ส่วนที่ 2 ภาคถนนสายนี้ไม่มีผู้มาก่อน ตอนที่ 124 ความวุ่นวายที่เขาหลีซาน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ภายในถ้ำพำนักที่ยอดเขาหลีซาน วันนี้ก็มีคนที่หมดสติเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน และก็นอนอยู่ระหว่างชิวซานจวินกับชีเจียน หลังจากพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วก็ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา ในที่แห่งนั้นจึงออกจะมีกลิ่นคาวเลือดอยู่บ้าง

ภายนอกถ้ำพำนักมีศิษย์เขาหลีซานยืนกันอยู่นับสิบคน ไป๋ไช่ (ผักกาดขาว) นั้นยืนอยู่ที่ด้านหน้าสุด เขาใช้มือข้างหนึ่งเท้าประตู มืออีกข้างถือกระบี่ ใบหน้าซีดขาวอยู่บ้าง เป็นเพราะว่าเขามึนหัวกับเลือดอยู่บ้าง และยังเป็นเพราะว่าความอารมณ์ของเขาในตอนนี้มีความสั่นไหวอย่างมาก แน่นอน ความสั่นไหวในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความกลัว ก็เหมือนกับที่เขาถึงแม้จะมึนหัวเพราะเลือดเช่นนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเป็นผักกาดขาวจริงๆ

…เด็กหนุ่มที่มีชื่อแสนประหลาดผู้นี้ เป็นศิษย์ภายในของพรรคกระบี่เขาหลีซาน ในเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพก็อยู่ในลำดับที่หก อยู่ในขั้นถอดจิตขั้นปลาย หน้าอกของเขากำลังสั่นไหวด้วยอารมณ์ที่เรียกว่าความโกรธแค้น

อารมณ์ของหัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานนั้นเคร่งขรึมอย่างมาก ร่างกายกลับอ่อนแออย่างมาก ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคที่สะเทือนเทียนหนานในตอนนี้แม้แต่การยืนก็ยังยืนได้ไม่มั่นคงเลย จำเป็นจะต้องมีศิษย์ที่ยังอายุน้อยมาคอยพยุงถึงจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคง พื้นหินด้านนอกถ้ำพำนักกับทางขึ้นเขาแต่ละแห่งล้วนมีแต่เลือดสดๆ กับรอยกระบี่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเพิ่งจะมีการต่อสู้ที่น่าสังเวชอย่างมากเกิดขึ้น

ในช่วงเช้าตรู่ ผู้อาวุโสหลายท่านได้พาศิษย์มายังยอดเขาหลักอย่างกะทันหัน และมีการร้องขอให้ส่งชีเจียนไปให้โถงบทบัญญัติสอบปากคำ หลังจากที่หัวหน้าพรรคพรรคกระบี่เขาหลีซานปฏิเสธคำร้องขอนี้ การต่อสู้ก็เกิดขึ้นมาเช่นนี้ ผู้บาดเจ็บที่ไม่ได้สติอยู่ภายในถ้ำพำนัก รอยเลือดและกระบี่หักที่อยู่ด้านนอกถ้ำพำนัก ก็คือผลลัพธ์ที่เหลือมาจากการต่อสู้ที่น่าสังเวชนี้

“ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด!” ไป๋ไช่มองไปที่ผู้อาวุโสเสี่ยวซงกงที่อยู่หน้าฝูงคน และคำรามใส่อย่างโกรธแค้นและโศกเศร้า “พวกเจ้าถึงกับกล้าวางแผนร้ายทำร้ายหัวหน้าพรรค! หรือว่าพวกเจ้าคิดจะหักหลังเขาหลีซานกัน!”

ในตอนนี้โก่วหานสือ เหลียงปั้นหู และกวนเฟยไป๋ยังอยู่บำเพ็ญเพียรในสุสานเทียนซูที่จิงตู ชิวซานจวินกับชีเจียนบาดเจ็บไม่ได้สติ เจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพเหลือเพียงแค่ไป๋ไช่เพียงคนเดียว อาจารย์อาในรุ่นสองหลายท่านถูกขังไว้ที่กลางเขา เขาจึงต้องออกมายืนอยู่ด้านหน้าสุด

ถึงแม้ศิษย์รุ่นเยาว์จะถูกพรรคกระบี่เขาหลีซานให้ความสำคัญที่สุด มีสถานะที่พิเศษอย่างมาก แต่หากเป็นตอนปกติ การปฏิบัติตัวต่อผู้อาวุโสอย่างเสี่ยวซงกงนี้ก็ล้วนมีมารยาทอย่างมาก ไม่มีทางที่จะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา แต่ว่าเขาในตอนนี้โมโหอย่างมากจริงๆ หากไม่ใช่เพราะว่าหัวหน้าพรรคได้รับบาดเจ็บจากเรื่องของสวนโจว ไม่เช่นนั้นต่อให้เสี่ยวซงกงลอบโจมตี จะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ได้อย่างไร หากไม่ใช่ว่าอาจารย์อาหลายท่านถูกวิชาลับขังเอาไว้ในค่ายกลกระบี่ภายในกลางเขา คนเหล่านี้จะกล้าบุกมาที่ยอดเขาได้อย่างไร!

สายลมจากภูเขาพัดผ่านคิ้วสีขาวของเสี่ยวซงกง แสงอาทิตย์ในยามเช้าสาดส่องมายังใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา ความรู้สึกที่ดูเหนือล้ำผู้อื่นกลับถูกความเย็นชาเข้าแทนที่ไปแล้ว เขาคำรามขึ้นอย่างรุนแรง “สรุปแล้วใครกันแน่ที่คิดจะหักหลังเขาหลีซาน พวกข้าเพียงแค่ขอให้หัวหน้าพรรคปฏิบัติตามกฎเหล็กของเขาหลีซานและส่งศิษย์ที่ร่วมมือกับเผ่ามารไปสอบปากคำที่โถงบทบัญญัติ ทำไมเจ้าถึงไม่เห็นด้วย”

เสี่ยวซงกงจ้องไปที่ใบหน้าซีดขาวของหัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซาน และพูดขึ้นอย่างแดกดัน “เจ้าสามารถพูดเหตุผลได้หรือไม่”

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานมองเขา ดวงตาที่มืดคล้ำเต็มไปด้วยเฉยชาและความเจ็บปวดจากการที่เข้าใจทุกสิ่งอย่างชัดเจน “เช่นนั้นศิษย์พี่สามารถพูดเหตุผลได้หรือไม่ ทำไมเจ้าถึงได้ใช้วิชาลับที่อาจารย์เหลือทิ้งไว้ ในตอนที่เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเตรียมการจะใช้ค่ายกลกระบี่ไปยังแดนเหนือเพื่อช่วยเหลืออาจารย์ปู่เล็ก แล้วขังพวกเขาเอาไว้ที่กลางเขา ทำไมที่ด้านหลังของเจ้าถึงมีคนจากพรรคฉางเซิงแล้วยังมี…ประมุขตระกูลชิวซาน ยังมีอีกก็คือ…ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าถึงซัดข้าไปหนึ่งฝ่ามือ”

ตามหลังคำพูดที่ออกจากปากนี้ เสียงกระบี่ได้ดังกังวานขึ้นมาภายใต้แสงอาทิตย์ในยามเช้า กระบี่บินนับสิบสายได้ล้อมยอดเขาที่ถ้ำพำนักตั้งอยู่ และบินด้วยความเร็วสูงไม่ยอมหยุด วาดผ่านเป็นเส้นแสงสีทองอร่าม นี่ก็คือส่วนหนึ่งของค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่

มองเห็นกระบี่บินเหล่านี้ ผู้คนที่ตามเสี่ยวซงกงขึ้นเขามาต่างพากันเคร่งเครียด รวมไปถึงผู้อาวุโสของพรรคฉางเซิงที่อยู่ในระดับรวบรวมดวงดาวขั้นสูงและยังมีคนจากตระกูลชิวซานที่มีความแข็งแกร่งลึกล้ำยากจะหยั่งถึงผู้นั้น มีเพียงประมุขตระกูลชิวซานที่ราวกับไม่ได้สัมผัสถึงเลย

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานมีระดับพลังแสนลึกล้ำ ถึงแม้ในตอนนี้จะบาดเจ็บสาหัส ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้อีก แต่เจตจำนงกระบี่ยังอยู่ หนึ่งคำพูดก็เป็นดั่งกระบี่คม ทำให้คนไม่อาจจะตอบกลับได้ ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสเสี่ยวซงกง ใบหน้าปรากฏให้เห็นถึงความละอายใจอยู่บ้าง ถึงจะเป็นเสี่ยวซงกงก็ยังเปลี่ยนสีหน้า หลังจากนั้นก็มองไปยังผู้อาวุโสจากพรรคฉางเซิงผู้นั้น

ก่อนหน้าก็คือเมื่อเสี่ยวซงกงลอบโจมตีสำเร็จแล้ว หัวหน้าพรรคใช้เจตจำนงแห่งกระบี่ส่วนสุดท้ายเพื่อปลุกส่วนหนึ่งของค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่ขึ้นมาปกป้องถ้ำพำนักเอาไว้ ในเวลาเดียวกันก็แบ่งแยกยอดเขาหลีซานอื่นๆ ออกไป… ผู้แข็งแกร่งในรุ่นที่สองที่อยู่ในระดับรวบรวมดวงดาวหลายคนล้วนถูกเสี่ยวซงกงใช้วิชาลับขังเอาไว้ที่กลางเขา เขาไม่อยากให้ศิษย์ของยอดเขาเหล่านั้นมุ่งหน้ามาช่วยเหลือ กลับถูกคนของเสี่ยวซงกงทำร้ายจนบาดเจ็บ… แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้วิชากระจายเสียงของหมื่นกระบี่อัสนีคำรามเช่นกัน ดังนั้นผู้คนจากทุกยอดเขาของเขาหลีซานล้วนสามารถได้ยินทุกคำพูดบนยอดเขาแห่งนี้

ถ้าหากเป็นไปได้ แน่นอนว่าเสี่ยวซงกงไม่อยากจะตอบคำถามเหล่านี้ของหัวหน้าพรรค แต่ในสถานการณ์ตรงหน้าเช่นนี้ ถ้าหากเขาอยากจะชิงอำนาจส่วนใหญ่ของเขาหลีซานหลังจากเรื่องนี้อย่างราบรื่น อยากจะสยบผู้คน ก็จำเป็นที่จะต้องให้คำตอบที่ทำให้คนยอมรับได้ออกมา

ผู้อาวุโสของพรรคฉางเซิงผู้นั้นพูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะว่าพวกข้าสงสัยว่าเจ้าร่วมมือกับเผ่ามาร!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวหน้าพรรคต่างพากันโมโหโกรธา ทนไม่ได้จนต้องส่งเสียงด่าทอ ไป๋ไช่ก็ยิ่งโกรธจนหน้าแดงไปทั้งหน้า มือที่จับกระบี่อยู่ถึงกับสั่นเทาขึ้นมา แม้แต่บนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ ก็ยังมีเสียงด่าทอดังออกมา

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ปฏิบัติต่อเหล่าศิษย์อย่างเท่าเทียม ขนาดที่ว่ามีชื่อเสียงเรื่องความเมตตาไปทั่วทั้งเทียนหนาน ผลคือในตอนนี้ผู้อาวุโสจากพรรคฉางเซิงผู้นี้กำลังกล่าวหาว่าเขาร่วมมือกับเผ่ามาร เช่นนี้จะให้คนอดทนไว้ได้อย่างไร

ยอดเขานับสิบแห่งมีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา แต่ในตอนนี้บนยอดเขาทั้งหลายล้วนมีแต่ศิษย์รุ่นสาม และยังมีพวกศิษย์ภายนอกที่มีระดับพลังที่ต่ำยิ่งกว่า พวกเขาไม่อาจทำลายค่ายกลหมื่นกระบี่เพื่อเข้ามาช่วยเหลือได้ จึงทำได้เพียงด่าทอไม่หยุดหย่อน

หนังหน้าของผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงผู้นั้นก็หนาได้ใจจริงๆ เขายังคงพูดต่อไปโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย “ก่อนที่ศิษย์เขาหลีซานอย่างเหลียงเสี้ยวเซียวจะตายได้กล่าวว่าชีเจียนร่วมมือกับเผ่ามาร วั่วฟูเจ๋อซิ่วร่วมมือกับเฉินฉางเซิง ได้ทำการฆ่าล้างบางกันในสวนโจว เพราะเหตุนี้ชิวซานจวินถึงได้สลบไม่ได้สติ เจ้าเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณของชิวซานจวิน เหตุใดถึงได้ยืดเวลาเสียหลายวันไม่ยอมส่งตัวชีเจียนให้โถงบทบัญญัติสอบปากคำ เจ้าคิดจะปกปิดเรื่องอะไร จะให้คนไม่สงสัยว่าเจ้าร่วมมือกับเผ่ามารได้อย่างไร”

“เรื่องของเขาหลีซานข้า ต้องให้พรรคฉางเซิงเข้ามาวุ่นวายตั้งแต่เมื่อไหร่” หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานมองผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระอย่างพรรคฉางเซิงเป็นผู้นำของพรรคต่างๆ ในเทียนหนาน ในปีนั้นอาจารย์ปู่เล็กสังหารผู้อาวุโสของพรรคฉางเซิงไปจนสิ้น หรือเจ้าคิดว่าเขาหลีซานของข้ายังต้องฟังเจ้าอยู่ ช่างไร้เดียงสาราวเด็กน้อยอย่างถึงที่สุดจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ยอดเขาหลีซานทั้งสิบต่างมีเสียงหัวเราะดังขึ้นราวกับฟ้าผ่า ยิ่งมีศิษย์ที่ชื่นชมคำวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยมของหัวหน้าพรรค ไป๋ไช่และพวกศิษย์ยิ่งส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง ประกอบกับเลือดและกระบี่ที่อยู่เต็มพื้น ความกล้าหาญชาญชัยก็ผุดเพิ่มขึ้นมา

เสี่ยวซงกงสังเกตเห็นสีหน้าของพวกศิษย์ที่ติดตามตนกับผู้อาวุโสอีกสองคนที่ด้านหลังค่อนข้างจะไม่สบายนัก ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจในภายหลัง ในใจคิดว่าตนก็คิดเพียงแค่ว่าเขาหลีซานเป็นส่วนหนึ่งของพรรคฉางเซิง ดังนั้นจึงรับปากปฏิบัติตามผู้อาวุโสของพรรคฉางเซิง แต่กลับลืมไปว่าในสิบปีมานี้ เพราะว่าซูหลีเป็นสาเหตุ จึงทำให้ศิษย์เขาหลีซานขาดความเคารพยำเกรงต่อพรรคฉางเซิง แต่กลับมีเพียงความเป็นศัตรูเท่านั้น

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสจี้ก็เป็นผู้อาวุโสร่วมพรรค ศิษย์น้องก็ควรจะเคารพสักหน่อย”

เสี่ยวซงกงมองหัวหน้าพรรคแล้วผู้ขึ้นเสียงเย็น “หากเจ้าไม่อยากถูกสงสัยว่าร่วมมือกับเผ่ามาร เช่นนั้นเจ้าก็ส่งตัวชีเจียนมา พอถึงเวลาข้าจะขอโทษเจ้าด้วยตัวเอง หลังจากนั้นจะตัดแขนของตนหนึ่งข้าง และไปอาศัยอยู่ที่หลังเขาห้าร้อยปี!”

คำพูดนี้แข็งกร้าวอย่างมาก ถึงกับทำให้เสียงหัวเราะด่าทอของแต่ละยอดเขาหลีซานหยุดลง หัวหน้าพรรคมองเสี่ยวซงกงอย่างสงบ ถอนหายใจ ในใจคิดว่าหากไม่แน่ใจว่าตนไม่มีทางส่งตัวชีเจียนออกไป เจ้าจะกล้าสาบานเช่นนี้หรือ

“มีเพียงเรื่องนี้หรือ” เขามองตาของเสี่ยวซงกงแล้วถามขึ้น

เสี่ยวซงกงไม่ทำการล่าถอยใดๆ จ้องไปที่ตาของเขาแล้วตอบเสียงเข้ม “แน่นอนว่าต้องส่งท่ากระบี่มาพร้อมกัน แล้วก็เจ้าจะต้องส่งมอบค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่มาให้ด้วย!”

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานถามขึ้นอย่างสงบ “มอบให้ทุกอย่างแล้ว คิดว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรคของข้าก็ต้องมอบให้ด้วย”

เสี่ยวซงกงไม่ได้พูด นั่นก็คือการยอมรับแล้ว

ไป๋ไช่พูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “พวกเจ้าอาศัยอะไรมากล่าวหาว่าศิษย์น้องเล็กร่วมมือกับเผ่ามาร นางก็จะต้องร่วมมือกับเผ่ามารหรือ”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งของโถงบทบัญญัติที่ตั้งแต่ต้นจนจบนิ่งเงียบไม่พูดอะไร อยู่ๆ ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา “ผู้ที่กล่าวหาว่าชีเจียนร่วมมือกับเผ่ามารไม่ใช่พวกข้า แต่เป็นศิษย์พี่สามของเจ้าที่ตายไป”

ผู้อาวุโสของโถงบทบัญญัติผู้นี้มีความน่าเชื่อถือในเขาหลีซานสูงมาก ปกติยึดถือกฎอย่างเข้มงวด เป็นผู้ที่ยุติธรรมที่สุด ศิษย์ของแต่ละยอดเขาล้วนไม่กล้าไม่ยอมรับ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ไป๋ไช่ก็ไร้คำพูดจะโต้เถียง ส่วนศิษย์ยอดเขาต่างๆ ก็นิ่งเงียบไปเอง

ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติผู้นี้มองไปที่หัวหน้าพรรค พลางพูดขึ้นอย่างปลงอนิจจัง “ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมให้โถงบทบัญญัติสอบสวนล่ะ”

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานตอบอย่างสงบ “เพราะข้าไม่เชื่อว่าชีเจียนจะทำเรื่องเลวร้าย”

ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ต่อให้ศิษย์อีกคนของเจ้าอย่างเหลียงเสี้ยวเซียวจะพูดด้วยตัวเอง และเขาก็ได้ตายไปแล้วน่ะหรือ”

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้น “ใช่”

ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติพูดขึ้น “ในเมื่อไม่เชื่อ ทำไมไม่ปล่อยให้โถงบทบัญญัติสอบสวน”

หัวหน้าพรรคกระบี่เขาหลีซานมองเขา นิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน แล้วจึงพูดขึ้น “เพราะว่าข้าไม่เชื่อโถงบทบัญญัติ”

ตามยอดเขาได้ส่งเสียงฮือฮากันขึ้นมา ไป๋ไช่และเหล่าศิษย์ที่ก่อนหน้านี้ต่อสู้ท่ามกลางหยาดโลหิตเพื่อปกป้องถ้ำพำนัก แต่เมื่อได้ยินหัวหน้าพรรคพูดประโยคนี้ก็รู้สึกไม่อาจจะเชื่ออยู่บ้าง ต้องรู้ว่าโถงบทบัญญัตินั้นยุติธรรมเป็นที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำเรื่องใดไม่เรียบร้อย

คิ้วทั้งสองข้างของผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติสั่นน้อยๆ เห็นได้ชัดว่าโกรธอย่างมาก และถามขึ้น “เรียนถามหัวหน้าพรรคผู้ยิ่งใหญ่ ร้อยปีมานี้ โถงบทบัญญัติเคยมีเรื่องใดที่ไม่ยุติธรรม หากว่าไม่มี เช่นนั้นทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือ”

“เพราะว่าพวกเจ้าไม่เชื่ออาจารย์ปู่เล็ก” หัวหน้าพรรคมองผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติทั้งสองคนนั้นแล้วพูดขึ้น

ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติพูดขึ้น “เหตุใดเจ้าถึงได้พูดเช่นนี้”

หัวหน้าพรรคผู้ขึ้น “ในปีนั้นหลังจากที่พวกเจ้าเข้าไปในสุสานเทียนซูได้ลั่นวาจาเอ่ยคำสาบานโลหิตว่าจะเป็นผู้รับใช้แผ่นป้ายอนุสรณ์ หลังจากที่อาจารย์ปู่เล็กได้ยินก็โมโหเป็นอย่างมาก จึงบุกเข้าสุสานเทียนซูไปเพื่อลากตัวพวกเจ้ากลับมา ทุกคนบนโลกล้วนพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนมากชื่นชมเขาหลีซานของเราว่าทำอะไรเปิดเผย แต่ข้าชัดเจนอย่างมาก ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเจ้ารู้สึกว่าที่ในชีวิตของตนไม่มีโอกาสได้ก้าวเข้าไปในเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะในตอนนั้นอาจารย์ปู่เล็กลากพวกเจ้าออกมาจากสุสานเทียนซู ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเจ้ารู้สึกว่าอาจารย์ปู่เล็กผิดต่อพวกเจ้า”

นี่เป็นเรื่องอดีตที่โด่งดังอย่างมาก เพียงแต่จนกระทั่งเช้านี้ ศิษย์เขาหลีซานมากมายถึงได้รู้ว่า ที่แท้ศิษย์เขาหลีซานสองคนที่ถูกอาจารย์ปู่เล็กลากกลับมาจากสุสานเทียนซูนั้น ก็คือผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติสองคนที่ในภายหลังได้ชื่อว่าเข้มงวดไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัว

ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้พูด เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่าอย่างกะทันหัน “หรือว่าอาจารย์ปู่เล็กไม่ได้ผิดต่อพวกเรา”

หัวหน้าพรรคพูดขึ้นด้วยเสียงเจ็บปวด “สุสานเทียนซูเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นดั่งบึงลึก ออกมาหลายปีเช่นนี้แล้ว พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ อาจารย์ปู่เล็กไม่เสียดายที่จะล่วงเกินพระราชวังหลี ก็เพราะต้องการให้พวกเจ้าได้รับอิสระที่แท้จริง แต่กลับถูกพวกเจ้าโกรธแค้นมาหลายปีเช่นนี้ ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!”