บทที่ 947 ตั้งโต๊ะเจรจา (4

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 947 : ตั้งโต๊ะเจรจา (4)!
  ดังนั้น..เรื่องที่หลิงหยุนเป็นทายาทตระกูลหลิง และเรื่องที่เขาได้กลับเข้าสู่อ้อมอกตระกูลหลิงแล้วนั้น จึงเป็นความลับที่เขาไม่อาจให้คนนอกรู้ได้!
  หลิงหยุนรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะปกปิดไว้ได้อีกไม่นานนักและในวันข้างหน้าเรื่องนี้ก็คงจะล่วงรู้กันทั่วทั้งยุทธภพ แต่หลิงหยุนก็หวังว่าจะสามารถปกปิดเรื่องนี้ไว้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้!
  เวลานี้การเจรจาของทั้งคู่ต่างก็ตกอยู่ในความตึงเครียดบรรยากาศในการเจรจาจึงเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด และกระอักกระอ่วน ทั้งคู่ต่างก็นั่งจิบชาท่ามกลางความเย็นชาที่เข้าปกคลุม
  เย่ซิงเฉินล้มเหลวในการที่จะสืบห้าข้อมูลบางอย่างจากหลิงหยุนอีกทั้งไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยความผิดปกติ หรือพิรุธใดๆ บนใบหน้าของเขา จึงได้แต่แอบผิดหวังอยู่ในใจเงียบๆ
  แต่หลิงหยุนนั้นกลับตรงกันข้าม..อย่างน้อยครั้งนี้เขาก็ได้ข่าวคราวของเสี่ยวเม่ยเม่ย ได้รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ และปลอดภัยดี เพียงแค่นี้ก็เหมือนกับได้ยกภูเขาออกจากอกของตนเองแล้ว!
  ระหว่างนั้น..ในใจของหลิงหยุนยังคงมีคำถามอีกมากมายร้อยพันที่ต้องการจะถามเย่ซิงเฉิน และกำลังใคร่ครวญอยู่ว่าจะเอ่ยถามออกมาเช่นไรดี
  หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานและในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามออกไปนั้น เขาก็พบว่าเย่ซิงเฉินได้ถอนสายตาที่เหม่อมองไปทางน้ำตกนั้นกลับมา และกำลังจ้องมองชุดดำที่หลิงหยุนสวมใส่แทน จากนั้นจึงเอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “เจ้าได้ผ้าแพรผืนนี้มาจากที่ใด”
  หลิงหยุนตกใจเล็กน้อย..และรู้ว่าเย่ซิงเฉินน่าจะเห็นนานแล้วว่า ชุดดำของเขานั้นตัดเย็บด้วยผ้าแพรไหมดำเช่นเดียวกับชุดดำของนาง แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ได้คิดหาคำตอบเตรียมไว้แล้ว
  หลิงหยุนแสร้งทำเป็นก้มลงมองดูชุดที่ตนเองสวมใส่จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิงเฉิน และทำเป็นส่งเสียงร้องตกอกตกใจ
  “ห๊ะนี่เราสองคนใจตรงกันถึงเพียงนี้เชียวรึ? ดูสิ.. ผ้าของเจ้ากับของข้าดูเหมือนจะเป็นผ้าแพรชนิดเดียวกัน ดูเหมือนว่าชะตาของเราทั้งคู่คงจะต้องกันสินะ.. ฮ่า.. ฮ่า..”
  เย่ซิงเฉินขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าจะตอบ หรือไม่ตอบ ข้าไม่ได้ตามเจ้ามาที่นี่เพื่อดูเจ้าเล่นตลก!”
  หลิงหยุนหยุดหัวเราะทันทีและตอบกลับไปห้วนๆ “ซื้อมา..”
  เย่ซิงเฉินมองหน้าหลิงหยุนอย่างรู้ทันและย้อนถามกลับไปทันที “นี่เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไรกัน หรือเห็นว่าข้าโง่นักงั้นรึ? เช่นนั้นบอกข้ามาว่าเจ้าซื้อมาจากที่ใด?”
  หลิงหยุนเริ่มทำตัวเป็นดาราเจ้าบทบาทอีกครั้งเขาแสร้งทำเป็นตีหน้าซื่อ และตอบกลับไปว่า
  “นี่เจ้าไม่เคยไปเดินตลาดมืดบ้างเลยหรือยังไงกันอ่อ.. แล้วก็ตามสถานที่ประมูลของเก่าต่างๆด้วย ที่นั่นมีของประหลาดเยอะแยะมากมาย..”
  เย่ซิงเฉินมีหรือที่จะเชื่อคำพูดของหลิงหยุนนางทำเสียงเย้ยหยันในระหว่างที่ท่องข้อมูลซึ่งอ่านมาจากแฟ้มประวัติของหลิงหยุน
  “จากแฟ้มข้อมูลของเจ้าที่ข้าได้มา– หลิงหยุนไม่เคยสวมใส่ชุดดำนี้มาก่อน แต่หลังจากที่ทำการเปิดคลินิกสามัญชน เขาก็มีชุดดำนี้ทันที..”
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบแต่ก็รู้สึกโล่งใจ..
  เพราะก่อนหน้านี้หลิงหยุนยังกังวลอยู่ว่าการที่เหล่ากุ่ยมาเมืองจิงฉูถึงสองครั้งสองครานั้น จะถูกเย่ซิงเฉินพบเข้าบ้างหรือไม่
  แต่เมื่อได้ฟังคำถามของเย่ซิงเฉินหลิงหยุนจึงค่อยรู้สึกผ่อนคลาย เขาเหลือบมองชุดดำของนางพร้อมกับถามขึ้นอย่างยียวนว่า
  “เจ้าเป็นภรรยาของข้าหรือยังไงถึงได้มายุ่งวุ่นวายกับเสื้อผ้าของข้าเช่นนี้?”
  เย่ซิงเฉินทำหูทวนลมและไม่สนใจคำยั่วยุของหลิงหยุน และพูดต่อว่า “จากแฟ้มข้อมูลของเจ้าที่ข้าได้มา – หลิงหยุนไม่เคยไปที่ตลาดมืดมาก่อน แล้วก็ไม่เคยเข้าร่วมการประมูลที่ใหนด้วยเช่นกัน..”
  “หยุด..หยุด..”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโหพร้อมกับยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เย่ซิงเฉินท่องประวัติที่อ่านมาจากแฟ้มให้เขาฟังอีก
  “เจ้าเลิกท่องเรื่องของข้าจากประวัติแฟ้มบ้าบออะไรนั่นจะได้หรือไม่”
  “ข้ารู้สึกราวกับถูกจับแก้ผ้าร่อนจ้อนเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า!”
  หลิงหยุนเดือดเป็นไฟและร้องตะโกนออกไปอย่างโมโห “ต่อให้เจ้ารู้เรื่องของข้ามากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องหรอกนะ!”
  หลิงหยุนระมัดระวังตัวมาเพียงใดงั้นรึหากความลับเรื่องใดที่เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ แม้แต่คนใกล้ตัวของเขาก็ยังไม่อาจรู้ได้ และแน่นอนว่าธิดาพรรคมารผู้รอบรู้ก็ยากที่จะรู้ได้เช่นกัน!
  “ก็แค่ผ้าแพรไหมดำข้ายังมีหม้อเสินหนงอีก จะแปลกอะไรหากข้าจะมีผ้าแพรไหมดำ? แม้ว่าจะเป็นผ้าแพรที่หาได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงพรรคมารเท่านั้นที่มีนี่! เจ้าอาจเห็นผ้าแพรไหมดำเป็นสิ่งล้ำค่า แต่สำหรับข้า มันก็แค่ผ้าผืนหนึ่งเท่านั้น!”
  ประโยคสุดท้ายของหลิงหยุนนั้น..เขาไม่ได้โกหกเย่ซิงเฉินเลย เวลานี้เขาอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 แล้ว เมื่อใดก็ตามที่เข้าสู่ขั้นพลังชี่ เขาก็จะสามารถสร้างสรรสิ่งต่างๆ ได้มากมาย ไม่เพียงของใช้ส่วนตัวอย่างเสื้อผ้า แต่เขายังจะทำแหวนพื้นที่วงใหม่ด้วยศิลาเกลาใจ..
  เมื่อถึงเวลานั้น..เขาจะสามารถใช้เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไปสร้างเป็นเสื้อเกราะได้ด้วยการติดยันต์เกราะลงไปกับเสื้อ หรือทำการสลักค่ายกลเกราะไว้บนเสื้อ จากนั้นเขาก็จะได้เสื้อเกราะที่สามารถป้องกันได้ดีกว่าผ้าแพรไหมดำผืนนี้เสียอีก!
  แต่หากเขาสลักค่ายกลเกราะไว้บนชุดที่ตัดจากผ้าแพรไหมดำผืนนี้แน่นอนว่าอานุภาพในการป้องกันย่อมต้องดีกว่าเสื้อเกราะที่ทำจากผ้าธรรมดาอย่างแน่นอน..
  เย่ซิงเฉินไม่อาจล้วงความลับของหลิงหยุนได้อีกเป็นครั้งที่สองนางจึงได้แต่ยิ้ม และพูดขึ้นว่า
  “อืมม..คำพูดของเจ้าก็ฟังดูมีเหตุผลดี!”
  หลิงหยุนได้แต่แอบถอนใจ..ไม่แปลกที่ทุกครั้งเมื่อเหล่ากุ่ยปรากฏตัวที่จิงฉูนั้น เขาจะระมัดระวังตัวอย่างมาก!
  หลิงหยุนเอาตัวรอดไปได้อีกหนึ่งคำถาม..และครั้งนี้ก็ถึงคราวที่เขาต้องถามบ้างแล้ว
  “ในเมื่อเจ้าเองก็ตามสืบเรื่องของข้าจนรู้ทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วข้าขอถามเจ้าตรงๆว่า.. คลินิกสามัญชนที่เพิ่งถูกวางระเบิดไปนั้น เป็นฝีมือของพรรคมารใช่หรือไม่”
  เย่ซิงเฉินตอบยิ้มๆ“ถูกต้อง!”novel-lucky
  หลิงหยุนร้องตะโกนถามออกไปอย่างโมโห“เจ้าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่”
  เย่ซิงเฉินมองหลิงหยุนราวกับเขาเป็นคนโง่และพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “หากเป็นฝีมือของข้าจริง อย่าว่าแต่คลินิกของเจ้าเลย เวลานี้.. แม้แต่บ้านเลขที่-1 และบ้านเลขที่-9 ของเจ้า ก็คงจะถูกระเบิดพังไปหมดแล้วเช่นกัน!”
  หลิงหยุนเองก็เชื่อว่าคนอย่างเย่ซิงเฉินคงจะไม่ลงมือระเบิดคลินิกเล็กๆด้วยตัวเองอย่างแน่นอน จึงได้แต่ลองถามออกไปว่า..
  “เป็นฝีมือของผู้ใดเจ้ารีบบอกข้ามา.. ข้าจะกลับไปแก้แค้นมัน!”
  เย่ซิงเฉินยิ้ม“ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายเช่นนั้นน่ะสิ! และที่ข้ามาพบเจ้าในคืนนี้ ก็เพื่อที่จะมาเตือนเจ้าเรื่องนี้ด้วย..”
  “โอรสพรรคมาร– ซือกงวู่จี๋ ได้นำนักฆ่าระดับสูงหลายคนมาที่จิงฉูเพื่อสังหารเจ้า!”
  “โอรสพรรคมาร– ซือกงวู่จี๋งั้นรึ”
  หลิงหยุนพึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับนึกถึงคืนวันที่คลินิกสามัญชนของตนเองถูกลอบวางระเบิด ในคืนนั้นสัญชาติญาณของหลิงหยุนสัมผัสได้ถึงอันตรายที่อยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม และเขาเองก็ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา..
  และด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงเลือกที่จะมาเซียนเหยินหลิงเพียงคนเดียว และให้ไป๋เซียนเอ๋ออยู่คุ้มครองความปลอดภัยให้คนในครอบครัวแทน เพราะเวลานี้ไป๋เซียนเอ๋อนั้นแข็งแกร่งกว่าหลิงหยุน หากมีนางอยู่ที่บ้าน เขาจึงจะวางใจได้!
  หลิงหยุนทวนชื่อซือกงวู่จี๋อยู่หลายครั้งจากนั้นจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมัน เหตุใดมันต้องคิดสังหารข้าด้วย!”
  เย่ซิงเฉินตอบยิ้มๆ“เพียงแค่เจ้ามีกระบี่โลหิตแดนใต้ก็เพียงพอให้มันคิดสังหารเจ้าแล้วไม่ใช่รึ! คงแทบไม่ต้องพูดถึงหากมันรู้ว่าเจ้ามีแหวนพื้นที และหม้อเสินหนง..”
  “กระบี่โลหิตแดนใต้..เป็นหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าของพรรคมาร ในยุทธภพต่างเล่าลือกันว่า ผู้ใดที่ได้ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ คนผู้นั้นก็คือเทพแห่งมาร และจะสามารถสั่งการทุกคนในพรรคมารได้ ในเมื่อซือกงวู่จี๋มีฐานะเป็นถึงโอรสพรรคมาร เจ้าคิดว่ามันจะไม่ต้องการแย่งชิงกระบี่วิเศษเล่มนี้มาจากเจ้างั้นรึ”
  คำอธิบายอย่างตรงไปตรงมาของเย่ซิงเฉินทำให้หลิงหยุนรู้ว่าซือกงวู่จี๋มาเพื่อกระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้!
  หลิงหยุนยิ้มสดใสพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเย่ซิงเฉิน“ขอบคุณสำหรับคำเตือนของเจ้า.. ในเมื่อมันรนหาที่ตาย ข้าก็จะไม่ปราณี และส่งมันไปตามทางที่มันต้องการ..”
  เย่ซิงเฉินยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับตอบไปว่า“ส่งมันไปตามเส้นทางที่ต้องการงั้นรึ คงไม่ง่ายดายเช่นนั้นแน่.. เจ้าคงยังไม่รู้ว่าซือกงวู่จี๋ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย!
  หลิงหยุนจ้องหน้าเย่ซิงเฉินก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา“เพราะเจ้าเป็นหญิงต่างหากเล่า ข้าจึงได้ปราณีเจ้า แต่หากเป็นเจ้านั่น.. ข้าจะสับมันเป็นชิ้นๆ ทีเดียว!”
  หลังจากที่ได้ต่อสู้ร่วมกับหลิงหยุนในคืนนี้เย่ซิงเฉินก็พอจะรู้ว่าหลิงหยุนยังมีไพ่ในมืออีกหลายใบที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้..
  ยกตัวอย่างเช่น..ปราณเสวีย-หวง วิชาพลังหยางพิสุทธิ์ วิชาพลังมังกร.. ยังมีวิชาดูดพลังที่เกิดจากกระแสวนหยิน-หยางอีก..
  ยังไม่นับยันต์หลากหลายชนิดของหลิงหยุนเขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถสังหารโอรสพรรคมารได้อย่างแน่นอน
  เย่ซิงเฉินเห็นสีหน้าท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของหลิงหยุนก็ถึงกับตกใจไม่น้อย และร้องถามออกไปว่า
  “เจ้ามั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงหยุนกลับเพียงแค่หัวเราะและมองเย่ซิงเฉินอย่างมีเลศนัย แต่กลับนิ่งไม่ตอบคำถามของนาง..
  นับว่าเป็นความโชคร้ายของเย่ซิงเฉิน..เพราะความลับสุดยอดของหลิงหยุนกลับอยู่ในร่างกายของเขา และหลายอย่างก็ถูกเก็บซ่อนไว้ในแหวนพื้นที หลายเรื่องก็ถูกเก็บไว้ในใจ จึงยากนักที่เย่ซิงเฉินจะสามารถล่วงรู้ได้!
  แต่ก็เพราะเหตุนี้..นางจึงต้องการรู้เรื่องของหลิงหยุน!
  “หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่..หญิงสาวทั้งสองก็น่าจะถูกซือกงวู่จี๋จับตัวไปสินะ!”
  ในเมื่อซือกงวู่จี๋มาที่จิงฉูพร้อมกับนักฆ่ามากมายและจุดประสงค์ของเขาคือต้องการสังหารหลิงหยุน เขาจึงเชื่อว่าหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ก็น่าจะถูกซือกงวู่จี๋จับตัวไป..
  แต่คำตอบของเย่ซิงเฉินกลับทำให้หลิงหยุนถึงกับตกตะลึง..
  “เจ้าผิดแล้ว..”
  เย่ซิงเฉินตอบหลิงหยุนในขณะที่ใบหน้างดงามของนางปรากฏรอยยิ้มที่มีเลศนัยบางอย่าง..