เมืองสวินหยางในตอนนี้ คนที่มีคุณสมบัติ หรือจะพูดว่ามีกำลังจะเผชิญหน้ากับอำนาจของจูลั่วได้โดยตรงมีเพียงแค่สองคน เซวียเหอเป็นทัพเหนือของต้าโจว หัวเจี้ยฟูเป็นสาขาย่อยของนิกายหลวง ดูจากการลงมือของลูจั่วแล้ว ท่าทีของพระราชวังหลีนั้นก็เห็นได้ชัดเจนอย่างมาก ในตอนนี้จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เห็นด้วยที่จะให้ซูหลีตายไป เช่นนั้นซูหลีก็สมควรตายไปจริงๆ เพียงแต่…เจ๋อซิ่วยังคงถูกขังอยู่ในคุกโจว
ม่ออวี่ไม่อาจจะยืนยันได้ว่าสรุปแล้วเหนียงเหนียงคิดอย่างไรกับเฉินฉางเซิงกันแน่ สุดท้ายแล้วก็ยังอดไม่ได้ จึงเอ่ยถามความสงสัยในใจออกไป “หากเฉินฉางเซิงยืนยันที่จะปกป้องซูหลี เช่นนั้นควรจะทำอย่างไร”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นอย่างสงบ “เจ้าอย่าได้ลืมว่าจูลั่วเป็นใคร”
ในบรรดาสี่แซ่ของเทียนเหลียง จวนเหลียงอ๋องอดทนมาพันปี เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อสิบปีก่อนนั้นได้ถูกซูหลีช่วงชิงจิตวิญญาณทั้งหมดไปในกระบี่เดียว ถึงแม้เหลียงหวังซุนในตอนนี้จะยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่ว่าก็ไม่อาจทำให้จวนเหลียงอ๋องกลับไปรุ่งเรืองเหมือนอย่างเคยได้อีกแล้ว ตระกูลหวังก็ล่มสลายไปครึ่งทางแล้ว สวนเก่าได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปเนิ่นนานแล้ว ถึงแม้จะเป็นบุคคลอย่างหวังผ้อนี้ ก็จำเป็นต้องเดินทางไกลไปยังเทียนหนาน มีเพียงจูลั่วที่มีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์เก่า ความสัมพันธ์กับเหมยหลี่ซาก็ยิ่งใกล้ชิดสนิทสนม ที่เขามาลงมือกับซูหลีที่เมืองสวินหยางในครั้งนี้ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นเจตนาของพระราชวังหลี เช่นนั้นแน่นอนว่าเขาไม่มีทางให้เฉินฉางเซิงต้องตายไป
ส่วนที่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ แปดมรสุมเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่ก้าวข้ามคนธรรมดาไป หลังจากที่ซูหลีบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว ในเมืองสวินหยาง จูลั่วก็เป็นเพียงผู้เดียวที่ดำรงอยู่อย่างสูงส่งที่สุด เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ จะให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อม่ออวี่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ถึงได้วางใจลงมาอย่างแท้จริง มองดูใบหน้าด้านข้างที่งดงามดึงดูดสายตาของเหนียงเหนียง ในใจคิดเช่นนั้นแล้วท่านเล่า?
สรุปแล้วท่านอยากให้เฉินฉางเซิงมีชีวิตอยู่ หรือว่าตายไปกัน
……
……
มีคนที่ยอมตาย เพียงเพราะจะฆ่าคน ยกตัวอย่างเช่นเหลียงเสี้ยวเซียว มีคนที่กระโจนเข้าหาความตาย เพียงเพราะจะช่วยคน ยกตัวอย่างเช่นเฉินฉางเซิงกับหวังผ้อ
ยังมีคนที่กำลังพยายามให้ตัวเองมีชีวิตรอดมาได้ เช่นนี้ถึงจะสามารถมีชีวิตรอดได้
คนผู้นั้นก็คือชิวซานจวิน
หลังจากที่ร่องรอยของสวนโจวปรากฏขึ้นในดินแดนต้าลู่ ในฐานะของคนที่ถูกทั้งโลกยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของขั้นทะลวงอเวจี ชิวซานจวินยอมรับการจัดการของห้านักปราชญ์ เข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่มีผู้แข็งแกร่งเผ่ามารจำนวนหลายคนที่มีพลังในระดับเดียวกันแย่งชิงเอากุญแจของสวนโจวมาได้ เพื่อเรื่องนี้ เขาได้หายตัวไปหลายวัน พลาดการสอบใหญ่และการดูแผ่นป้ายอนุสรณ์ที่สุสานเทียนซู และก็ไม่รู้ว่าพรรคกระบี่หลีซานและตระกูลชิวซานจะมาจิงตูเพื่อทำการสู่ขอ โดยเฉพาะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่ต้นจนจบยากจะฟื้นตัว แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนคุ้มค่า เพราะว่าสวนโจวตกอยู่ในมือของมนุษย์ เพราะว่าการที่เขาได้เจอกับสถานการณ์คับขันกลับทำให้เขาระเบิดพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา สายเลือดแห่งมังกรที่แท้จริงได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ถึงกับทำให้เขาบรรลุไปถึงขั้นรวบรวมดวงดาวได้สำเร็จ ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ เขาได้สั่นสะเทือนโลกทั้งใบอีกครั้ง
ใครจะสามารถเทียบกับชิวซานจวินได้ เฉินฉางเซิงได้อันดับหนึ่งของการสอบใหญ่ ทำให้ดวงดาวส่องประกายในสุสานเทียนซู กลายเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นทะลวงอเวจีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์กับสวีโหย่วหรง แต่ก็ยังคงไม่อาจไล่ตามเขาได้ มีนักบวชของพระราชวังหลีบางส่วนไปจนถึงคนอย่างถังซานสือลิ่วกลับมีความคิดต่อเรื่องนี้อีกแบบหนึ่ง ในสายตาของพวกเขา เฉินฉางเซิงอายุยังน้อย อีกทั้งยังเพิ่งบำเพ็ญเพียรได้เพียงแค่หนึ่งปีกว่า ก็สามารถอยู่ในระดับขั้นนี้ได้แล้ว การคิดจะไล่ตามชิวซานจวินเป็นเพียงแค่เรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น ขนาดที่คิดว่าชาวโลกที่เอาชิวซานจวินมาเปรียบกับเฉินฉางเซิง ค่อนข้างจะมีความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กอยู่บ้าง
แต่ที่จริงแล้วชิวซานจวินยังไม่ครบยี่สิบดี เทียบกับโก่วหานสือแล้วเขายังเด็กกว่าหนึ่งปี เพียงแต่ว่าสายเลือดมังกรที่แท้จริงของเขากับพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรนั่นสะท้านสะเทือนโลกเกินไป ท่าทีการทำอะไรก็สมบูรณ์แบบ มีชื่อเสียงเร็วเกินไป สำหรับคนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สนับสนุนเฉินฉางเซิง หรือผู้ที่เคารพเขาก็ล้วนลืมเรื่องนี้ไป
อายุยังไม่ถึงยี่สิบเต็มก็มีอาณาเขตดวงดาวอยู่กับตัว นี่เป็นความคิดอะไร นี่ก็เป็นดั่งตำนาน เพียงแค่เขาสามารถมีชีวิตอย่างสงบและกล้าหาญพร้อมทั้งบำเพ็ญเพียรต่อไปอีกสักยี่สิบปี ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะกลายเป็นซูหลีคนที่สอง ไม่ ในสายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วน เขายังสุขุมและน่าเชื่อถือเสียยิ่งกว่าซูหลี โลกมนุษย์ถึงต้องการคนแบบเขายิ่งนัก!
แต่ว่าอันดับแรก ชิวซานจวินในตอนนี้จำเป็นจะต้องมีชีวิตรอดให้ได้ก่อน
คนชุดดำสั่นคลอนสายรุ้งข้ามผ่านระยะทางนับหมื่นลี้ ทำให้อาการบาดเจ็บของเขายิ่งทรุดหนักขึ้น ต่อมา เพื่อรักษาสภาพของสายรุ้ง เพื่อที่จะเปิดสวนโจวใหม่อีกครั้งให้เร็วที่สุด เพื่อรับผู้บำเพ็ญเพียรชาวมนุษย์ออกมา ชิวซานจวินจึงไม่สนใจร่างกายที่บาดเจ็บ ถ่ายเทปราณแท้และกลิ่นอายจากสายเลือดตนเข้าไปในสายรุ้งตลอดทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดหลังจากที่เปิดประตูใหญ่ของสวนโจวได้อีกครั้ง จิตใจของเขาก็ผ่อนคลายลง ไม่อาจฝืนยื้อเอาไว้ได้อีกต่อไป จึงหลับตาลงบนเบาะรองนั่ง และหลับลึกไม่ตื่นขึ้นมาเลย
จริงๆ แล้วไม่ใช่การหมดสติ แต่เป็นเคล็ดลับของวิชากระบี่ที่ทั่วทั้งเขาหลีซานมีเขาใช้ได้เพียงคนเดียว…พักกระบี่
ในปีนั้นอาจารย์ปู่เล็กซูหลีได้ถ่ายทอดวิชากระบี่ให้เขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน อันดับแรกที่สอนให้กับเขาคือการพักกระบี่ พักกระบี่มองดูแล้วเหมือนกับการหมดสติ ข้อแตกต่างนั้นอยู่ที่ คนที่เข้าสู่สภาวะพักกระบี่ยังสามารถได้ยินเสียงจากโลกภายนอก นอกจากจะใช้ปราณแท้กับเลือดทั้งหมดมาชดเชยอาการบาดเจ็บ ชำระล้างเส้นทางแห่งจิต ก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว แม้จะนำเลือดเพียงหนึ่งหยดมาใช้ในการรักษา ทว่าแม้อยากจะขยับนิ้วมือเพียงเล็กน้อย ต่างล้วนจะทำให้บาดแผลกำเริบไปทั้งตัว หากใช้คำพูดใหม่ ชิวซานจวินในตอนนี้ก็เหมือนเด็กหนุ่มตาบอดที่นอนอัมพาตอยู่บนเตียง
ที่ชิวซานจวินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในการใส่เลือดทั้งหมดของตนเข้าไปในสายรุ้งสายนั้น เป็นเพราะเขาเป็นห่วงเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ภายในสวนโจว เป็นห่วงศิษย์น้องหญิงสวีโหย่วหรง และก็เป็นเพราะว่าเขาชัดเจนอย่างมาก ถึงแม้การทำเช่นนี้จะทำให้อาการบาดเจ็บของเขาทรุดหนักลง แต่ว่าขอเพียงแค่สามารถรักษาสภาพการพักกระบี่ได้สี่สิบเก้าวัน ก็น่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในไปได้
ในตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปหลายวันแล้ว
แต่ระยะห่างจากวันเวลาที่เขาจะตื่นขึ้นจากการพักกระบี่ ยังเหลืออีกหลายวัน
เขาอยากตื่นขึ้นมาก่อนกำหนด ต่อให้จะได้รับความเสียหายจากการกระทำนี้ เขาก็ต้องการที่จะตื่นขึ้นมา
เพราะว่าตั้งแต่หลายวันก่อนเป็นต้นมา ก็มีเสียงมากมายดังเข้าหูเขามาไม่หยุด
มีทั้งเสียงที่ตกตะลึง มีทั้งเสียงที่เป็นห่วง มีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากนั้นก็มีเสียงตกตะลึงขึ้นมาอีก
ศิษย์น้องสาม…ตายแล้วหรือ? เหลียงเสี้ยวเซียว…ตายแล้วหรือ? เส้นทางแห่งจิตของชิวซานจวินได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง เจ็บปวดจนไม่อาจจะเพิ่มขึ้นมาได้อีก ในเวลาเดียวกันก็โกรธแค้นอย่างมาก เป็นใคร เป็นใครที่กล้าสังหารศิษย์ร่วมพรรคกระบี่เขาหลีซานของข้า! กล้าสังหารคนในเจ็ดคำโคลงของข้า! กล้าสังหาร…ศิษย์น้องของข้า!
แต่ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงฟังเสียงพูดอันสั่นเทาของอาจารย์หัวหน้าพรรค ไปจนถึงเสียงกระซิบที่ค่อยๆ ไกลออกไป ในโลกการพักกระบี่ที่มืดมิด ชิวซานจวินค่อยๆ ฟื้นคืนสู่ความสงบ สัมผัสได้เลือนรางว่าเรื่องนี้มีปัญหาบางอย่าง
ผ่านไปหลายวัน ศิษย์น้องชีเจียนก็ถูกหามกลับมา และถูกส่งไปที่ถ้ำพำนักของหัวหน้าพรรค ก็คือเตียงที่อยู่ตรงข้ามกับเขา
ในตอนนี้ บนยอดเขาที่อยู่สูงที่สุดของเทือกเขาหลีซาน มีศิษย์ที่นอนไม่ได้สติอยู่สองคน
เป็นใครที่ลงมือ สรุปแล้วที่สวนโจวเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชิวซานจวินครุ่นคิดอย่างสงบจนถึงขั้นเย็นชา ราวกับว่าเป็นกระบี่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในฝัก ที่เตรียมจะเผยคมออกมาได้ตลอดเวลา
เขากำลังหลับตา และได้ยินชื่อมากมายหลายชื่อ
เจ๋อซิ่ว จวงห้วนอวี่…เฉินฉางเซิง
เป็นเช่นนี้หรือ
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้