บทที่ 473 คุณจะหยุดผมยังไง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เอางี้ คุณรีบโทรแจ้งหัวหน้าหลี่ในสถานีตำรวจ บอกว่ามีคนมาก่อความวุ่นวายในบริษัท ให้เขารีบมาจับตัวไปด่วน!”

“จากนั้นคุณแจ้งแผนกรักษาความปลอดภัยให้ทราบ ไม่ว่าจะเป็นคนดูกล้องวงจรปิด หรือคนที่เฝ้ายามอยู่ทุกจุด ให้พวกเขามารวมตัวกันทุกคน!”

เมื่อรู้ว่าเย่เทียนกำลังจะบุกเข้ามา เจิ้งเหวยกั๋วจะมีอารมณ์สนุกต่อได้อย่างไร? เขาผลักเสี่ยวหลินออกไปและออกคำสั่งให้กับพนักงานต้อนรับผ่านโทรศัพท์ทันที

“ประธานเจิ้งคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

เมื่อเห็นเจิ้งเหวยกั๋ววางสาย เสี่ยวหลินที่กำลังหน้าแดงก็ถามอย่างสงสัย

“มีสารเลวมาสร้างปัญหาข้างล่างตึก”

เจิ้งเหวยกั๋วจัดระเบียบเสื้อผ้าไปด้วยและกัดฟันพูดไปด้วย

“ประธานเจิ้งคะ ก็แค่คนคนเดียวไม่ใช่เหรอ ให้พวก รปภ.จัดการก็พอสิ ทำไมต้องลงไปด้วย?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวหลินก็ขมวดคิ้วขึ้นทันทีและเข้าไปยืนขวางเจิ้งเหวยกั๋วอย่างไม่สบอารมณ์

เพราะเจิ้งเหวยกั๋วได้ปลุกอารมณ์ของเธอไปแล้ว และในตอนนี้เธอกำลังรู้สึกได้ที่ แล้วจะยอมปล่อยเจิ้งเหวยกั๋วออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

“คุณไม่เข้าใจหรอก!”

เจิ้งเหวยกั๋วผลักเสี่ยวหลินออกไปแล้วส่ายหัวพูด “ช่างมันเถอะ บอกคุณก็คงไม่เข้าใจ ยังไงผมก็ต้องลงไปดูอยู่ดี!”

เมื่อเห็นท่าทีที่ยืนหยัดของเจิ้งเหวยกั๋ว เสี่ยวหลินจึงจะไม่ห้ามเขาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มุ่ยปากและแสดงความไม่พอใจอย่างไม่ต้องสงสัย

เพี๊ยะ!

จู่ๆ เจิ้งเหวยกั๋วก็ตบไปที่สะโพกของเสี่ยวหลินแรงๆ แล้วยิ้มพูดว่า “เจ้าหนูน้อย พี่จะชดเชยให้คืนนี้ก็แล้วกันนะ รับรองน้องจะไม่ผิดหวัง!”

หลังจากเจิ้งเหวยกั๋วแต่งตัวเรียบร้อย เขาไม่ได้สนใจเสี่ยวหลินอีก จากนั้นรีบออกไปจากออฟฟิศของเขาแล้วตรงไปในลิฟต์ด้วยความโกรธ

“ไอ้เด็กเวร ทำเสียอารมณ์หมด คอยดูว่าเอ็งจะได้คุกเข่าขอความเมตตาข้า!”

ในใจเจิ้งเหวยกั๋วคิดถึงเรื่องทรมานเย่เทียนอย่างไม่หยุด และไม่นานลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง

ติ๊ง!

หลังจากเจิ้งเหวยกั๋วก้าวออกจากลิฟต์ ภาพที่เห็นมันทำให้เขารู้สึกเสียใจที่ลงมาที่นี่

เหนือสิ่งอื่นใด เพราะเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งนอนอยู่บนพื้นของล็อบบี้ขนาดใหญ่ และมีคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา ซึ่งนอกจากเย่เทียนแล้วจะเป็นใครได้อีก?

“ประธานเจิ้งครับ เรื่องเล็กแค่นี้ ทำไมท่านต้องลงมาเองครับ ให้พวกเราจัดการก็พอแล้วสิครับ!”

ในเวลานี้ รองหัวหน้า รปภ. ก็รีบพาลูกน้องสิบกว่าคนออกมาจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิด เมื่อเห็นเจิ้งเหวยกั๋วอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาก็รีบปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้ววิ่งเข้าไปด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ

“เรื่องเล็กงั้นเหรอ? ถ้าผมไม่ลงมาเอง บริษัทคงถูกคนอื่นรื้อถอนไปนานแล้ว!”

เจิ้งเหวยกั๋วเหลือบมองรองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย จากนั้นชี้ไปที่เย่เทียนแล้วตะโกนว่า “ไอ้เหลือขอ! ยังไม่รีบเข้าไปจับตัวไอ้หมอนั่นมาอีก!”

รองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่กล้าบ่นอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบเหมือนไก่จิกข้าวแล้วพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เขาพามาเข้าไปล้อมเย่เทียน

แต่ในใจเขาไมพอใจกับคำว่ารองหัวหน้าสักเท่าไหร่

ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากตัดคำว่ารองทิ้ง เหลือเพียงแค่หัวหน้า ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการเย่เทียนให้เจิ้งเหวยกั๋วได้เห็น เผื่อเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นหัวหน้า

“ไอ้เด็กเมื่องานซืน เก่งมาจากไหนถึงกล้ามาสร้างปัญหาในบริษัทแช่เจิ้งของเรา ถ้าไม่สั่งสอนเอ็งสักบ้าง วันหลังใครก็มาก่อเรื่องที่นี่ได้สินะ?!”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยก็ตวาดออกมาแล้ววิ่งนำหน้าเข้าไปหาเย่เทียนโดยไม่ลังเล

“เจิ้งเหวยกั๋ว เจอตัวคุณยากจริงๆ เลยนะ!”

แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่ได้สนใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มนี้ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาเลย สายตาของเขาได้แต่จับต้องไปที่เจิ้งเหวยกั๋วตรงประตูลิฟต์

เมื่อเห็นเย่เทียนทักทายเหมือนเพื่อนเก่า เจิ้งเหวยกั๋วก็โกรธขึ้นมาทันที

อยู่ดีๆ ก็มีคนมากวนใจ แล้วใครจะอารมณ์ดีได้?

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพรรคชิงเฉิง เขากับเย่เทียนยังไม่จบไม่สิ้น!

“ไอ้เย่เทียน ถ้าเอ็งคุกเข่าเข้ามาร้องขอเหมือนสุนัขตั้งแต่แรก ข้าอาจจะช่วยเอ็งขอยาแก้พิษกับทางนู้นได้!”

“แต่เอ็งมาแล้วสร้างปัญหาเลย อย่าคิดว่าจะได้ยาแก้พิษจากข้าหรอกนะ!”

เจิ้งเหวยกั๋วผู้น่าสงสาร เขายังคงคิดว่าเย่เทียนมาที่นี่เพื่อขอยาแก้พิษกับเขา

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ใครให้เย่เทียนคิดอยากต่อกรกับพรรคใหญ่อย่างพรรคชิงเฉิงล่ะ เพราะมันเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“เฮ้!”

ในขณะนี้ รองกัปตัน รปภ. ตะโกนแล้วพุ่งเข้ามา และร่างกายที่กำยำของเขาก็กระแทกเข้ากับเย่เทียนราวกับหมีดำ

บูม!

แต่เย่เทียนไม่แยแสเขาเลย จากนั้นเขายกเท้าขึ้น ซึ่งท่าทางดูเหมือนจะช้า แต่มันเป็นความเร็วเกินจะรับมือได้ เย่เทียนจึงถีบเข้ากลางหน้าท้องส่วนล่างของรองหัวหน้า รปภ. คนนั้นแรงๆ

รองหัวหน้า รปภ. รู้สึกเจ็บแปลบในช่องท้องส่วนล่างที่เจาะลึกเข้าไปในไขกระดูก สีหน้าความได้ใจของเขายังไม่จางหาย แต่กลับแทนที่ด้วยการบิดเบือนที่เจ็บปวดทันที!

“โอ๊ย!”

เขาส่งเสียงคร่ำครวญอันน่าสลดใจออกมา และร่างกายกำยำของเขาก็ถอยห่างออกไปอย่างบังคับไม่ได้

รปภ.ที่วิ่งตามหลังเขาพยายามจับเขา แต่พละกำลังของเย่เทียนมันน่ากลัวเกินไป ทำให้รปภ. ที่เพิ่งสัมผัสกับร่างของรองหัวหน้ารปภ. ถอยกลับไปทันที

พรึ่บ พรึ่บ!!

เสียงล้มลงกับพื้นดังขึ้นไม่หยุด หลังจากคนกลุ่มนั้นรวมทั้งรองหัวหน้ารปภ. ถอยห่างออกไปหลายเมตร ในท้ายที่สุด พวกเขาไม่สามารถประคับประคองร่างกายตัวเองได้และล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“ให้ตายสิ! พลังนี้จะน่ากลัวเกินไปไหม?”

“โห! ถ้าพลังขาแรงขนาดนี้ไปเล่นฟุตบอลทีมชาติ แล้วจะไม่คว้าแชมป์กลับมาเหรอ?”

“ผู้ชายคนนั้นตอนต่อสู้ทำไมดูหล่อมากเลย! ฉันรู้สึกหลงรักเขาแล้ว!”

แม้คนส่วนใหญ่ในที่เกิดเหตุจะเป็นพนักงานของบริษัทแช่เจิ้ง แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบุคคลภายนอกปะปนอยู่และกลายเป็นแฟนคลับของเย่เทียนในทันที

เมื่อเห็นแบบนี้ ดวงตาของเจิ้งเหวยกั๋วก็กระตุกอย่างรุนแรง เขาทำได้เพียงคิดในใจว่าเย่เทียนติดพิษอยู่ไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

ในเวลานี้ เจิ้งเหวยกั๋วรู้สึกกังวลใจมาก ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าคนนับร้อยคนก็สู้เย่เทียนไม่ได้!

จนกระทั่งตอนนี้ เจิ้งเหวยกั๋วไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอ้อนวอนในใจว่าหัวหน้าหลี่จากสถานีตำรวจจะมาถึงทันท่วงที

แต่เย่เทียนไม่ได้สนใจเลยว่าเจิ้งเหวยกั๋วกำลังคิดอะไรอยู่ เขาได้ต่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหลืออย่างไม่ยั้งมือ

เช่นเดียวกับหัวหน้าหวางและคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้เป็นเหมือนมดน้อยในสายตาของเย่เทียน ทุกครั้งที่เขาโจมตี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็จะล้มลงอย่างทำอะไรไม่ได้และหมดกำลังที่จะต่อสู้อีก

ในเวลาไม่ถึงสองนาที รปภ. ทั้งหมดที่นำโดยรองหัวหน้าก็ถูกเย่เทียนจัดการจนล้มลงกับพื้นหมด!

และในตอนนี้ ระยะห่างระหว่างเย่เทียนกับเจิ้งเหวยกั๋วก็ไม่มีใครมาขวางกั้นอีก!

“เจิ้งเหวยกั๋ว! ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณยังมีปัญญาอะไรมาหยุดผมได้อีกไหม?!”

เย่เทียนปรบมือเบาๆ และมองไปที่เจิ้งเหวยกั๋วอย่างเฉยเมย ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความตลกขบขัน……