เจิ้งเหวยกั๋วไม่คาดคิดเลยว่า เย่เทียนที่เฉียบแหลมและก้าวร้าวในก่อนหน้านี้จะยอมให้ตำรวจจับตัวง่ายๆ แบบนี้ได้
ถึงแม้เขาจะคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีนัยสำคัญบางอย่าง แต่ต่อให้เขาจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่มีวันรู้ทันกลอุบายของเย่เทียนอยู่แล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง เขาต้องระงับความรู้สึกไม่สบายใจและพูดอย่างเยาะเย้ย “เย่เทียน ข้ายอมรับนะว่าเอ็งเก่งในการต่อสู้ แต่ถ้าเอ็งอยากมีชีวิตที่อิสรเสรีในโลกแห่งปัจจุบัน มันต้องพึ่งสิ่งนี้!”
เจิ้งเหวยกั๋วชี้ไปที่หัวของเขาแล้วหันมองไปที่หัวหน้าหลี่โดยที่ไม่อยากสนใจเย่เทียนอีก “หัวหน้าหลี่ ฝากคุณช่วยเอาตัวมันกลับไปทีนะ! เดี๋ยวผมจะแจ้งผู้กำกับของพวกคุณเอง!”
หัวหน้าหลี่ถึงกับตากระตุก แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพาเย่เทียนออกไป
เมื่อเห็นหัวหน้าหลี่และคนของเขาจากไป เจิ้งเหวยกั๋วก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถือได้ว่าเขาจัดการปัญหาใหญ่ของเย่เทียนเรียบร้อยแล้ว!
แต่ว่า ก่อนที่หัวหน้าหลี่และคนของเขาจะเดินไปถึงหน้าประตู เสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นจากด้านนอก ซึ่งมองผ่านกระจกใสแล้ว จะเห็นว่ามีรถอาวดี้สีดำคันหนึ่งที่อัดเข้ามาด้วยแรงม้าเต็มพิกัด!
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ รถคันนั้นมันคิดอะไรอยู่? ทำไมไม่ลดความเร็ว!”
“แย่แล้วๆ มันกำลังจะชนเข้ามา!”
“รอเชี้ยอะไรอีก? ยังไม่รีบหนี!”
ผู้คนในล็อบบี้กลายเป็นนกและสัตว์ป่าที่แตกฝูงกันอย่างรวดเร็ว ทุกคนรีบย้ายออกจากตำแหน่งหน้าประตูอย่างทุรนทุราย
หัวหน้าหลี่และคนของเขาก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่มีเวลาสนใจเย่เทียนอีก ได้แต่รีบหนีเอาตัวรอดกันอย่างบ้าคลั่ง
เพล้ง!
รถอาว์ดี้สีดำคันนั้นชนประตูกระจกของบริษัทแช่เจิ้งเข้ามาราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย จากนั้นสะบัดท้ายรถไปชนกับหน้าเคาน์เตอร์ของแผนกต้อนรับถึงจะหยุดลง
เจิ้งเหวยกั๋วที่กำลังจะกลับขึ้นไปบนออฟฟิศก็ตกตะลึงไปนานแล้ว ก่อนที่เขาจะแผดเสียงออกมา เขาก็เห็นประตูรถอาว์ดี้ถูกเตะออกอย่างรุนแรง และชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเฉยเมยก็เดินลงจากรถ
“มึงแมร้งขับรถเป็นไหม! ใบขับขี่ซื้อมาใช่ไหม?!”
เมื่อมองดูเศษกระจกที่กระจายอยู่บนพื้น เจิ้งเหวยกั๋วก็โกรธจนลุกเป็นไฟ เขารู้สึกแค่ว่าแก้มของเขาถูกตบอย่างรุนแรงด้วยมือขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้
เพราะถึงอย่างไรแล้ว เขาเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเอก แม้กระทั่งระดับประเทศเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขากลับถูกเย่เทียนมาก่อความวุ่นวายก่อน จากนั้นยังถูกรถชนประตูบริษัทจนแหลกเป็นชิ้นๆ ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาจะไม่ถูกหัวเราะเยาะจนตายหรือ?!
“李队! คุณไปตายไหนแล้ว ยังไม่รีบเข้ามาจับตัวไอ้สารเลวที่กล้าพังประตูบริษัทผมเหรอ?!”
อันที่จริง ก่อนที่เจิ้งเหวยกั๋วจะพูด หัวหน้าหลี่ที่จนตรอกก็ได้ลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนด้วยความโกรธ
แต่ว่า หลังจากที่เขาได้เห็นหน้าชายวัยกลางคนคนนั้น คำด่ามากมายในปากเขาก็ต้องกลืนเข้าไปในท้อง และสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว
“หัว หัวหน้ากงครับ คุณมาได้ไง?”
อย่างที่พูด! ชายวัยกลางคนที่ขับรถอาว์ดี้สีดำคนนี้ก็คือหัวหน้ากองบังคับการสอบสวนคดีอาญา กงหย่วนที่เย่เทียนเคยช่วยชีวิตไว้!
หลังจากได้รับหลักฐานทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับเจิ้งเหวยกั๋วจากเจิ้งเหวยหวา เย่เทียนก็ได้ส่งแฟกซ์ไปให้เฉาจื้อเหาผู้บัญชาของกรมตำรวจเมืองทันที
และเมื่อเฉาจื้อเหารู้ว่าเย่เทียนจะไปพบเจิ้งเหวยกั๋วเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาชีวิต เขาก็ตกใจจนหัวใจแทบวาย และได้ส่งกงหย่วนมาให้ความช่วยเหลือทันที
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เพราะคนที่กงหย่วนจะช่วยเหลือนั้นไม่ใช่เย่เทียน แต่เป็นเจิ้งเหวยกั๋ว
ซึ่งมันก็เป็นเหตุจำเป็นจริงๆ ใครให้เย่เทียนแสดงความเด็ดขาดในการสังหารคนล่ะ? เฉาจื้อเหาก็แค่กลัวเย่เทียนจะโยนเจิ้งเหวยกั๋วลงจากตึกสูงก็เท่านั้น
แต่ใครจะไปรู้ว่ากงหย่วนจะใจร้อนจนถึงขั้นขับรถทั้งคันเข้ามาในนี้
“หัวหน้าหลี่ คุณมาที่นี่ทำไม?”
เมื่อเห็นหัวหน้าหลี่ยืนอยู่ตรงหน้า กงหย่วนก็ขมวดคิ้วแน่นๆ
เขาออกจากสถานีตำรวจทันทีหลังจากที่ได้รับคำสั่ง ตามเหตุผลแล้ว เขาควรมาถึงก่อนมากกว่านะ!
“นี่คุณตาบอดหรือไง? ประตูกระจกใหญ่ขนาดนี้คุณไม่เห็นเหรอ?!”
ก่อนที่หัวหน้าหลี่จะตอบสนอง เจิ้งเหวยกั๋วที่เต็มไปด้วยความโกรธก็วิ่งเข้ามาและตะโกนพูดอย่างเสียงดัง
เนื่องจากระยะห่างกัน เจิ้งเหวยกั๋วจึงไม่ได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหลี่พูดกับกงหย่วน เขาคิดว่าทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่ จึงไม่ได้มีทัศนคติที่ดีต่อกัน
“ประธานเจิ้งครับ ท่านนี้คือหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจของเราครับ!”
หัวหน้าหลี่ที่เห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงรีบแนะนำให้กับทางเจิ้งเหวยกั๋ว
วี๊ดหว่อ วี๊ดหว่อ!!
ในเวลานี้ ราวกับเป็นการยืนยันสถานะของกงหย่วน เสียงไซเรนของตำรวจดังทะลุประตูเข้ามา จากนั้นรถตำรวจหลายคันก็มาถึง และเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธสิบกว่านายก็ลงจากรถและวิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างกงหย่วน
“หัวหน้าหน่วยสอบสวนคดีอาญา?”
ความโกรธบนใบหน้าของเจิ้งเหวยกั๋วจางหายไปทันที แม้ความโกรธในใจจะยังมีอยู่ แต่ท่าทีของเขาอ่อนน้อมขึ้นเยอะเลย “หัวหน้ากง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระเร่งด่วนอะไรถึงบุกเข้ามาในบริษัทของผมแบบนี้ครับ?”
“ประธานเจิ้ง ต้องขออภัยที่พังประตูของบริษัทคุณนะครับ แต่ว่า……”
“ที่ผมบุกเข้ามาก็เพื่อจะจับคนร้ายที่มีความผิดโทษมหันต์ และที่ผมหุนหันพลันแล่นหน่อยก็เพราะเขาจะหนีไปได้”
กงหย่วนหันสายตาไปที่เจิ้งเหวยกั๋วและใบหน้าก็เต็มไปด้วยการหยอกล้อ
ซึ่งเจิ้งเหวยกั๋วนั้นไม่เคยรู้จักกงหย่วน แต่สำหรับหัวหน้าหลี่แล้ว เขารู้จักนิสัยของกงหย่วนเป็นอย่างดี เมื่อเห็นรอยยิ้มอันมีเลศนัยของกงหย่วน เขาอดใจไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
ถึงอย่างไรแล้ว กงหย่วนเป็นถึงหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรม ดังนั้น บุคคลที่ทำให้เขาต้องออกมาดำเนินคดีเป็นการส่วนตัว ต้องไม่ใช่ผู้ร้ายกระจอกข้างทางอย่างแน่นอน!
“จับผู้ร้าย? ไม่ทราบว่าหัวหน้ากงกำลังจะจับ……”
เจิ้งเหวยกั๋วขมวดคิ้วแน่นๆ แล้วถามขึ้น
“คุณชายเย่!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ กงหย่วนก็เหมือนจะเห็นเย่เทียนอยู่ในท่ามกลางผู้คน เขาจึงไม่สนใจเจิ้งเหวยกั๋วอีก และรีบวิ่งเข้าไปหาเย่เทียน
ซึ่งภาพนี้ก็ทำให้ทุกคนตะลึงงันกันหมด!
กงหย่วนผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรม เขากลับเลือกที่จะทิ้งคนอย่างเจิ้งเหวยกั๋วไว้แล้ววิ่งเข้าไปหาเย่เทียน
แสดงว่า?
มันแสดงว่าสถานะของเย่เทียนนั้นอยู่สูงกว่าเจิ้งเหวยกั๋ว!
ประเด็นคือเจิ้งเหวยกั๋วเป็นถึงผู้นำของหนึ่งในห้าร้อยของบริษัทชั้นนำของโลก แล้วเย่เทียนที่อยู่เหนือกว่าเขาคือสถานะอะไรกันแน่?!
สำหรับเจิ้งเหวยกั๋วกับหัวหน้าหลี่ ทั้งสองต่างก็ตกตะลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้มาก
โดยเฉพาะหัวหน้าหลี่ เขานึกย้อนกลับไปถึงคำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเย่เทียน เขาอดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเองรัวๆ!
ก็แค่รอไม่กี่นาที? ทำไมต้องใจร้อนขนาดนั้น?
“คุณชายเย่ครับ ใครเป็นคนใส่กุญแจมือคุณครับ?”
กงหย่วนเพิ่งเข้าไปหาเย่เทียนก็สังเกตเห็นกุญแจมือเย็นๆ ที่แขนของเย่เทียนทันที จากนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็นความโกรธ และหันมองไปที่หัวหน้าหลี่กับตำรวจคนอื่นๆ ของเขา
“หัว หัวหน้ากงครับ ผม ผมเองครับ”
หัวหน้าหลี่คิดในใจว่าเขาต้องซวยแน่ ได้แต่รีบวิ่งเข้าไป
“หัวหน้าหลี่ ผมเตือนคุณหลายรอยแล้วว่าคุณจะต้องเสียใจภายหลัง ตอนนี้เชื่อผมได้แล้วยัง?”
โดยที่ไม่รอให้กงหย่วนพูด เย่เทียนก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าขำขัน……