ตอนที่ 584 เกิดคลื่นขึ้นอีกระลอก

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 584 เกิดคลื่นขึ้นอีกระลอก

“รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ เดือนสาม วันที่ยี่สิบเอ็ด เช้ามืด แผนการต่อต้านของทหารกองทัพตะวันตกสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความวุ่นวายของเหล่าทหาร ประตูทางทิศใต้ได้เปิดออกเพื่อต้อนรับทหารของฮ่องเต้ กบฏยอมจำนนทั้งสิ้น และกบฏเซวี๋ยถูกปลิดชีพลง

นับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่

เดือนสาม วันที่ยี่สิบสอง ฟู่เจวี๋ยเยส่งกองกำลังดาบเทวะกองพลที่สามเข้าไปยังภูเขาหมินเพื่อปราบปรามกลุ่มโจร เดิมทีฟู่เจวี๋ยเยตั้งใจจะเดินทางกลับเมืองหลวง แต่คาดมิถึงว่าสายลับจะรายงานว่าพบผู้ต้องสงสัยจำนวนมากในภูเขาเหวินของเจี้ยนหนานตงเต้า

จากการสืบ พบว่าผู้คนเหล่านี้ล้วนมาจากหลิงหนานทั้งสิ้น เป็นชาวยุทธ์ชุดดำของฮุ่ยชินอ๋อง กระจัดกระจายเดินทางมาที่นี่นับแสนคน พวกเขานัดหมายกันไว้ว่าวันที่ยี่สิบห้า เดือนสามจะมารวมตัวกันที่ภูเขาเหวิน !

กองทัพชายแดนตะวันตกพ่ายแพ้ ไร้ร่องรอยของหยูเวิ่นชู

พวกเขาได้ทำการตรวจสอบ พบว่าหยูเวิ่นชูอาจจะเดินทางไปยังภูเขาเหวิน หลังจากพบปะกับชาวยุทธ์ชุดดำแล้วเกรงว่าเขาจะเข้าควบคุมเมืองซีหรง

หลังฟู่เจวี๋ยเยและแม่ทัพใหญ่เฟ่ยอันได้ทำการปรึกษาหารือกันแล้ว คาดว่าหยูเวิ่นชูจะเดินทางกลับไปยังเมืองซีหรง แล้วอาศัยความน่ากลัวทางธรรมชาติของภูเขาหมิน เกรงว่าจะก่อเรื่องได้ง่ายขึ้น ดังนั้นฟู่เจวี๋ยเยจึงมีคำสั่งให้กองกำลังดาบเทวะกองพลที่สามเดินทางเข้าไปในภูเขาหมินเพื่อปราบปรามผู้ร้ายเหล่านี้เสีย

แม่ทัพเฟ่ยอันนำทัพมุ่งหน้าไปทางค่ายทหารตะวันตกเพื่อปกป้องประตูอาณาจักร และกำลังรอพระราชโองการจากองค์ฮ่องเต้

ส่วนฟู่เจวี๋ยเยอยู่ที่เมืองเจี้ยนเหมินเพื่อจัดการกับเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้”

ฮุ่ยชินอ๋อง สมควรตาย !

ฮ่องเต้กัดฟันด้วยความโมโห หยูเวิ่นชูจะต้องตายอย่างแน่นอน บัดนี้พระองค์เองก็มิอาจจะยื้อชีวิตของหยูเวิ่นชูได้อีกต่อไปแล้ว

เยี่ยนเป่ยซีรับรายงานฉบับนั้นไปอ่านแล้วขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน หลิงหนาน…หลิงหนานอยู่ในการดูแลของมณฑลหลิงหนาน และจวนของฮุ่ยชินอ๋องก็อยู่ในเขตเหมิงซาน มณฑลหลิงหนานนั้นด้วย

ที่แห่งนั้นช่างห่างไกลมากยิ่งนัก หนทางลำบากยิ่งกว่าเส้นทางสู่มาก หากต้องการเข้าไปปราบปรามฮุ่ยชินอ๋อง จะต้องระดมกองทัพทหารชายแดนใต้…การต่อสู้ครานี้ยากเย็นยิ่ง !

ทันใดนั้นเอง ขันทีเจี่ยก็ได้กล่าวออกมาว่า “ทหารส่งสารได้นำคำกำชับจากฟู่เจวี๋ยเยมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฟู่เจวี๋ยเยกล่าวว่า…หากฝ่าบาทรงมีพระประสงค์จะจัดการฮุ่ยชินอ๋อง เขาจะส่งกองกำลังดาบเทวะจำนวน 2,000 นายเข้าไปในเหมิงซานเอง”

ฮ่องเต้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ได้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ ให้กองกำลังดาบเทวะเข้าไปจับเป็น !ข้าอยากจะถามน้องชายผู้นี้สักหน่อยว่าเขาอยากเห็นราชวงศ์หยูยุ่งเหยิงเยี่ยงนั้นหรือ ! ”

……

……

ฟู่เสี่ยวกวนเองก็โมโหยิ่ง !

ข้าจะกลับไปอยู่กับภรรยาเสียหน่อย แต่ไอ้บ้าฮุ่ยชินอ๋องดันมาสร้างความวุ่นวายอีกจนได้ !

ทว่าฮุ่ยชินอ๋องอยู่ไกลจากที่นี่มากยิ่งนัก เดิมทีชาวยุทธ์ชุดดำจำนวน 100,000 คนเหล่านั้นถูกส่งมาช่วยเซวี๋ยติ้งชาน คาดมิถึงว่าเมื่อเดินทางมาถึงเจี้ยนหนาน เซวี๋ยติ้งชานจะพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว

ผู้นำของชาวยุทธ์ชุดดำก็คือโอรสคนโตของฮุ่ยชินอ๋องนาม หยูเล่อ เมื่อได้รับรายงานเรื่องสงครามซีหนาน หยูเล่อก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงมิอาจสำเร็จได้เป็นแน่ ดังนั้นจึงได้วางแผนใหม่ขึ้นมา ออกคำสั่งให้ชาวยุทธ์ชุดดำทุกคนไปรวมตัวกันที่ภูเขาเหวิน

องค์ชายสี่หยูเวิ่นชูยังมิสิ้นพระชนม์ แต่ก็มิรู้ว่าบัดนี้องค์ชายสี่อยู่ที่ใด ?

ดังนั้น จึงได้ส่งคนจำนวนมากออกไปตามหาหยูเวิ่นชู คาดว่าหยูเวิ่นชูจะกลับไปที่ซีหรง และเรียกรวมพลทหารเพื่อทำการใหญ่อีกครา !

จวนฮุ่ยชินอ๋อง ณ เมืองจินหลิง ได้ถูกฟู่เสี่ยวกวนเหยียดหยามเสียจนไร้ศักดิ์ศรี อีกทั้งต้องเสียองค์ชายสามไปด้วย แค้นนี้ต้องชำระอย่างแน่นอน !

แต่ทว่าไอ้บัดซบนั่นได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นทุกที ทำให้สังหารมันได้ยากยิ่ง จะทำเยี่ยงไรดี ?

มีเพียงก่อกบฏเท่านั้น หากทำลายฮ่องเต้ซึ่งเป็นที่พึ่งของราชวงศ์หยูได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะมิมีการปกป้องจากฮ่องเต้อีกต่อไปแล้ว นอกเสียจากมันจะหนีไปยังราชวงศ์อู๋ มิเช่นนั้นมันคงต้องตายโดยไร้ที่ฝัง !

เดิมทีหยูเล่อเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาได้ตรากตรำเดินทางมาจนถึงเจี้ยนหนานซี แต่ข่าวที่ได้รับรู้เป็นเรื่องแรกก็คือเซวี๋ยติ้งชานถูกทหารจำนวน 400,000 นายล้อมเมืองเจี้ยนเหมินเอาไว้

ราวกับมีคนสาดน้ำเย็นรดศีรษะหยูเล่อ จากเดิมเมื่อมิอาจทำตามวัตถุประสงค์ที่มาได้ เขาก็ควรจะถอยทัพกลับหลิงหนานไปอย่างเงียบ ๆ แต่เจ้านี่เกิดหัวแข็งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เนื่องจากได้ยินว่าฟู่เสี่ยวกวนเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้เขาอึดอัดใจยิ่ง ฟู่เสี่ยวกวนคือศัตรูตัวฉกาจของตระกูล หากฟู่เสี่ยวกวนมิตาย พวกเขาทั้งตระกูลก็คงกินมิได้นอนมิหลับ !

ฮุ่ยชินอ๋องซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเขามักจะพึมพำเรื่องที่จวนชินอ๋องถูกระเบิดซึ่งน่าอับอายนัก เขาเอาแต่กล่าวถึงน้องสามที่ถูกฟู่เสี่ยวกวนหาเรื่องจนตาย

ดังนั้นเมื่อหยูเล่อได้ยินว่าฟู่เสี่ยวกวนก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงตัดสินใจวางแผนนี้ หากแค้นมิได้ชำระ เขาก็คงมิอาจเรียกตนเองได้ว่าเป็นบุตรกตัญญู !

เขาตั้งใจปล่อยข่าวนี้ออกไป และเชื่อมั่นว่าข่าวนี้จะไปถึงหูของฟู่เสี่ยวกวนอย่างแน่นอน เจ้านั่นจะต้องเดินทางมายังภูเขาเหวินด้วยตนเองเป็นแน่ ซึ่งเขาได้ให้ชาวยุทธ์ชุดดำจำนวน 100,000 นายวางกับดักเอาไว้ทั่วทั้งภูเขาเหวินแล้ว ซึ่งใช้วิธีที่เรียกว่า ‘จับตะพาบในไห’ นั่นเอง !

ข้าจะให้เจ้าก้าวขาลงมาในไหนี้ แล้วต้มเจ้าจนสุก จากนั้นก็กัดกินเนื้อของเจ้าเสีย !

ทว่าเขามิได้รู้เอาเสียเลย ว่ามีตะพาบอยู่ชนิดหนึ่งซึ่งมันตัวใหญ่เป็นอย่างมาก ไหนั้นมิอาจใส่มันลงไปได้

หลังจากที่สายลับรู้ข่าวนี้ก็รีบนำไปบอกกับฟู่เสี่ยวกวนทันทีโดยมิลังเล ฟู่เสี่ยวกวนเองก็มิได้คิดมาก เขารีบส่งสวี่ซินเหยียนเดินทางไปตามกองทัพของซูม่อกลับมาในค่ำคืนนั้นทันที

“ภูเขาเหวิน…”

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังแผนที่ของเจี้ยนหนานเต้าอย่างละเอียด “เมื่อเข้าสู่ภูเขาเหวินก็คือเขตเวิ่นสุ่ย ผ่านเวิ่นสุ่ยเข้าไปก็คือภูเขาหมิน ศิษย์น้องแปด พวกเราจะให้ชาวยุทธ์ชุดดำเหล่านี้เข้าไปในภูเขาหมินมิได้เป็นอันขาด เราต้องจัดการพวกมันทั้งหมดในภูเขาเหวินเสียก่อน”

ซูม่อพยักหน้า “การต่อสู้ในภูเขา ทหารของเรานับว่าได้เปรียบ”

“ชาวยุทธ์ชุดดำ 100,000 คนเชียว ดังนั้นจะต้องวางแผนเอาไว้ให้ดี…”

ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นมองศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ย “เรื่องนี้ข้าต้องขอให้ศิษย์พี่ใหญ่จัดการเสียหน่อย ข้าต้องการรู้ว่าชาวยุทธ์ชุดดำเหล่านั้นวางกับดักอันใดไว้ในภูเขาเหวินบ้าง”

ซูเจวี๋ยขยับหมวกให้ตรงแล้วกล่าวว่า “ข้าจะเดินทางไปยังภูเขาเหวินประเดี๋ยวนี้”

“ช้าก่อน…ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้บุ่มบ่ามสังหารผู้ใดล่ะ ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่สาม…กำลังตั้งครรภ์”

ซูม่อหันไปมองซูเจวี๋ยด้วยความตื่นตกใจ “หา ! เอ่อ…คือ หากศิษย์น้องมิมีสิ่งใดกำชับแล้ว ข้าขอตัวก่อน ! ”

“จงนำปืนและกระสุนไปด้วยเถอะ ปรมาจารย์ที่เก่งกาจผู้นั้นก็ยังจับตัวมิได้ ระวังเอาไว้ก่อนก็ถือเป็นการดี มิเช่นนั้นข้าคงมิมีหน้ากลับไปพบศิษย์พี่สามอีกเป็นแน่ ! ”

ซูเจวี๋ยก้าวขาแล้ววิ่งออกไปด้วยความรีบเร่งทันที

“ศิษย์น้องเล็ก เป็นเรื่องจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“จะเป็นเรื่องโกหกได้เยี่ยงไรเล่า ? ” ฟู่เสี่ยวกวนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดายที่ข้ามิได้รู้เรื่องเหล่านี้เลย มิเช่นนั้นข้าคงจะจัดพิธีแต่งงานให้ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่สามอย่างสมเกียรติแน่นอน”

เยี่ยนถาวฮวาก้มหน้ามองท้องของนางเเล้วเบ้ปาก นางลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนขี้อาย ในตอนนั้นที่ศิษย์พี่สามเอ่ยความในใจกับศิษย์พี่ใหญ่ เขากลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้ เกรงว่าเขาคงมิต้องการให้จัดพิธีใด ๆ ”

ซูซูแกว่งขาเรียวงามของนางแล้วหัวเราะออกมา นางรู้เรื่องศิษย์พี่สามตั้งครรภ์ แต่ทว่าเรื่องนี้ศิษย์พี่สามเองก็รู้สึกว่ามันน่าเขินอายไปหน่อย จึงมิยอมให้นางเอ่ยออกมาก็เท่านั้น

ฟู่เสี่ยวกวนเคารพในความคิดของศิษย์พี่ใหญ่ สายตาของเขาเลื่อนมายังแผนที่อีกครา ก่อนจะพึมพำว่า “เจ้าหยูเวิ่นชูมันหนีไปอยู่ที่ใดกันแน่ ? พวกเจ้าว่า…เขาจะกลับไปยังเมืองซีหรงหรือไม่ ? ”

“อาจจะเป็นไปได้ เนื่องจากเขาไร้ที่ไปแล้ว นักบุญสาวแห่งลัทธิจันทราก็ได้หายตัวไปแล้ว เกรงว่าจะอยู่กับเขา แต่หากเขาจะกลับไปยังเมืองซีหรงก็คงมิใช่เรื่องง่าย พวกเขามิมีเงินทองมารวบรวมกำลังทหารและม้า ยิ่งมิต้องกล่าวถึงการสู้รบ”

สวี่ซินเหยียนได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองทันที “มิใช่ ! บัดนี้ลัทธิจันทรามีเงินทองอยู่มากมาย”

“เงินเหล่านั้นมาจากที่ใด ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามออกไปด้วยความประหลาดใจ

“ใต้ภูเขาหมินในส่วนลึกเข้าไป เมื่อปีกลาย ได้ค้นพบสถานที่ซึ่งได้ยินมาว่าเป็นเหมืองทองขนาดใหญ่”

“เหมืองทองเยี่ยงนั้นหรือ ? ” แววตาของฟู่เสี่ยวกวนเป็นประกายลุกวาวขึ้นมาทันใด