล่ะ!”
เมื่อพูดจบ เย่เทียนก็หันเดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่ลังเล
เขาไม่เพียงแต่รู้ว่าออฟฟิศของผู้บริหารอยู่ที่ไหน แต่เขารู้โครงสร้างทั้งหมดของตึกนี้เป็นอย่างดี ฉะนั้นการหาตัวเจิ้งเหวยกั๋วจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย!
“คุณเย่คะ ดิฉันบอกคุณแล้วนะคะว่าตอนนี้ประธานเจิ้งยังไม่ว่าง คุณสามารถรอท่านก่อนได้นะคะ”
“แต่ถ้าคุณจะบุกเข้าไปแบบนี้ ดิฉันคงต้องเรียกรปภ. แล้วนะคะ!”
สาวพนักงานต้อนรับวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์และขวางเย่เทียนไว้โดยไม่ลังเล แม้จะมีรอยยิ้มของสายอาชีพอยู่บนใบหน้า แต่น้ำเสียงของเธอเย็นชาลงไม่น้อย
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงเลือกใช้วิธีที่ถนัดที่สุดได้
“เรียก รปภ. เหรอ?”
เย่เทียนหยุดชะงัก มุมปากของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน และเขาก็พูดอย่างขมขื่นว่า “ได้สิ! ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า รปภ. ของบริษัทแช่เจิ้งจะเก่งสักแค่ไหน!”
เดิมทีกับเรื่องของเซ่เจียก็ทำให้เขาเก็บกดและหาที่ระบายไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีคนยอมเป็นกระสอบทรายให้ เขาจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน!