“คุณเรียก รปภ. มาเลย!”
เมื่อเห็นว่าสาวพนักงานต้อนรับยืนขวางอยู่ตรงหน้า เย่เทียนไม่ได้รีบร้อน ได้แต่ยืนมองเธอด้วยท่าทางขี้เล่น
“คุณเย่ ถ้าคุณยอมกลับไปตอนนี้ ดิฉันจะไม่แจ้ง รปภ. ก็ได้นะ”
สาวพนักงานต้อนรับตะลึงไปครู่หนึ่งและมองดูเย่เทียนด้วยสายตาแปลกๆ เธอไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะขออะไรแปลกๆ แบบนี้ คิดแค่ว่าเขานั้นบ้าไปแล้ว
“ผมจะไม่ไปไหน ตราบใดที่ยังไม่ได้พบกับประธานเจิ้งของพวกคุณ!”
น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่ได้มาเพื่อยอมรับความหวังดีของพนักงานต้อนรับคนนี้ เขาได้แต่ส่ายหัวตอบว่า “คุณรีบเรียก รปภ. ของพวกคุณมาดีกว่า! ผมอยากรู้เหมือนกันว่าระบบความปลอดภัยของบริษัทแช่เจิ้งจะดีสักแค่ไหนกัน!”
“หัวหน้าหวางคะ มีคนพยายามจะก่อความวุ่นวายในล็อบบี้ค่ะ คุณช่วยพาคนมาจัดการที!”
สาวพนักงานต้อนรับคิดว่าเธอได้ให้โอกาสเย่เทียนไปแล้ว ในเมื่อเขาไม่รับไว้ก็คงจะโทษเธอไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น? ใครกันแน่ที่กล้ามาก่อความวุ่นวายในบริษัทแช่เจิ้งของเรา?”
ไม่นานหลังจากนั้น ชายร่างใหญ่เจ็ดถึงแปดคนในชุด รปภ. ก็เข้ามาในล็อบบี้และตะโกนพูดกับหญิงสาวพนักงานต้อนรับคนนั้น
พนักงานก็รีบวิ่งเข้าไปหาพวกเขาแล้วชี้มาที่เย่เทียนว่า “พี่หวาง เขาคนนั้น ช่วยเชิญเขาออกไปที!”
ทันทีที่พูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเจ็ดถึงแปดคนนั้นก็หันความสนใจไปที่เย่เทียนที่ยืนรออยู่กับที่
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนจากไหน ถึงกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่บริษัทแช่เจิ้งของเรา เอ็งเบื่อโลกแล้วใช่ไหม?”
รปภ. ที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าหวางเยาะเย้ยอย่างไม่หยุด เขาไม่ได้สนใจเย่เทียนเลยแม้แต่น้อย และคำพูดก็เย่อหยิ่งมาก
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้แต่ลูกน้องของเขาต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกันและมองไปที่เย่เทียนอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“เราอย่าพูดให้เสียน้ำลายมากกว่านี้เลยจะดีกว่า รีบลงมือกันเถอะ!”
เย่เทียนขยับกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาเพื่อยืดเส้น และมุมปากของเขาก็แสดงรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
หัวหน้าหวางกระตุกหนังตาแล้วออกคำสั่งว่า “พี่น้อง มัวรออะไรอยู่? รีบจัดการไอ้ทื่อที่ไม่รู้ฟ้าคนนี้ให้สำนึกที!”
“ต้องบอกว่าเอ็งกล้าหาญมากจริงๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว คนกล้าหาญแบบนี้มักจบไม่สวยหรอกนะ!”
“ไอ้หนู เอ็งเตรียมตัวไปนอนที่โรงพยาบาลเป็นเดือนได้เลย!”
“ถ้าเราไม่สั่งสอนเอ็งให้รู้ไป เอ็งคงจะคิดว่าเอ็งเก่งที่สุดในโลกสินะ?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนตะโกนด้วยความโกรธและกระโจนเข้าหาเย่เทียนราวกับหมาป่า
แต่เย่เทียนจะใส่ใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นได้อย่างไร เขาไม่เพียงแต่ไม่หนี แต่กลับวิ่งสวนไปที่รปภ. ที่กำลังพุ่งเข้ามา
จากนั้นทุกคนเห็นเพียงเย่เทียนวิ่งเข้าหา รปภ. คนที่อยู่ใกล้ที่สุดและง้างเท้าเตะไปที่หน้าท้องของเจ้าหน้าที่คนนั้นโดยไม่ลังเล
ผัวะ!
เสียงทุ้มดังขึ้นในที่เกิดเหตุ รปภ.กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายกำยำของเขากระเด็นออกไปด้านหลังหลายเมตรก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด และตอนนี้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
ฉากที่เกินจริงนี้ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ ถึงกับตะลึง รูม่านตาของทุกคนหดลงพร้อมกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ อย่างเย่เทียนจะเก่งขนาดนี้
“พวกคุณอยากจัดการผมไม่ใช่เหรอ? รออะไรอีกล่ะ!”
ใบหน้าของเย่เทียนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ระวังด้วย ไอ้หมอนี่มันร้ายกาจนะ!”
“กลัวบ้าอะไรกัน! ก็แค่คนคนเดียว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราหลายคนจะทำอะไรมันไม่ได้!”
“ให้ตายสิ! พี่น้อง อัดไอ้หมอนั่นให้แม่มันจำหน้าไม่ได้!”
เมื่อเห็นการเสียดสีบนใบหน้าของเย่เทียน ความกลัวในใจของ รปภ.เหล่านั้นแทนที่ด้วยความโกรธทันที และพวกเขารวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วพุ่งเข้าหาเย่เทียน
แต่ว่า สำหรับฝีมือของ รปภ.เหล่านี้อาจจะจัดการกับคนธรรมดาได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเย่เทียน เพราะเขาในวันนี้ฝึกพลังไปถึงชั้นเจ็ดแล้ว และการที่จะจัดการกับคนเหล่านี้จึงไม่ต่างอะไรกับการฆ่ามดเลย!
ไม่นานหลังจากนั้น ยามรักษาความปลอดภัยล้มลงทีละคนภายใต้กำปั้นขนาดเท่าหม้อของเย่เทียน พวกเขาทำได้เพียงนอนลงกับพื้นแล้วเปล่งเสียงคร่ำครวญและกรีดร้องออกมา ซึ่งไม่มีใครสามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่อึดใจ ส่วนหัวหน้าหวางยังคงยืนอยู่ข้างสาวพนักงานคนสวยคนนั้นอย่างตะลึงงัน
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าแม้แต่ลูกน้องทั้งเจ็ดคนของเขายังไม่สามารถจัดการกับไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ได้!
“เฮ้ คุณชื่อหัวหน้าหวางใช่ไหม? ไอ้พวกลูกน้องไร้ประโยชน์ของคุณถูกผมเล่นงานจนล้มอยู่กับพื้นหมดแล้ว แล้วคุณจะยืนอยู่ที่นั่นอีกนานไหม?!”
โดยที่ไม่รอให้หัวหน้าหวางตั้งสติได้จากการตกใจ เสียงพูดอันเย้ยหยันของเย่เทียนก็ดังขึ้นข้างหู
“ไอ้หนู เอ็งจะมากเกินไปแล้ว! อย่าโทษข้าไม่เตือนเอ็งก็แล้วกัน เพราะข้าเป็นถึงแชมป์มวยจังหวัดเมื่อสองปีก่อนเชียวนะ!”
หัวหน้าหวางถึงกับตัวสั่น แต่เขาพยายามเก็บความกลัวในใจและแสดงความกล้าหาญออกมา
“แชมป์มวยจังหวัดเลยเหรอ? มา ๆ ๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าแชมป์มวยจังหวัดของคุณจะแข็งแกร่งกว่าลูกน้องของคุณมากแค่ไหน”
เย่เทียนจ้องมองไปที่หัวหน้าหวางอย่างน่าสนใจและกวักมือเรียกเขาเหมือนเรียกลูกสุนัขตัวหนึ่ง
ใบหน้าของหัวหน้าหวางแสดงออกถึงความอึดอัดโดยไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในทันที เขาไม่คิดเลยว่าสถานะความเป็นแชมป์มวยของเขาไม่ได้ทำเย่เทียนรู้สึกกลัวเลย แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก
“ถ้าคุณไม่มา ผมจะไปหาเอง!”
เย่เทียนไม่สนใจว่าหัวหน้าหวางกำลังคิดอะไรอยู่ เขาได้แต่ขยับขาแล้วพุ่งเข้าไปหาหัวหน้าหวางราวกับความเร็วสายฟ้าและชกกำปั้นที่ใหญ่เท่าหม้อของเขาออกไปอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นว่าหมัดเริ่มใหญ่ขึ้นในรูม่านตา หัวหน้าหวางรู้สึกใจหายมากและตอบสนองอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
ทันใดนั้น เขาก็รีบยกมือขึ้นเพื่อป้องกันตัว ถึงแม้จะรับหมัดของเย่เทียนได้ แต่เขาก็ยังสไลด์ถอยหลังไปอย่างไม่อาจหยุดได้
“ไอ้หมอนี่มันคือใครกันแน่? ทำไมพลังของมันถึงบ้าคลั่งขนาดนี้?!”
หัวหน้าหวางรู้สึกถึงความเจ็บชาที่มือของเขา เขาไม่คาดคิดเลยด้วยซ้ำว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหดหู่
แต่เย่เทียนไม่ปล่อยโอกาสให้หัวหน้าหวางมีเวลาคิดมากไปกว่านี้ เขาจึงพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสายฟ้าและชกหมัดออกไปตรงๆ อีกครั้ง
ซึ่งในครั้งนี้หัวหน้าหวางไม่สามารถทนรับได้อีก ดังนั้นเขาถูกหมัดของเย่เทียนกระแทกเข้าที่หัวไหล่และทำให้เขากลิ้งออกไปหลายตลบอย่างน่าสงสาร!
“ประธานเจิ้งคะ แย่แล้วค่ะ ไอ้หมอนั่นล้มหัวหน้าหวางกับคนอื่นๆ ไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังจะบุกขึ้นไปข้างบนค่ะ!”
พนักงานต้อนรับตกใจมาก เมื่อเห็นเย่เทียนล้มหัวหน้าหวางแล้วเดินไปที่ลิฟต์ เธอจึงรีบกลับไปที่เคาน์เตอร์แล้วโทรหาเจิ้งเหวยกั๋ว
“อะไรนะ? เย่เทียนจะบุกขึ้นมา?!”
เจิ้งเหวยกั๋วที่อยู่ในออฟฟิศขมวดคิ้ว เขาเพิ่งถอดเสื้อบนของเสี่ยวหลินเสร็จและเตรียมจะเริ่มขั้นตอนต่อไป แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ข่าวร้ายก่อน
“ไอ้พวก รปภ.ทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ? คนเยอะขนาดนี้แต่จัดการคนคนเดียวไม่ได้? แล้วผมเสียเงินเยอะขนาดนี้เพื่อจ้างพวกมันทำไม?!”
เจิ้งเหวยกั๋วทั้งกลัวและโกรธมาก เขาได้แต่ผลักเสี่ยวหลินออกไปและหมดอารมณ์ทันที……