บทที่ 429 อนาคตที่ไม่รู้จัก (1)
จินซาฮยอค สังเกตการเคลื่อนไหวของกระต่าย พลังงานปีศาจสีดำพุ่งออกมาจากตัวเธอเหมือนไอน้ำ ในขณะเดียวกันขนของกระต่ายซึ่งเดิมเป็นสีเทาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงตาสีแดงเข้มของเขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับร่างกายที่ดำคล้ำของเขา เขามองตรงไปที่
จินซาฮยอค
จินซาฮยอค เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของมอนสเตอร์ในขณะที่เธอขยายขอบเขตของเธออย่างเงียบๆ กำแพงที่ 3 ซึ่งหยุดไม่ให้กาโต้หนีออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วได้ขยายตัวยิ่งขึ้นเพื่อล้อมรอบพื้นที่รอบๆ
“…นี่มันอะไรกัน?”
ปรากฏการณ์มหัศจรรย์นี้ทำให้กาโต้ตกใจ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จินซาฮยอค ยิ้มเย้ยหยันแทนคำตอบ เมื่อขอบเขตของเธอก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ เธอมั่นใจว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ไม่มีทางต่อกรเธอได้เลย
“อย่าเอะอะไปยังไงก็ต้องตาย!!!”
จินซาฮยอค พูดพร้อมกอดอก กาโต้เริ่มโกรธแค้นเพราะน้ำเสียงที่หยิ่งผยองของเธอ สิ่งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้แสดงความหยิ่งต่อหน้ากาโต้คือ ‘ราชา’
เปรี้ยงงงง…
พลังปีศาจของกาโต้หมุนเหมือนพายุทิ้งรอยแผลบางๆ ไว้บนแก้มของจินซาฮยอค
“นี้สำหรับราชาของข้า!”
กาโต้ตะโกนใส่จินซาฮยอค อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาโจมตีอย่างหนักหน่วงแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าถึงเธอได้ ระยะห่างระหว่างคนทั้ง 2 ไม่ได้ลดลงไม่ว่าเขาจะพยายามวิ่งแค่ไหนก็ตาม
เมื่อมองกาโต้ที่กำลังวิ่งมาหาเธอจากระยะที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
จินซาฮยอค ก็ประกาศตัวออกมาว่า “…ฉันเองก็เป็นราชาเหมือนกัน”
พื้นที่นั้นตอบสนองต่อเสียงที่สูงส่งของเธอ แท่งเหล็กพุ่งขึ้นมาจากพื้นที่กาโต้ยืนอยู่ เขากระโดดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงพวกมันแต่ทันใดนั้นมีกลุ่มโซ่ปรากฏขึ้นและพุ่งไปหาเขา กาโต้หมุนตัวเพื่อสลัดโซ่ออก จากนั้นเขาก็พุ่งไปหา จินซาฮยอค อีกครั้ง
“ดังนั้นให้พิจารณาตัวเองซะว่า โชคดีขนาดไหน”
หลังจากนั่นไม่นานจินซาฮยอค ก็ตบมือพลังเวทมนต์รวมตัวกันรอบมือที่อิสระในขณะนี้ของเธอ พลังเวทมนต์ที่เข้มข้นไม่ได้พุ่งออกไปด้านนอก แต่ทำหน้าที่ปรับโครงสร้าง ‘ขอบเขต’ ของเธอแทน ‘ราชาแห่งขอบเขต’ เปลี่ยนรูปร่างไปตามความต้องการของราชา พื้นดินถูกแยกออกจากกันแล้วยกสูงขึ้นเป็นรูปเศษส่วนจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบมีดที่คมแล้วพุ่งไปที่กาโต้
ตู้ม!
อย่างไรก็ตามคมมีดของเธอไม่สามารถเจาะบาเรียของกาโต้ลงได้ กาโต้ยิ้มเยาะ น่าประหลาดใจที่ จินซาฮยอค เองก็เช่นกันก่อนที่กาโต้จะเริ่มคิดเกี่ยวกับความหมายที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของเธอ เศษมีดที่เกาะติดกับร่างของกาโต้ก็ระเบิด ใบมีดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกาโต้ก็ได้แต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดท่ามกลางความร้อนและควันไฟ
“-!!!!”
ด้วยโกรธแค้นเขาปล่อยพลังปีศาจออกมาการหมุนของพลังปีศาจนั้นทำให้เศษส่วนหลอมละลายและทำให้ควันร้อนขึ้น กาโต้ผลักตัวเองขึ้นไปในอากาศร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังปีศาจออกมาที่เป็นลางไม่ดี เส้นเลือดในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังปีศาจ
“…เข้ามา.”
กาโต้ตะโกนออกมาขณะพุ่งไปข้างหน้าคลื่นกระแทกจากเท้าของเขาก้องกังวานไปทุกทิศทุกทาง ในครั้งนี้แม้แต่ ‘ขอบเขตแห่งราชา’ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดเขาได้ ทันใดนั้นกาโต้ก็มาถึงตรงหน้าจินซาฮยอค แล้วเหวี่ยงกำปั้นใส่เธอ
“กร๊อบ!”
จินซาฮยอค ใช้แขนของเธอเพื่อป้องกันตัวเองจากหมัดของเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากกระดูกของเธอนั้นอ่อนแอกว่า กาโต้มากแขนของเธอจึงหักครึ่งอย่างง่ายดายเหมือนกับ ป๊อกกี้ ในทันใดนั้นเองลูกเตะของกาโต้ก็กระแทกครึ่งล่างของจินซาฮยอค
“อักกกก!”
ความรู้สึกราวกับมีระเบิดปรมาณูระเบิดเข้ามาในร่างกายของเธอ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจและเลือดก็พุ่งออกมาจากปากเธอทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงโดยการปล่อยให้กระต่ายเข้าใกล้ตัวเธอ เธอไม่ควรปล่อยให้มอนสเตอร์ตัวนี้โจมตีเธอในระยะใกล้ แต่ทำไมกระต่ายตัวหนึ่งถึงมีพลังมากมายขนาดนี้…?
แต่มันก็สายเกินไปที่จะไตร่ตรองคำถามดังกล่าว
กาโต้วางมือของเขาบนคอของจินซาฮยอคอย่างบ้าคลั่ง!…มันฉีกหัวเธอออกร่างกายที่ไม่มีหัวเดินกะเผลกและล้มลงกับพื้น ไม่มีเสียงกรี๊ดร้องไม่มีการต่อต้าน กาโต้ยิ้มอย่างพึงพอใจต่อหัวของจินซาฮยอคในมือของเขา
‘มันจบแล้ว.”
กาโต้คิด อย่างไรก็ตาม
“…สัตว์ร้ายเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตัวตลกในขอบเขตของฉัน”
เสียงดังออกมาจากด้านบน ด้วยความตกใจกาโต้รีบจ้องมองไปที่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จินซาฮยอค ยืนอยู่ที่นั่นมองลงไปที่กาโต้ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง
“นั่นเป็นแค่การแสดงที่น่าสนใจของตัวตลก”
“แก- เจ้าคนหลอกลวง!”
กาโต้ระเบิดพลังเวทมนต์ของเขาด้วยความโกรธ
ตู้มมมมมมมมมม-!
ดูเหมือนว่าจินซาฮยอคจะไม่สนใจว่าการระเบิดครั้งนี้ทำให้ร่างกายของเธอเสียหาย
วิ้งงงง…
ประกายแสงขึ้นมาจากศพของจินซาฮยอคที่กาโต้บดขยี้เป็นชิ้นๆเมื่อ
กาโต้หันกลับไปประกายไฟก็กลายเป็นโซ่และพันรอบคอของเขา
ในเวลาเดียวกันหอก ดาบ ลูกศรและขวานก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า อาวุธทั้งหมดชี้ไปที่กาโต้
“ถึงเวลาที่จะลงโทษแล้ว”
จินซาฮยอค โบกมือของเธอเบาๆทหารของเธอตอบสนองทันทีต่อคำสั่งของเธอ อาวุธเทลงไปที่กาโต้เหมือนลูกเห็บ เมื่อโดนมอนสเตอร์พวกมันก็มอบความตายให้กับเขาอย่างง่ายดาย การระเบิด การทะลวง
การแช่แข็ง การระเบิดชิ้นเนื้อ และ หยุดลมหายใจ ทำให้อัมพาต
ตัดแขนขา …
“… .”
ไม่นานนักกระต่ายก็ล้มลงบนพื้น บาดแผลชนิดต่างๆเต็มร่างกาย
ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมและกาโต้ก็หายใจไม่ออก จินซาฮยอค เดินไปหาเขาอย่างช้าๆ
“…ฉันเป็นคนที่จะฆ่าดอกบัวดำ”
เธอพูดพร้อมคมดาบในมือของเธอ
“ไปบอกราชาของแกด้วยละ…”
รอยยิ้มแพร่กระจายไปทั่วใบหน้าของเธอเมื่อเห็นศัตรูที่จ้องมองไปที่เท้าของเธอ
“…เพื่อไม่เป็นการรบกวน”
ฉึกกกกกกก!
คมดาบทะลุหัวใจของกาโต้ กาโต้อ้าปากค้างไม่กี่ครั้งก่อนที่จะถึงจุดจบ
“…เฮ้อออ”
ในขณะนั้นเองใบหน้าของ จินซาฮยอค ก็แข็งทื่อ ‘ขอบเขตของราชา’ ของเธอถูกปล่อยและจินซาฮยอคก็ล้มลงกับพื้น
‘มันจบแล้วสินะ.’ เธอคิดในใจ.
ตอนนี้เธอไม่มีแรงเหลือแล้วนี่คือสภาพหมดสิ้นพลังเวทมนต์ เธอเคยคิดว่ามอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์จะอ่อนแอ…แต่พวกมันแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้มาก เธอหลับตาและถอนหายใจ ใบหน้าของใครบางคนโผล่ขึ้นมาใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทของเธอมันช่างน่าหงุดหงิด จินซาฮยอค ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“…บ้าจริง”
คิมฮาจิน คิมฮาจิน คิมฮาจิน เธอหยุดคิดถึงชื่อของเขาไม่ได้เลย
“หมอนั้นรู้ได้ยังไง?”
จินซาฮยอค อยากถาม เธออยากรู้แทบตาย เขารู้จัก ‘พูฮาเรน’ ได้ยังไง เธอไม่พอใจที่ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาตรงๆได้
“เฮ้อออออ… .”
เมื่อไม่นานมานี้เขาเกือบจะฆ่าเธอ เธอขอร้องให้เขาไว้ชีวิต ทุกครั้งที่เธอนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดนี้ร่างกายของเธอก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
เธอโกรธตัวเองเพราะกลัวคิมฮาจิน เธอหลับตาด้วยความละอาย
จินซาฮยอค ปิดไฟ คราวนี้คิมฮาจินไม่ปรากฏ
*************************************************************************
มอนสเตอร์ทั่วโลกเริ่มบ้าครั้งทำให้เกิดความรุนแรงและก้าวร้าวมากขึ้น
มันไม่ใช่แค่กองทัพอสุรกายที่แข็งแกร่งกว่า 30 ล้านตัวที่เดินขบวนจากแอฟริกาเหนือ
ตอนนี้ผมไม่มีอะไรที่สามารถเผชิญหน้ากับพวกมันได้ ผมต้องรีบไปที่เวิร์คช็อปใต้ดินของ Essential Dynamics ที่สร้างที่ไหนสักแห่งใกล้ทะเลทางใต้พร้อมกับ ยูยอนฮา
“ทำทุกสิ่งที่นายต้องการ”
เวิร์กช็อปนั้นเต็มไปด้วยเครื่องจักรที่น่าทึ่งรวมถึงโดรนมูลค่าหลายร้อยล้านวอนต่อลำ เครื่องบินล่องหนกับ F-22 รถถังขนาดเล็กและแม้แต่
ชุดบอดี้ที่มีเทคโนโลยีสูงพบได้ในภาพยนตร์เท่านั้น สิ่งที่อยู่ต่อหน้าผมคือข้อสรุปที่ดีที่สุดของคำว่า วิทยาศาสตร์และเวทมนตร์มาบรรจบกัน
“…สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไอเท็มของเธอใช่ไหม”
“ใช่. พวกเราพัฒนาพวกมันขึ้นมาแต่ไม่เคยประกาศให้สาธารณชนทราบ ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังตามรอยพวกเราและพวกเขาอยากขอสิทธิบัตรของพวกเรา พวกเราไม่อยากให้ใครได้มันไปตอนนี้ฉันจึงคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่จะซ่อนพวกมันเอาไว้”
สายตาของผมเปลี่ยนไปมองอาวุธและเครื่องบินล่องหน ผมสามารถใช้ประโยชน์จากพวกมันทั้ง 2 ยูยอนฮา สังเกตว่าผมสนใจก็พูดออกมา
“ชื่อรหัสสำหรับโดรนนี้คือ ESX-039 มันมาพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเวทมนต์ขยายพื้นที่ดังนั้นมันจึงสามารถเก็บกระสุนเวทมนตร์ได้มากถึง 5,000 นัด AI ยังยิงกระสุนให้อัตโนมัติอีกด้วย”
“อืม…จริงๆเหรอ?”
ผมสามารถปรับปรุงเครื่องจักรที่ผมเป็นเจ้าของได้ถึง 4 ต่อ อันดับแรกกับ [เชื่อมโยงอุปกรณ์] จากนั้น [ระบบเสริมความแข็งแกร่งแบบสุ่ม] จากนั้น [เอเธอร์] และสุดท้าย [อัลกอริทึม] ด้วยสิ่งเหล่านี้แม้แต่ปืนที่ธรรมดาที่สุดก็อาจมีพลังเทียบเท่ากับไอเท็มได้ง่ายๆ
“ฉันจะเอาโดรนพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”
ลูกกระจ๊อกเหล่านี้อาจกลายเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมของทีม จากนั้นผมก็วางมือบนโดรน 4 ตัวจากนั้นผมเปิดใช้งาน [เชื่อมโยงอุปกรณ์] มันเป็น 1 ในฟังก์ชั่นที่แล็ปท็อปของผมได้รับมาจากการอัปเดตในวันนั้น
===
[เชื่อมโยงอุปกรณ์]
– ค้นหาเครื่องที่ ‘คิมฮาจิน’ เป็นเจ้าของ (สูงสุด: 7)
– เครื่องที่เชื่อมโยงสามารถควบคุมได้โดยเจ้าของเท่านั้น เจ้าของจะได้รับสิทธิ์ในการควบคุมเครื่องที่เชื่อมโยงเอาไว้
– ผลลัพธ์ของเครื่องที่เชื่อมโยงจะเพิ่มขึ้น 15%
===
ผมเชื่อมโยงตัวเองกับโดรนทั้ง 4 แม้จะไม่มีแหล่งจ่ายไฟลูกกระจ๊อกพวกนี้ก็ยังขยับตามที่ผมสั่ง
“…โอ้ว้าว. พรสวรรค์ของนายก้าวหน้าไปอีกระดับแล้วเหรอ? ไม่ใช่แค่ปืนที่ตอบสนองนายแล้วในตอนนี้”
ผมมอบ [การ์ด รถของคนแคระ] ให้กับ ยูยอนฮา ที่ประหลาดใจ
“นี่มันอะไรน่ะ?”
“ฉันจะให้เธอยืมเพื่อแลกกับโดรน”
“…อะไรนะ?”
ผมปลดล็อคการ์ดส่วนตัวสำหรับ ยูยอนฮา ที่กำลังสับสนอย่างชัดเจน รถปรากฏตัวขึ้นในอากาศ
“โอ้?”
“เรียนรู้ที่จะขี่มัน ด้วยวิธีนี้เธอสามารถไปจากปูซานถึงโซลได้ภายใน
10 นาที มันสามารถบินข้ามท้องฟ้าได้”
“…นายอยากให้ฉันขี่อะไรที่โดดเด่นแบบนี้จริงๆเหรอ?”
“มันสบายดีในเวลากลางคืน”
ผมใส่พลังเวทมนต์ของผมลงในรถ ด้วยคุณสมบัติมนต์อันน่าหลงไหล
รถเลื่อนของคนแคระจึงมีโปร่งใสและผสมผสานเข้ากับความมืด
“ในตอนกลางคืนมันจะไม่น่าถูกสังเกต แถมมันก็ดูธรรมดาๆ”
“ฉันจะไม่พูดว่ามันธรรมดา เพราะว่าของดีๆจากหอคอยล้วนแล้วแต่แพงๆทั้งนั้น…อย่างไรก็ตามขอบคุณนะ ฉันจะใช้มันให้ดีที่สุดเลย”
ดวงตาของ ยูยอนฮา แวววาวในขณะที่เธอนั่งลงบนที่นั่งคนขับของ
รถเลื่อนของคนแคระ เธอเรียนรู้วิธีขับรถในหอคอยแล้วดังนั้นเธอน่าจะควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ผมเลิกสนใจเธอออกแล้วเปิด
Smart Watch ของผมใหม่
มอนสเตอร์ 30,000,000 ตัวมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันตกต่างก็พยายามอพยพออกจากพื้นที่….
– มอนสเตอร์กำลังอาละวาดทั่วโลกไม่เพียงแต่ในแอฟริกาเท่านั้น รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน…
เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวได้เข้าสู่ บทแห่งออร์เดนราชาแห่งมอนสเตอร์
จากเหตุการณ์นี้มนุษยชาติจะสูญเสียดินแดน ‘อย่างน้อย’ แอฟริกาและตะวันออกกลางรวมถึงคาบสมุทรไอบีเรีย,กรีซ,อิตาลีและประเทศอื่น ๆ ใกล้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนพร้อมด้วยไอร์แลนด์และสกอตแลนด์
แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
“เอาไงดี….”
ผมมองย้อนกลับไป
— บรืนนนนน — บรืนนนนน
ยูยอนฮา กำลังบินอยู่ในอากาศบน รถเลื่อนของคนแคระ
“…เกิดอะไรขึ้นกับ Essence Barrier?”
“อา.”
ยูยอนฮา รีบลงมา
“พวกเราส่งพวกมันไปยังประเทศอื่นๆแล้ว ฉันไม่ได้รีบผลิตมากเท่าไรแต่ตอนนี้ฉันคิดว่าไม่ใช่เวลาที่จะเรื่องมากแล้ว ฉันส่งไปประเทศอังกฤษนานแล้วเหมือนกันนะ”
“ดี. ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ อย่าตามฉันมาละ”
“โอเค.”
ผมก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับโดรนข้างๆผม ยูยอนฮามองมาที่ผมแล้ว
พูดว่า: “อ้อ แล้วฉันจะเคลียร์กับนายอนให้นะ”
“…ยังไง”
“ฉันคิดจะบอกเธอว่านายได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่จู่ๆก็หายอย่างน่าอัศจรรย์”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของ ยูยอนฮา ปรากฏบนช่องว่างประตูลิฟต์ แต่ว่าประตูปิดก่อนที่ผมจะตอบเธอ
ตอนนี้ผมกำลังขึ้นเหนือพร้อมกับโดรน สปาร์ตันเกาะติดกับผม
มุมมองของมหาสมุทรเข้ามาในดวงตาของผมทันที
“… อืมมม.”
ผมเริ่มไตร่ตรองโดยที่สายตาของผมจ้องมองไปความมืดภายในดินแดนเหนือทะเลทางใต้ ส่วนสุดท้ายของเนื้อเรื่องกำลังจะเริ่มขึ้น อีกไม่นานมนุษยชาติก็จะรวมตัวกันเป็น ‘คณะสำรวจ’ เพื่อต่อต้านออร์เดนและหลังจากนั้นไม่นานโลกก็จะเริ่มแปรสภาพเป็นอาณาจักรปีศาจ การปะปนจะเริ่มจากทั้ง 2 ขั้ว และหลังจากนั้น…เป็นอนาคตที่ผมไม่รู้แล้ว
—————–2——————