ตอนที่ 596 มั่วไป๋เขินอายแล้ว / ตอนที่ 597 รักปักดวงใจ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 596 มั่วไป๋เขินอายแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งเอาของวางลงบนโต๊ะ เขารู้สึกว่ามั่วไป๋เหมือนจะดูแปลกๆ ไป ใบหน้าแดงระเรื่อ เมื่อคืนคงจะไม่ได้เป็นหวัดหรอกใช่ไหม

 

 

           พอคิดถึงตรงนี้ ไป๋จิ่งก็ตื่นตระหนกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ตอนที่เขาพามั่วไป๋มาที่นี่ เหยียนอวี้กำชับมอบหมายเขาเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าการผ่าตัดจะสำเร็จมาก แต่ว่าก็ยังต้องระมัดระวังให้มากเช่นกัน

 

 

           ไป๋จิ่งเดิมดุ่มๆ ไปอยู่ต่อหน้ามั่วไป๋ เขายื่นมือไปแตะหน้าผากมั่วไป๋

 

 

           มั่วไป๋สะดุ้งตกใจ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ “นาย นายจะทำอะไร”

 

 

           เขาทำหน้าเตรียมป้องกัน มือไป๋จิ่งตกกลางอากาศ เอ่ยอธิบายด้วยความไม่สบายใจ “ผมเห็นหน้าคุณแดง เมื่อคืนเป็นหวัดหรือเปล่า”

 

 

           มั่วไป๋โดนเขาเตือนขนาดนี้ ก็รีบเอามือลูบใบหน้าทันที ก็รู้แค่ใบหน้าที่ร้อนลวก ในใจมั่วไป๋ค่อนข้างอึดอัด

 

 

           คิดไม่ถึงว่าเขาจะหน้าแดงเพราะไป๋จิ่ง

 

 

           เพราะการจดจ้องของไป๋จิ่ง มั่วไป๋จึงยิ่งรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้ายิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาลนลานรีบมุ่งหน้าเดินออกไป เขายังไม่ลืมเอ่ยชี้แจง “ฉันไม่เป็นไร”

 

 

           ไป๋จิ่งรู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมั่วไป๋ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก เขาเอื้อมคว้ามั่วไป๋ไว้

 

 

           ผลปรากฏว่ามั่วไป๋มีท่าทีตอบสนองที่ใหญ่เกินไป เท้าสองข้างพันเกี่ยวกัน สายตามองข้างหน้าพลางเซจะล้มลงไป

 

 

           ไป๋จิ่งสะดุ้งตกใจ เขารีบเอื้อมมือไปกอดมั่วไป๋

 

 

           ผลสุดท้ายทั้งสองคนล้มลงไปด้วยกัน ไป๋จิ่งนอนอยู่บนพื้น มั่วไป๋หลับตานอนคว่ำอยู่บนหน้าอกเขา

 

 

           หัวไป๋จิ่งกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

 

 

           มั่วไป๋ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ กลับเป็นไป๋จิ่งที่ยังลุกขึ้นไม่ไหวสักที

 

 

           เมื่อมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาก็รีบยันตัวขึ้นมาจากบนตัวไป๋จิ่ง มองไป๋จิ่งด้วยความร้อนใจ “เป็นยังไงบ้าง ยังโอเคไหม”

 

 

           นาทีนั้นที่ล้มลงไป ยังมึนหัวอยู่หลายนาที แต่เพียงไม่นานก็ฟื้นคืนกลับมา

 

 

           หลังจากเห็นมั่วไป๋ยันตัวขึ้นมาแล้ว เขาเองก็เตรียมจะลุกขึ้น แต่ใครจะคิดว่ามั่วไป๋จะเอ่ยถามเขาด้วยความร้อนใจขนาดนี้

 

 

           เพียงชั่วครู่เดียวไป๋จิ่งก็ไม่อยากลุกขึ้นมากะทันหัน เขานอนอยู่บนพื้นเอามือกุมหัว ทำท่าเหมือนทรมานมาก

 

 

           มั่วไป๋ยื่นมือไปอยากจะดึงไป๋จิ่ง แต่ก็ไม่กล้าจะดึงไป๋จิ่งอยู่ดี

 

 

           ทำได้เพียงมองเขาด้วยความตื่นตระหนก “จะให้ฉันตามหมอมาให้นายไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นว่ามั่วไป๋ร้อนใจจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงรีบส่งมือไปรั้งมือมั่วไป๋ไว้ เอ่ยอย่างเชื่องช้า “ไม่…ไม่เป็นไร”

 

 

           ในที่สุดก็ได้ยินไป๋จิ่งเอ่ยปากพูดจา มั่วไป๋โล่งใจไปที

 

 

           “ต้องการให้ฉันพยุงนายขึ้นมานั่งบนโซฟาสักหน่อยไหม”

 

 

           มั่วไป๋เห็นเขานอนบนพื้นอย่างน่าสงสาร เสียงต่ำจึงเอ่ยออกมา

 

 

           พอไป๋จิ่งได้ยินว่ามั่วไป๋จะพยุงเขา เขาก็อยากจะพยักหน้ารับทันที แต่พอคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นคนบาดเจ็บ พยักหน้าทันทีจะได้ไม่ขัดแย้งกัน

 

 

           ดังนั้นไป๋จิ่งจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ ทั้งยังทำหน้าตาอ่อนแอมองมั่วไป๋อีก

 

 

           มั่วไป๋เองก็ไม่ได้สงสัยอะไร ส่งมือไปดึงไป๋จิ่งขึ้นมา แล้วพยุงเขาอย่างระมัดระวังไปถึงหน้าโซฟาทันทีหลังจากนั้น

 

 

           ที่มุมหนึ่งในห้องชั้นล่าง ลี่เจินแอบดูอยู่ข้างๆ อยู่ตลอด เห็นไป๋จิ่งทำตัวอ่อนแอเหมือนลมพัดมาตัวก็ปลิวได้ เธออดจะขบกรามแน่นไม่ได้

 

 

           ถึงแม้ว่าแผนเจ็บตัวเพื่อให้อีกฝ่ายวางใจ จะน่าขายหน้าไปสักหน่อย

 

 

           แต่ว่าช่างเถอะๆ เพื่อจะได้มีลูกสะใภ้ เธอทนไปก่อนชั่วคราวก็ได้

 

 

           มั่วไป๋ประคองไป๋จิ่งมาถึงที่โซฟา พลางมองเขาด้วยความตื่นตระหนก “ตอนนี้ดีขึ้นบ้างไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งรู้สึกว่าทำให้มั่วไป๋มาประคองเขาได้ เขาก็ดีใจไม่ไหวแล้ว ยังจะแสร้งทำเป็นอ่อนแอต่อไปก็ออกจะเกินไปสักหน่อย

 

 

           ด้วยเหตุนี้เขาเอามือกุมหัว ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แค่เวียนหัวนิดหน่อย อย่างอื่นโอเคมาก”

 

 

           มั่วไป๋เห็นเขาบอกว่าเวียนหัว คิดดูแล้วก็พูดขึ้น “งั้นนายพักอีกสักหน่อยไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งส่ายหัวเบาๆ “ไม่ต้องหรอก อาหารเช้าผมยังทำไม่เสร็จ”

 

 

           มั่วไป๋กัดฟันเอ่ยเสียงต่ำ “นายเอนหลังนอนเถอะ ฉันทำเอง”

 

 

           ไป๋จิ่งตาลุกวาว มั่วไป๋ทำอาหารเหรอ ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทำยังไงดี

 

 

           เขาแกล้งทำสีหน้าลำบากใจมองมั่วไป๋ “ผมไม่เป็นไรจริงๆ ให้ผมทำเองเถอะ”

 

 

             

 

 

ตอนที่ 597 รักปักดวงใจ

 

 

           มั่วไป๋เห็นเขาพูดขัดอยู่ตรงนี้ตลอด จึงยื่นมือไปกดคนตรงหน้าไว้ “พอแล้ว นอนซะ ฉันไปเอง”

 

 

           พูดจบ มั่วไป๋ยืนขึ้นมุ่งหน้าเดินไปยังห้องครัว

 

 

           ไป๋จิ่งนั่งอยู่บนโซฟา อยากจะย่องเข้าไปดูมั่วไป๋ ไม่พูดอย่างอื่น อยู่ข้างๆ ส่งของให้ก็ได้

 

 

           แต่พอคิดว่าถ้าเวลานี้ตัวเองเข้าไป จะเป็นการขัดกับที่แสดงมาแล้ว

 

 

           ด้วยเหตุนี้ไป๋จิ่งจึงจำใจต้องนั่งรอบนโซฟาอย่างว่าง่าย

 

 

           ยังดีที่ห้องครัวทั้งหมดโปร่งใส ตอนที่เขาตกแต่งในตอนแรก เขาใช้กระจกกั้นไว้ทุกส่วน

 

 

           ตอนนี้นั่งบนโซฟาก็เห็นเงาร่างของมั่วไป๋ได้พอดี

 

 

           ไป๋จิ่งพิงโซฟา สายตาจดจ่อที่มั่วไป๋ ไม่ละสายตาไปไหน

 

 

           มั่วไป๋ทำอาหารเช้านานเท่าไหร่ เขาก็อยู่ที่หน้าประตูมองดูนานเท่านั้น

 

 

           ลี่เจินเห็นสายตานั้นของลูกชายตัวเอง เธอถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ แค่มองจะมีประโยชน์อะไร ชิงตัวคนมาถึงมือแล้ว จะมองยังไงก็ได้ไม่ใช่เหรอ

 

 

           ในฐานะที่เธอเป็นแม่ แต่เพื่อชีวิตที่มีความสุขของไป๋จิ่ง เธอต้องรักปักดวงใจ

 

 

           ……

 

 

           หลังจากกินอาหารกันเสร็จ เดิมทีไป๋จิ่งคิดอยากจะซ่อมแซมเตียงหลังนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ลี่เจินพังเตียงเสียไม่เป็นชิ้นดี จึงซ่อมแซมได้ไม่ดีอยู่แล้ว

 

 

           ดังนั้นสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงยอมแพ้แล้ว

 

 

           ‘แน่นอน ที่จริงไป๋จิ่งก็แค่ทำท่าทางไปเท่านั้น เขาจะอยากซ่อมแซมจริงๆ ซะที่ไหน’

 

 

           พอได้ยินว่าเตียงพัง เขาก็อดจะดีใจไม่ได้

 

 

           ถึงอย่างไรแบบนี้ เขาก็จะนอนเบียดอยู่เตียงเดียวกันกับมั่วไป๋อย่างเปิดเผยได้

 

 

           ถึงแม้ว่าเตียงจะซ่อมไม่ได้ แต่ว่าฮีทเตอร์ กลางดึกเมื่อคืนลี่เจินก็ให้คนมาเดินเครื่องใหม่แล้ว

 

 

           ถึงอย่างไรวันที่หนาวขนาดนี้ ไม่มีฮีทเตอร์ มันหนาวเดินไปแล้วจริงๆ มั่วไป๋เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ถ้าให้เครื่องเสียต่อไป น่าสงสารน่าดู

 

 

           ในยามปกติมั่วไป๋เองก็ไม่มีเรื่องอย่างอื่นทำ งานอดิเรกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการขลุกตัวอยู่ในบ้านวาดรูป

 

 

           หลังจากกินอาหารกันเสร็จ มั่วไป๋อยู่กับลี่เจินสักพัก ก่อนจะขึ้นไปวาดรูปอยู่ชั้นบนแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งกับลี่เจินไม่ได้ไปรบกวนเขา

 

 

           สำหรับจุดนี้ ทัศนคติของทั้งสองคนเหมือนกัน คือสนับสนุนงานอดิเรกความชอบและการทำงานของมั่วไป๋เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

 

 

           มั่วไป๋ขึ้นชั้นบนไปแล้ว ลี่เจินก็ลากไป๋จิ่งมาที่สวนดอกไม้ข้างหลัง

 

 

           ทั้งสองคนอยู่ในสวนดอกไม้ ไป๋จิ่งเอ่ยถามลี่เจิน “แม่ แม่จะกลับไปเมื่อไหร่ครับ”

 

 

           ลี่เจินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ลูกยังจัดการเรื่องเขาไม่ได้เลย แม่จะไปได้ยังไง”

 

 

           ไป๋จิ่งเอามือกุมหน้าผาก ปัญหาคือแม่เขาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรสิ

 

 

           แน่นอนว่าประโยคนี้ ไป๋จิ่งไม่กล้าพูด ถ้าเขาพูดไป คาดว่าแม่เขาต้องเล่นงานเขาตายแน่

 

 

           “งั้นแม่เตรียมจะทำอะไรครับ” ไป๋จิ่งชักจะสงสัยแล้วจริงๆ ว่าตกลงแล้วแม่เขาจะก่อการอะไรอีก

 

 

           ลี่เจินมองบนใส่เขา “ลูกจะมากังวลอะไรขนาดนั้นไปทำไม เจตจำนงของฟ้ามิอาจแพร่งพราย รอต่อไปเดี๋ยวลูกก็รู้แล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นแบบนี้ เขาก็ทำได้เพียงแค่นั่งรอ

 

 

           ลี่เจินนั่งไปสักพัก เธอรู้สึกง่วงประมาณหนึ่งแล้ว เธอนอนตอนบ่ายจนชิน ดังนั้นจึงขึ้นไปงีบข้างบนคฤหาสน์แล้ว

 

 

           ตอนนี้ไป๋จิ่งอยู่ชั้นล่าง เพียงไม่นานก็ได้รับสายโทรเข้ามาจากเหยียนอวี้

 

 

           พอเหยียนอวี้โทรติด เขาก็เอ่ยถามไป๋จิ่งไปตรงๆ ทันที “คุณตามจีบเขากลับมาได้หรือยัง”

 

 

           ไป๋จิ่งขัดใจจนไม่อยากพูดจากับเหยียนอวี้แล้ว เขาเป็นพวกไม่รู้เรื่องไหนมักถามถึงเรื่องนั้นอย่างชัดเจน

 

 

           ถ้าเขาตามจีบมั่วไป๋กลับมาได้ จะไม่ป่าวประกาศโม้ไปทั่วว่าเขาสละโสดแล้วเหรอ

 

 

           “ดูท่าว่าจะยังโดดเดี่ยวเดียวดาย”

 

 

           เหยียนอวี้ถอนหายใจเงียบๆ ไม่ค่อยสบายใจอย่างไรชอบกล

 

 

           ไป๋จิ่งได้ยินประโยคนี้ก็อยากจะวางสายแล้ว

 

 

           “นี่ตกลงคุณยืนอยู่ฝั่งผมหรือเปล่า”

 

 

           “หึ” เหยียนอวี้ทำเสียงพ่นลมหายใจ “ผมไม่เคยยืนอยู่ฝั่งคุณมาแต่ไหนแต่ไร ผมกับคุณก็ไม่ใช่เพื่อนกัน ยืนอยู่ฝั่งคุณเพื่ออะไร”

 

 

           ไป๋จิ่งโกรธจนแทบจะกระอักเลือด

 

 

           “งั้นคุณจะช่วยผมทำไม”

 

 

           “คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมช่วยไม่ใช่คุณ เป็นมั่วไป๋ต่างหาก”