ตอนที่ 88-2 คิดข่มขู่ตระกูลอวี้ ปัญญาอ่อนหรือเปล่า

จำนนรักชายาตัวร้าย

หลี่รุ่ยกลับมาถึงจวนในสภาพอิดโรยสะบักสะบอม นางกลับเข้าห้องทันที แล้วทรุดกายซบลงที่เตียงนอนของตนร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก

 

 

นางเสียเงินไปมากมาย เพื่อไหว้วานให้หอนภาหอมสืบข่าวคราวเกี่ยวกับอวี้หลัวช่า ทั้งยังรอคอยอย่างอดทน ทว่าใครจะคาดคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นนี้

 

 

อวี้เชียนเสวี่ย เหตุใดท่านถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้!

 

 

หรือท่านไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เคยเป็นคนรักเก่าก่อนแม้แต่น้อย

 

 

ท่านทำร้ายทำลายข้าเช่นนี้ มีประโยชน์อะไรกับท่าน!

 

 

ตอนนี้ หลี่รุ่ยกล่าวโทษว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะอวี้เชียนเสวี่ย นางเชื่อสนิทใจว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำทำของอวี้เชียนเสวี่ยที่เล่นสกปรก

 

 

อวี้หลัวช่าไม่ยินยอมรักษาให้กับนาง นี่เป็นสิ่งที่นางเจ็บปวดใจมากที่สุด

 

 

ถุย!

 

 

เป็นถึงจักรพรรดิโอสถ!

 

 

คุณธรรมพื้นฐานที่จะช่วยเหลือผู้คนยังไม่มี!

 

 

ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดโง่เขลาเบาปัญญา!

 

 

หลี่รุ่ยร้องไห้ไปพลาง ปากก็ด่าทออวี้เฟยเยียนและอวี้เชียนเสวี่ยไปด้วย ความอัดอั้นตันใจไม่มีที่ให้ระบาย ทรมานจวนเจียนจะตาย!

 

 

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเถาสาวใช้คู่กายของนางก็เดินรีบร้อนเข้ามา

 

 

“พระชายา แย่แล้วเพคะ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”

 

 

หลี่รุ่ยเดิมทีแล้วก็มีอารมณ์โกรธเคืองอัดอั้นอยู่เต็มอก ตลอดทางที่กลับมา นางมิมีทางระบายออกมาได้เลย

 

 

ตอนนี้เสี่ยวเถา จู่ๆ ก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา หลี่รุ่ยโมโหตบหน้าของนางอย่างแรง จนล้มกลิ้งลงบนพื้น

 

 

“ตาบอดหรืออย่างไร ข้ายังมิได้อนุญาต ใครใช้ให้เจ้าเข้ามา”

 

 

หลี่รุ่ยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ไฟที่สุ่มอยู่ในอกของนาง ‘ฟู่ๆ’ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันต้องการที่ระบายออกในทันที

 

 

“เด็กๆ ลากนั่งไพร่นี่ออกไปแล้วตีให้ตาย!”

 

 

เสี่ยวเถาที่น่าสงสาร ยังมิทันที่จะรายงานเรื่องสำคัญ ก็ถูกคนอุดปากลากออกไป โบยจนตายภายในเรือนของหลี่รุ่ยนั่นเอง

 

 

ไม่นาน คนรับใช้ก็เข้ามารายงานว่าเสี่ยวเถาตายแล้ว

 

 

ได้ยินเช่นนั้นหลี่รุ่ยก็รู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นมาก จึงมิได้ใส่ใจว่าเสี่ยวเถารีบร้อนวิ่งเข้ามาด้วยเรื่องอะไรกัน

 

 

ก้าวต่อไปจะทำเช่นไรดี ให้อวี้หลัวช่ายินยอมรักษาให้กับนาง นี่ต่างหากจึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลี่รุ่ยสนใจมากที่สุด

 

 

เรื่องอื่นในตอนนี้ หลี่รุ่ยล้วนแต่ละเลยไปก่อน

 

 

เทียบกับอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยวไม่สงบสุขของหลี่รุ่ยแล้ว จวนจงอี้กงกลับเต็มไปด้วยความสุขและความยินดี

 

 

อวี้จิงเหลยเป็นพ่องานจัดการเรื่องสำคัญ นั่นก็คืองานแต่งงานของอวี้เชียนเสวี่ย

 

 

ส่วนอวี้เชียนเสวี่ยกลับถึงตระกูลอวี้ ทั้งยังฟื้นฟูลมปราณกลับคืนมาได้ ข่าวที่ว่าเขาสำเร็จถึงขั้นราชัน กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็วภายในคืนเดียว

 

 

กระทั่งอวี้เชียนเสวี่ยปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชน ยิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึง

 

 

คนผู้นี้ที่ท่าทางสง่าผ่าเผย หน้าตาหล่อเหลาสดใสเปี่ยมด้วยพลัง นี่มิใช่หมาป่าเล็กแห่งตระกูลอวี้ที่มีชื่อเสียงเมื่อหลายปีก่อนหรอกหรือ!

 

 

ตระกูลอวี้ พลิกฟื้นกลับมาแล้ว ครานี้สูงส่งจนมิอาจเอื้อมเลยทีเดียว!

 

 

“ขั้นราชัน! เขาสำเร็จถึงขั้นราชันเชียวหรือนี่!”

 

 

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป หลี่รุ่ยถึงกับทรุดลงเข่าอ่อนพับลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาว่างเปล่า

 

 

เป็นดังที่นางคาดเอาไว้จริงๆ อวี้หลัวช่ารักษาอวี้เชียนเสวี่ยจนหาย!

 

 

เมื่อนึกถึงว่าอวี้เชียนเสวี่ยที่อายุอานามเพิ่งจะสามสิบต้นๆ ก็สำเร็จถึงขั้นราชันแล้ว หลี่รุ่ยก็เจ็บลึกในอกจนทนแทบไม่ไหว

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยยังหนุ่มแน่น ภายหน้ายังมีโอกาสที่จะก้าวหน้าอีกมากนัก!

 

 

โจวเลี่ยสำเร็จจอมเทวาเมื่อเขามีอายุหกสิบปี

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม ทั้งยังมุมานะขยันขันแข็ง ตระกูลอวี้มีจอมเทวาคนหนึ่งแล้ว มีอวี้เฟยเยียนคอยชี้แนะ อวี้เชียนเสวี่ยจะต้องรุดหน้าได้อย่างรวดเร็วเป็นแน่ บางทีอาจไม่ต้องรอถึงอายุหกสิบด้วยซ้ำเขาอาจจะสำเร็จจอมเทวาแล้วก็เป็นได้…

 

 

ยิ่งคิดในใจของหลี่รุ่ยก็ยิ่งย่ำแย่

 

 

ความรู้สึกที่ว่าเจ้าดีกว่าข้า กำลังทับถมกัดกินใจนางให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

 

 

ตอนนั้นในหัวของนางคิดอะไรอยู่กันแน่นะ เหตุได้ถึงได้ทอดทิ้งอวี้เชียนเสวี่ย แล้วเลือกซย่าโหวอี้

 

 

ซย่าโหวอี้เพียงแค่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์เกิดในราชวงศ์ มีศักดิ์เป็นอ๋องก็เท่านั้น

 

 

นอกจากนี้ บุ๋นก็ไม่ได้เรื่องบู๊ก็ไม่เอาไหน เทียบอะไรกับอวี้เชียนเสวี่ยไม่ได้เลย!

 

 

หลี่รุ่ยเสียใจอย่างที่สุดกับการตัดสินใจของตนเองในตอนนั้น

 

 

หากว่าสามารถย้อนเวลาได้ อยากจะแต่งเข้าตระกูลอวี้ด้วยความเต็มใจ เป็นเจ้าสาวของอวี้เชียนเสวี่ยนางคงมิต้องเผชิญกับความอัปยศในวันนี้!

 

 

คิดไปคิดมา หลี่รุ่ยจึงคิดได้ว่าเรื่องที่จะเชิญอวี้หลัวช่ามารักษาอาการให้กับตน เกรงว่าจะต้องใช้อวี้เชียนเสวี่ยเป็นสะพานเสียแล้ว

 

 

ตอนนี้นางเป็นฝ่ายที่ต้องไปขอร้องเขา แล้วไหนเลยนางจะกล้าบ่นว่าอวี้เชียนเสวี่ยได้!

 

 

หลี่รุ่ยเขียนเทียบเชิญ แล้วให้คนส่งไปที่จวนจงอี้กง

 

 

พ่อบ้านเซี่ยงมองแวบเดียว เมื่อเห็นว่าเป็นเทียบเชิญของจวนลั่วหยางอ๋อง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที

 

 

ไม่แม้แต่จะต้องหยุดคิด พ่อบ้านเซี่ยงก็รู้ทันทีว่าคนที่เขียนส่งมาคือใคร

 

 

เฮอะ ยังมีหน้ามาที่จวนอีก…

 

 

หน้าด้านไร้ยางอายยิ่งนัก!

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยกำลังพูดคุยกะหนุงกะหนิงอยู่กับมู่เหนี่ยนซีเรื่องการจัดวางห้องหอ ก็ได้รับเทียบเชิญจากพ่อบ้านเซี่ยง

 

 

“นี่คืออะไร…”

 

 

มองเห็นลายมือที่คุ้นเคย อวี้เชียนเสวี่ยก็เงียบลงไป

 

 

หลี่รุ่ยเขียนในเทียบเชิญอย่างชัดเจน ว่าอยากที่จะพบหน้าอวี้เชียนเสวี่ยตามลำพังสักครั้ง

 

 

ข้อเรียกร้องนี้ ออกจะเกินไปจริงๆ!

 

 

นางมีสามีเป็นตัวเป็นตน ส่วนเขาก็มีหญิงคนรักอยู่แล้ว ส่งเทียบเชิญเช่นนี้มา หมายความว่าอย่างไร

 

 

“เฮอะ! ต้องเป็นเรื่องของเสี่ยวอวี้ทำให้นางจนปัญญา ดังนั้นถึงได้มาหาท่านน่ะสิ!”

 

 

มู่เหนี่ยนซีครุ่นคิดเฉกเช่นผู้ที่มองออก เรื่องที่อวี้เฟยเยียนเปิดโรงหมอวันแรก ปฏิเสธที่จะรักษาให้กับพระชายาลั่วหยางอ๋องอย่างไม่ไว้หน้า กลายเป็นเรื่องขบขันที่ถูกเล่าต่อกันไปทั่วเมืองหลวงตั้งนานแล้ว

 

 

แล้วพวกที่ชอบซุบซิบนินทา ก็ตามไปขุดคุ้ยเรื่องในอดีตเกี่ยวกับการกระทำของตระกูลหลี่และหลี่รุ่ย เมื่อครั้งหลังจากที่อวี้เชียนเสวี่ยกลายเป็นคนพิการขึ้นมาอีก

 

 

พริบตา หลี่รุ่ยก็กลายเป็นหญิงชั่วหลายสามีขึ้นมาทันที

 

 

ตระกูลอวี้จงรักภักดี พลีชีพเพื่อแผ่นดิน ถึงแม้ว่าก่อนหน้าที่ตระกูลอวี้จะตกต่ำเสื่อมถอย แต่ชื่อเสียงและพลังศรัทธาในตัวของอวี้จิงเหลยและบุตรชายตระกูลอวี้ ในสายตาของชาวประชายังคงดำรงอยู่

 

 

หลี่รุ่ยขอยกเลิกงานแต่ง ในขณะที่อวี้เชียนเสวี่ยกำลังลำบากที่สุด ในขณะที่สกลุอวี้กำลังลำบากที่สุด

 

 

นี่แหละที่เขาว่าจะได้เห็นธาตุแท้ของคนในยามยาก!

 

 

 การทดสอบครั้งนี้ ได้เผยธาตุแท้ของหลี่รุ่ยออกมาจนได้!

 

 

แต่ทว่า ยังดีที่ฟ้าหลังฝนนั้นสดใส ตระกูลอวี้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ก็เหมือนกับเป็นการตบหน้าหญิงชั่วอย่างแรง!

 

 

“เสวี่ย ท่านอยากไปหรือไม่”

 

 

มู่เหนี่ยนซีใช้สองมือโอบรอบคออวี้เชียนเสวี่ย แล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูของเขา

 

 

“นี่เป็นเทียบเชิญที่ส่งมาจากอดีตรักแรกของท่านเชียวนะ!”

 

 

น้ำเสียงเจือด้วยลมเพชรหึงของมู่เหนี่ยนซีลอยมาเข้าหู อวี้เชียนเสวี่ยได้ยินเข้าก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขาดึงรั้งมือของมู่เหนี่ยนซีเข้าหาตัว แล้วงับเข้าที่ปลายนิ้วนาง

 

 

“แม่นางน้อย ลมเพชรหึงรุนแรงยิ่งนักนะ!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยยื่นมือออกมาทำลายเทียบเชิญใบนั้นจนแหลก

 

 

สำหรับเขา อดีตตายไปพร้อมกับความล้มเหลวในปีนั้นตั้งนานแล้ว

 

 

หากหลี่รุ่ยต้องการใช้เขาเป็นใบเบิกทาง เพื่อเปิดทางสะดวกในเรื่องนางกับอวี้เฟยเยียนละก็ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

 

 

เหตุใดข้าต้องให้ความสุขกับเจ้าด้วย

 

 

เจ้าคู่ควรอย่างนั้นหรือ

 

 

หลี่รุ่ยรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าผลที่ได้จากการรอนั่นก็คืออวี้เชียนเสวี่ยไม่ว่าง ความโกรธเคืองถูกกลืนลงไป มันอัดอั้นอยู่ในอก ขึ้นมาก็ไม่ได้ลงไปก็ไปไม่ได้

 

 

อวี้เชียนเสวี่ย ท่านใจดำยิ่งนัก!

 

 

ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

 

 

หลี่รุ่ยร้อนใจดั่งไฟแผดเผา ในขณะเดียวกันก็มีอีกข่าวหนึ่งที่เป็นดั่งเช่นน้ำมันร้อนราดลงบนหัวใจที่กำลังร้อนรนของนาง ‘ซ่า’ ทำให้ไฟลุกพรึบขึ้นทันที

 

 

เม่ยเหนียงตั้งครรภ์

 

 

เมื่อนั้นหลี่รุ่ยจึงนึกขึ้นมาได้ ในตอนนั้นที่เสี่ยวเถาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา คงจะมารายงานนางในเรื่องนี้

 

 

เสี่ยวเถาเป็นคนละเอียดลออที่สุด ดังนั้นเมื่อเม่ยเหนียงเข้ามาอยู่ในจวน นางจัดให้เสี่ยวเถาไปคอยจับตาดูเม่ยเหนียงอยู่ข้างกาย

 

 

แต่นางกลับเพียงเพราะความโกรธเพียงชั่วครู่ ฆ่าเสี่ยวเถาได้…

 

 

ลั่วหยางอ๋องรอคอยมาสิบกว่าปี ในที่สุดก็ทำให้นางตั้งครรภ์ได้ ทำให้เขาดีใจจนแทบบ้า

 

 

ตอนนี้เม่ยเหนียงกลายเป็นผู้ที่มีความดีความชอบใหญ่หลวงของจวนลั่วหยางอ๋อง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องคุ้มครองให้มั่น เมื่อหลี่รุ่ยเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมนาง ก็ถูกซย่าโหวอี้ปฏิเสธซึ่งหน้า บอกว่าเม่ยเหนียงต้องรักษาเนื้อรักษาตัว บำรุงครรภ์ให้ดี ห้ามใครรบกวน