จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 950 : หญิงสาวที่คาดเดาได้ยาก!
“ไข่มุกราตรีนี่น่ะรึ”
หลิงหยุนร้องถามออกมาอย่างแปลกใจและได้แต่แอบคิดคนเดียวว่า ‘ข้านำไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ดออกมาวางไว้ที่โต๊ะตั้งนาน แต่เจ้าไม่แม้แต่จะชายตามอง เหตุใดตอนนี้กลับถามเรื่องนี้ขึ้นมากันเล่า!’
หลิงหยุนไม่เข้าใจความคิดของเย่ซิงเฉินจริงๆและไม่สามารถที่จะคาดเดาจิตใจของนางได้จริงๆ!
แต่แล้วก็ตอบกลับไปว่า“ข้ามีเหลืออยู่เพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น.. อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากจะขอดูอีก”
เวลานี้เย่ซิงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและอยู่ห่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ระหวางที่อดทนรอคำตอบจากหลิงหยุน นางก็ส่งสายตาเว้าวอนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่
เย่ซิงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและอยู่ห่างจากเขาไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น นางยิ้มอย่างอดทนระหว่างที่รอหลิงหยุนพูดจนจบ แล้วจึงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกเสียดาย..
“เหลือเพียงแค่เม็ดเดียวงั้นรึช่างน่าเสียดาย เม็ดเดียวไม่น่าจะเพียงพอ..”novel-lucky
จากน้ำเสียงและท่าทางของเย่ซิงเฉินทำให้หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่านางไม่ได้แค่ต้องการขอดูไข่มุกราตรีเท่านั้น แต่นางต้องการมากกว่านั้น และดูเหมือนจะไม่ได้ต้องการเพียงแค่เม็ดเดียวด้วย!
ทันทีที่รู้ว่าเย่ซิงเฉินกำลังคิดอะไรอยู่นั้นหลิงหยุนก็ถึงกับกระโดดถอยหลังออกห่างด้วยความหวาดกลัว และระล่ำระลักพูดออกไปทันที
“นี่มันไข่มุกราตรีนะไม่ใช่กะหล่ำปลีที่วางขายกลาดเกลื่อนในตลาด ข้าจะได้มีมากมาย!”
แน่นอนว่าหลิงหยุนกำลังพูดโกหกเพราะความจริงแล้วเขาได้ไข่มุกราตรีมาจากก้นหลุมยักษ์ถึงเก้าสิบเก้าเม็ด และได้มอบให้เสี่ยวเม่ยหนิงไปสิบแปดเม็ด หลงหวู่สองเม็ด กงเสี่ยวลู่หนึ่งเม็ด และซูปิงเหยานอีกหนึ่งเม็ด..
เวลานี้จึงเหลือไข่มุกราตรีอยู่ในแหวนพื้นที่ของเขาไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบเม็ดหากเย่ซิงเฉินต้องการจริงๆ หลิงหยุนก็ยินดีที่จะมอบให้นางไปสักสองสามเม็ด แต่ดูจากแววตาที่กระเหี้ยนกระหือของเย่ซิงเฉินแล้ว หลิงหยุนจึงไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับนาง!
แต่เย่ซิงเฉินเองก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของหลิงหยุนเช่นกันนางมองหลิงหยุนด้วยแววตาเว้าวอน และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้า..
“ข้ารู้..แต่เม็ดเดียวไม่พอนี่!”
ใบหน้าของเย่ซิงเฉินนั้นถูกคลุมไว้ด้วยผ้าแพรสีดำและเหลือเพียงดวงตาคู่งามที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนเท่านั้น แต่เพียงแค่นั้นก็สามารถเผยให้เห็นความงดงามของนางมากแล้ว และยิ่งนางทำสายตาเว้าวอนต่อหน้าหลิงหยุนเช่นนี้ ดวงตางดงามคู่นั้นก็ยิ่งมีพลังดึงดูดมากพอที่จะทำให้หลิงหยุนต้องยินยอมตามที่นางต้องการ..
“เอ่อ..หากเม็ดเดียวไม่พอ ข้าจะลองค้นหาดูในแหวนพื้นที่อีกครั้งว่ายังมีอยู่อีกหรือไม่”
หลังจากแสร้งทำเป็นค้นหาอยู่ครู่หนึ่งหลิงหยุนก็ทำเป็นพูดออกมาอย่างหงุดหงิด “เฮ้อ.. แหวนพื้นที่ของข้าก็ไม่ใช่เล็กๆ ข้างในก็มีของอยู่ตั้งมากมาย ไข่มุกเม็ดเล็กๆ เช่นนี้ใช่ว่าจะหาพบได้ง่ายๆ”
“โอ้ว!ดูสิ.. ข้าหาเจออีกสองเม็ด!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็แบมือข้างซ้ายที่มีไข่มุกราตรีอยู่สามเม็ดออก ทันทีที่หลิงหยุนแบมือ ไข่มุกราตรีก็ทอประกายแสงเจิดจรัส เป็นที่สะดุดตายิ่งนัก
เย่ซิงเฉินจ้องมองไข่มุกราตรีทั้งสามเม็ดด้วยแววตาเศร้าสร้อยพร้อมกับถอนหายใจ และร้องบอกหลิงหยุนด้วยความเสียดาย
“เฮ้อ..แต่สามเม็ดก็ยังไม่พออยู่ดี..”
‘ห๊ะยังไม่พออีกรึ?’
หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของเย่ซิงเฉินก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจส่วนเย่ซิงเฉินที่ได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของหลิงหยุนก็ได้แต่แอบยิ้ม และแสร้งทำเป็นยืดหลังตรง จนหน้าอกทั้งสองข้างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าแพรสีดำนั้นชูชันอวดสายตาหลิงหยุน จากนั้นจึงทำสายตาออดอ้อนน่าสงสาร และพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน..
“เจ้าลองหาดูอีกครั้งไม่ได้รึ”
เมื่อได้เห็นหน้าอกและแววตาที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลของเย่ซิงเฉิน หลิงหยุนก็ได้แต่คิดในใจว่า คืนนี้เขาคงต้องเฉือนเนื้อตัวเองชิ้นใหญ่เป็นแน่!
ด้วยเสน่ห์ที่เย่ซิงเฉินจงใจยั่วยวนเขานั้นหลิงหยุนเชื่อว่าต่อให้เขาจำศีลมาแล้วเป็นร้อยปี ก็คงยากที่จะต้านทานได้แน่!
“เจ้าต้องการไข่มุกราตรีกี่เม็ด”
ดวงตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างของเย่ซิงเฉินอย่างเปิดเผยราวกับกลัวว่าจะพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้ไปแม้เพียงแค่วินาทีเดียว..
ในเมื่อหลิงหยุนเตรียมพร้อมที่จะเฉือนเนื้อก้อนโตของตนเองแล้วก็คงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอะไรอีก จึงได้ร้องถามเย่ซิงเฉินออกไปตามตรง
เย่ซิงเฉินแสร้งทำท่าเขินอายและตอบหลิงหยุนไปว่า “ปีนี้ข้าอายุสิบเก้าพอดี.. เมื่อครั้งที่สาวน้อยแซ่เสี่ยวจัดงานครบรอบวันเกิด เจ้าก็ให้ไข่มุกราตรีกับนางถึงสิบแปดเม็ดไม่ใช่รึ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของเย่ซิงเฉินหลิงหยุนก็ถึงกับยิ้มออกมา และริมฝีปากแดงนั้นก็แย้มยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงราย..
‘ที่แท้เจ้าก็อิจฉาหนิงน้อยงั้นรึ’
หลิงหยุนแอบคิดในใจว่า..มิน่า.. เย่ซิงเฉินถึงพูดเรื่องของขวัญวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิงตั้งแต่เริ่มต้นการเจรจา ความจริงแล้วนางเองก็รอคอยเวลานี้อยู่นั่นเอง..
เมื่อพบว่าเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้หลิงหยุนก็ได้แต่ดีอกดีใจ และรู้สึกว่าเสน่ห์ของตนเองนั้นช่างรุนแรงต่อเพศตรงข้ามมากเสียเหลือเกิน!
อย่าว่าแต่สิบเก้าเม็ดเลยยี่สิบเม็ดเขาก็ให้นางได้!
“หากข้าเดาไม่ผิด..เจ้าคงจะอิจฉาสินะ!” หลิงหยุนพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย
“ก็ใช่น่ะสิ!นี่เจ้าดูออกด้วยรึ” เย่ซิงเฉินตอบกลับไปตามตรง แต่หลิงหยุนกลับคิดว่านางกำลังพูดเล่น
“เจ้าชอบข้ารึ”
“เจ้าลองเดาดูสิ”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังและเริ่มสนุกกับการต่อปากต่อคำกับเย่ซิงเฉิน จากนั้นจึงแกล้วพูดหยอกล้อนาง
“แต่ที่ข้าให้ไข่มุกราตรีกับหนิงน้อยถึงสิบแปดเม็ดก็เพราะนางเป็นคนรักของข้า แต่เจ้าไม่ใช่..”
เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน“ข้าตกลงเป็นคนรักของเจ้าตอนนี้เลยก็ได้! หากเจ้ากล้า.. ข้าจะตามเจ้ากลับไปที่บ้านคืนนี้เลยดีหรือไม่”
“เอิ่ม..ไม่ต้อง!” หลิงหยุนถึงกับจนมุม..
เขารู้ดีว่าเย่ซิงเฉินไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดและสามารถทำสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงได้มาก หากยังฝืนต่อล้อต่อเถียงกับนางต่อไป ก็คงไม่ผลดีกับตนเองแน่
จะให้เขาพานางกลับไปที่บ้านน่ะรึเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะหากเขาพานางกลับไปด้วยจริงๆ หญิงสาวที่บ้านคงจะพากันโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น..เย่ซิงเฉินยังเป็นผู้ที่มีวรยุทธ และกำลังภายในล้ำเลิศ หากเขาพานางกลับไปที่บ้านด้วย ก็ไม่เท่ากับนำงูเห่าไปเลี้ยงไว้ใกล้ตัวหรอกรึ หากนางโมโหขึ้นมา อาจจะระเบิดบ้านของเขาทั้งหลังเลยก็ได้..
และในการเจรจาครั้งนี้..หลิงหยุนที่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ กลับพ่ายแพ้ให้เย่ซิงเฉินอย่างราบคาบ..
ในเมื่อเขากับนางตกลงที่จะร่วมมือกันแล้วเขาก็คงจะมีโอกาสได้พบกับนางอีกในวันข้างหน้า หลิงหยุนจึงเลิกต่อล้อต่อเถียง และพูดขึ้นว่า
“ข้ายินดีที่จะมอบไข่มุกราตรีสิบเก้าเม็ดให้กับเจ้าว่าแต่เจ้าจะนำมันกลับไปได้อย่างไรกัน”
“มันจะไม่กลายเป็นสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้างั้นรึ”
ในที่สุดหลิงหยุนก็ตกลงที่จะมอบไข่มุกราตรีให้กับนางเย่ซิงเฉินถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ พร้อมกับสะบัดผ้าแพรปีศาจในมือไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนพอดี
เย่ซิงเฉินเห็นว่าในที่สุดหลิงหยุนก็ยอมตกลงนางจึงยิ้มเล็กน้อย และสะบัดผ้า
“เจ้าวางไข่มุกราตรีทั้งสิบเก้าเม็ดไว้บนผ้าแพรของข้าได้เลย!”
หลิงหยุนไม่สามารถบิดพลิ้วได้อีกจึงได้แต่เรียกไข่มุกราตรีออกมาสิบเก้าเม็ด และจัดการวางลงบนผ้าแพรปีศาจ จากนั้นผ้าแพรสีดำก็ถูกดึงกลับไปในทันที และไม่รู้ว่าไข่มุกราตรีทั้งสิบเก้าเม็ดนั้นถูกเย่ซิงเฉินนำไปเก็บไว้ที่ใด
“หลิงหยุน..ขอบคุณเจ้ามาก! วันนี้ข้ามีความสุขมากจริงๆ”
เมื่อได้ไข่มุกราตรีไปแล้วเย่ซิงเฉินก็ยิ้มพร้อมกับพูดออกไปอย่างอารมณ์ดี แววตาของนางเป็นประกายสดใสยิ่งกว่าดวงดาวที่กำลังทอแสงระยิบระยับอยู่บนท้องนภาเสียอีก
แต่ถึงแม้เย่ซิงเฉินจะไม่เอ่ยออกมาหลิงหยุนก็มองออกว่าคืนนี้ธิดาพรรคมารดูมีความสุขอย่างมาก!
แต่ที่เย่ซิงเฉินมีความสุขมากเช่นนี้ไม่ใช่เพราะนางได้ไข่มุกราตรีที่ไม่อาจประเมินค่าได้ไปครอบครอง แต่เป็นเพราะมันคือของขวัญชิ้นแรก และเป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนมอบสิ่งของให้กับนาง..
เมื่อเห็นเย่ซิงเฉินมีความสุขหลิงหยุนเองก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกด้วยเช่นกัน! อีกทั้งภายในใจยังเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้..
แต่หลิงหยุนก็ชื่นชอบความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้เขาได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คืนนี้ข้าเตรียมที่จะมาจัดการกับเจ้าแต่กลับกลายเป็นว่าข้าเองที่เป็นฝ่ายขาดทุนยับเยิน เช่นนี้แล้วเจ้าจะไม่มีความสุขได้อย่างไรเล่า”
“อย่าลืมว่าเจ้าเองก็ยึดรถหรูของข้าไปตั้งสิบกว่าคัน..”เย่ซิงเฉินพูดติดตลก และไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง
แต่หลังจากนิ่งไปได้ครู่หนึ่งเย่ซิงเฉินก็ยิ้มหวานให้หลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นทันที “เจ้ายังมีไข่มุกราตรีอีกหรือไม่”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับกระวนกระวายใจขึ้นมาจริงๆและรีบร้องตะโกนเสียงหลง “อย่าคิดที่จะขอข้าเพิ่มอีกล่ะ ข้าให้เจ้าไปตั้งสิบเก้าเม็ดแล้ว พวกเรารีบแยกย้ายกันเลยจะดีกว่า!”
หลิงหยุนรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีแต่ไม่ใช่เพราะเรื่องไข่มุกราตรี แต่คำพูดของเย่ซิงเฉินทำให้ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เขาชื่นชอบนั้นมลายหายไปต่างหากเล่า..
เย่ซิงเฉินได้แต่ยิ้มและดวงตาคู่งามนั้นก็จับจ้องอยู่ที่ดวงตาของหลิงหยุนพร้อมกับข่มขู่ว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีไข่มุกราตรีอยู่อีก!แต่นับจากคืนนี้ไป ห้ามเจ้ามอบไข่มุกราตรีให้กับหญิงสาวคนใดอีก หากเจ้ากล้า.. ก็อย่าตำหนิว่าข้าใจร้ายกับพวกนางล่ะ!”
“เพราะหากให้ข้ารู้เข้าว่าเจ้ามอบไข่มุกราตรีให้หญิงใดอีกข้าจะสังหารนางทิ้งซะ!”
“นี่เจ้า..”หลิงหยุนฟังแล้วก็โกรธ และกำลังจะตอบโต้ แต่ก็เลือกที่จะเงียบไปเมื่อคิดว่ามารน้อยผู้นี้คงไม่พูดเล่น นางคงจะอิจฉาจริงๆ
“เจ้ากล้ารึ!”หลิงหยุนถามกลับไป
“แล้วเจ้าคิดว่าข้ากล้าหรือไม่ล่ะ”เย่ซิงเฉินท้าทายพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าสะเอว และบิดไปมาอย่างท้าทาย
หลิงหยุนดได้แต่ถอนหายใจและรีบยกมือขึ้นโบกไปมาพร้อมกับตอบไปว่า “เอาล่ะๆ! ข้าจะไม่มอบให้ใครอีก..”
เย่ซิงเฉินถึงกับฉีกยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีจากนั้นจู่ๆ ทั้งคู่ต่างก็นิ่งเงียบไป ชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดดำต่างก็ยืนเผชิญหน้ากันนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น..
มันช่างเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่เคยพบเจอ..
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่หลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่ทอประกายอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับถามขึ้นว่า
“เจ้ากับตระกูลเย่ในปักกิ่งเกี่ยวข้องกันอย่างไร”
น้ำเสียงที่ไพเราะดังกังวานอย่างที่ไม่มีใครเหมือนของเย่ซิงเฉินดังขึ้น“เจ้างั่ง.. ข้าแซ่เย่ที่แปลว่าค่ำคืนต่างหากเล่า ไม่ใช่แซ่เย่ที่แปลว่าใบไม้!”
“อ่อ..งั้นรึ!”
หลิงหยุนทำเสียงรับรู้และจู่ๆ ก็หันไปถามเย่ซิงเฉินว่า “เจ้ายังต้องการอะไรอีกหรือไม่ อย่างเช่นน้ำลายมังกร..”
เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่..’
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่าหญิงสาวผู้นี้คาดเดาได้ยากจริงๆ บทที่นางจะไม่ต้องการอะไร นางก็ไม่ต้องการจริงๆ! แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็แอบโล่งอกและพูดต่อว่า “ข้าคิดว่าคงไม่มีศัตรูมาที่นี่อีกแล้วล่ะ พวกเรากลับกันดีกว่า!”
“เจ้าไม่มีอะไรถามข้าแล้วงั้นรึ”เย่ซิงเฉินถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ระหว่างทางกลับออกไปข้าจะค่อยๆถามเจ้าเอง!”