ขณะเดียวกัน ของล้ำค่าทุกอย่างซย่าโหวอี้ก็จะส่งไปที่เรือนเม่ยเหนียงทั้งสิ้น
แม้กระทั่งว่า เพียงแค่เม่ยเหนียงเอ่ยปากว่าอยากจะได้เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร ซย่าโหวอี้ก็ตรงมาที่ห้องของหลี่รุ่ยหยิบเอาเจ้าแม่กวนอิมที่หลี่รุ่ยกราบไหว้อยู่ ไปมอบให้แก่เม่ยเหนียงทันที
ท่าทีซย่าโหวอวี้ ทำให้หลี่รุ่ยโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
ตั้งครรภ์น่ะใช่ แต่หญิงชายก็ยังไม่รู้ ยังให้ท้ายถึงขนาดนี้
หากว่าเม่ยเหนียงให้กำเนิดลูกชายหญิงสักคนขึ้นมาจริงๆ ละก็ นางมินอนกินค้ำหัวพระชายาแห่งจวนลั่วหยางอ๋องเช่นนางเลยหรือนี่
หลี่รุ่ยหารู้ไม่ ซย่าโหวอี้ไม่สนใจว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิงอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงแต่เด็กคลอดออกมาโดยปลอดภัยก็พอ
หลายปีที่ผ่านมานี้ เกิดข่าวลือต่างๆ นานา ผู้คนคอยหัวเราะเยาะว่าลั่วหยางอ๋องไม่เอาไหนเรื่องอย่างว่า จึงไม่มีทายาทเสียที ทำให้ซย่าโหวอี้โกรธจนเนื้อเต้น
แต่ความจริงย่อมสยบข่าวลือได้ดีที่สุด ในที่สุดเขาก็มีทายาทเสียที!
ยิ่งมีเด็กในท้องเม่ยเหนียงมาตอกย้ำ ในที่สุดหลี่รุ่ยก็ทนไม่ไหว ไปแอบยืนดักรออวี้เชียนเสวี่ยที่ซอยหน้าจวนตระกูลอวี้ รอคอยอวี้เชียนเสวี่ย
ในวันนี้เอง อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีเพิ่งกลับมาจากหอคืนชีพของอวี้เฟยเยียนด้วยกัน แต่ยังมิทันจะกลับถึงจวน ก็ถูกหลี่รุ่ยขวางเอาไว้
“เชียนเสวี่ย…”
หลี่รุ่ยที่อายุล่วงเลยสามสิบไปแล้ว สวมใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าชมพู ให้มองอย่างไรก็รู้สึกขัดแย้งชะมัด
ที่นางสวมใส่เช่นนี้ ก็เพื่อปลุกเรียกความทรงจำเมื่อครั้งอดีตระหว่างนางกับอวี้เชียนเสวี่ยขึ้นมา เพราะในอดีตอวี้เชียนเสวี่ยเคยบอกกับนางว่า นางผิวพรรณขาวใส สีฟ้าจะช่วยขับผิว ดังนั้นหลี่รุ่ยจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษในวันนี้
ทว่าหลี่รุ่ยคงจะลืมไปกระมังว่าตนเองมิใช่สาวน้อยที่รูปร่างสมส่วนงดงามอีกต่อไป แต่งกายเช่นนี้จึงไม่เหมาะสมกับกาลเทศะเอาเสียเลย
ถูกหลี่รุ่ยดักอยู่หน้าประตูบ้าน อวี้เชียนเสวี่ยปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก
ต่ำจนมิอาจหาอะไรมาเปรียบได้เลยจริงๆ!
นางเป็นหญิงที่มีได้ชื่อว่ามีสามีแล้ว ยังกล้าทำเรื่องดักหน้าดักหลังกลางถนนเช่นนี้อีก เจ้าหน้าไม่อาย แต่หน้ายังข้าต้องเอาไว้อยู่นะ!
“เรื่องอะไร”
อวี้เชียนเสวี่ยกุมมือของมู่เหนี่ยนซีแน่น กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้า ข้าอยากจะพบท่าน!”
หลี่รุ่ยกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ดวงตาทั้งสองของนางจ้องมองไปที่อวี้เชียนเสวี่ย ในใจกำลังสับสนอย่างหนัก
เดิมทีนางคิดว่า ข่าวลือเกี่ยวกับอวี้เชียนเสวี่ยคงจะมีมูลความจริงอยู่บ้างแต่ ใครจะคาดคิด ว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามีเสน่ห์ที่แลดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าชายหนุ่มหน้าหยกที่แสนสง่างามในอดีตเสียอีก อวี้เชียนเสวี่ยในตอนนี้ต่างหากจึงเป็นอวี้เชียนเสวี่ยวัยฉกรรจ์เต็มตัว เป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดของเขา
ว่าแล้วก็หวนนึกไปถึงพุงย้อยๆ ของซย่าโหวอี้ กับรูปร่างงุ่มง่าม รวมทั้งพละกำลังที่ไม่เป็นไปดั่งใจหวังของซย่าโหวอี้ หลี่รุ่ยยิ่งรู้สึกว่าตนเองมีตาหามีแววไม่ยิ่งนัก
“ท่านต้องการพบบุรุษของข้าทำไมกัน”
มู่เหนี่ยนซียืนขวางกั้นอยู่หน้าอวี้เชียนเสวี่ยอย่างไม่เกรงใจ แล้วกล่าวต่อว่า
“ท่านเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว จะต้องรักษาจารีตแห่งความเป็นหญิง! อย่าเอาแต่วันๆ คอยแต่จ้องมองบุรุษของข้า! หากว่าท่านอ๋องท่านให้ความสุขท่านไม่เพียงพอละก็ ในเมืองนี้มีชายให้เช่ามากมาย ท่านก็ไปเช่าสักคนแล้วกัน!”
นับตั้งแต่ที่มู่เหนี่ยนซีรู้ว่าเมืองหลวงมีสถานเริงรมย์ชาย นางก็อดตื่นเต้นมิได้ ตั้งใจจะไปสำรวจดูสักครั้ง
แต่สุดท้ายก็ถูกอวี้เชียนเสวี่ยใช้กำลังรั้งตัวเอาไว้
ถึงตอนนี้เมื่อเห็นหลี่รุ่ยท่าทางมิสบอารมณ์ มู่เหนี่ยนซีจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป
บุรุษของข้า เจ้าอย่าได้คิดมาแตะต้อง!
นับตั้งแต่ตอนที่หลี่รุ่ยเข้าขวางอวี้เชียนเสวี่ยเอาไว้ ผู้คนรอบข้างมากมายก็หยุดฝีเท้าแอบมองดูเหตุการณ์ รวมกับคำพูดที่มู่เหนี่ยนซีกล่าวขึ้นมาเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที
หญิงชั่วแซ่หลี่เสียใจภายหลัง ต้องการที่จะหวนคืน!
“ท่าน เหตุใดถึงได้สำส่อนเช่นนี้นะ!”
หลี่รุ่ยถูกคำพูดของมู่เหนี่ยนซีจี้ใจดำให้อับอายจนกลายเป็นโกรธแค้นด่าทอมู่เหนี่ยนซี
“เจ้า…เจ้าพ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอนหรืออย่างไรกัน สตรีเช่นเจ้า จะคู่ควรกับอวี้เชียนเสวี่ยได้อย่างไรกัน!”
มู่เหนี่ยนซีได้ยินเช่นนั้นก็เตรียมเอ่ยโต้กลับ แต่ก็ถูกอวี้เชียนเสวี่ยห้ามเอาไว้
สตรีของเขาถูกด่าทอเช่นนี้ ควรเป็นเขาออกหน้าแทนสิ!
“พระชายาลั่วหยางอ๋อง คู่หมั้นข้าได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี จึงไม่จำเป็นที่ท่านจะมาสั่งสอน! ข้ารักนางมาก จึงไม่ต้องการให้มีเรื่องอันใดมาทำให้นางไม่สบายใจ หวังว่าท่านจะรู้จักอะไรควรมิควร! หากว่ามีครั้งหน้า เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
คำพูดอวี้เชียนเสวี่ย ทำให้ผู้คนมากมายชื่นชม
ปกป้องสตรีของตนมิให้โดนรังแก นี่สิจึงสมเป็นลูกผู้ชายตัวจริง!
“เชียนเสวี่ย เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้…”
หลี่รุ่ยจ้องมองอวี้เชียนเสวี่ยด้วยอาการตกตะลึง รู้สึกว่าตนเองแทบจะไม่รู้จักเขาเสียแล้ว
อวี้เชียนเสวี่ยในอดีตที่แสนจะอ่อนโยนหายไปไหนกัน!
ต่อให้ตระกูลหลี่เคยเหยียบย่ำทอดทิ้งตระกูลอวี้มาก่อน อวี้เชียนเสวี่ยก็ยังมิเคยกล่าวว่าด่าทอนางแม้แต่น้อย ทั้งยังอวยพรนางด้วยซ้ำ
เหตุใดตอนนี้เขาถึงแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้
ใจร้ายกับหญิงอื่น จึงนับเป็นการจริงใจต่อสตรีของตนเอง!
อวี้เชียนเสวี่ยก้มหน้าลง มองมู่เหนี่ยนซีแล้วกล่าวว่า
“ข้าจะทำให้ภรรยาของข้าต้องเสียใจ เพียงเพราะคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร!”
คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง…
คราวนี้ หลี่รุ่ยหัวใจสลายอย่างที่สุด
ความรักที่ถึงขนาดเคยเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมา ถูกคำพูดเพียงประโยคเดียวที่ว่า คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำลายลงจนหมดสิ้น
ในเมื่อใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายไม่ได้ผล หลี่รุ่ยจึงกล่าวจุดประสงค์ของตนออกมาตรงๆ
“ข้าอยากที่จะพบอวี้หลัวช่า แต่นางมิยอมพบข้า เชียนเสวี่ย ท่านจะเห็นแก่ที่เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ช่วยพูดแทนข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่”
“หึ เจ้าว่าอะไรนะ”
เมื่อรู้ว่าหลี่รุ่ยมาหาตนเองด้วยเหตุนี้จริงๆ อวี้เชียนเสวี่ยก็รู้สึกขำขันยิ่งนัก
คิดว่าคนอื่นคือพระผู้ช่วยให้ตนเองรอดจริงหรือ
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกตระเตรียมเอาไว้ให้เจ้าแล้วอย่างนั้นสิ!
“ช่วยให้นางรักษาอาการป่วยให้ข้า ข้าต้องการลูกสักคน!”
เมื่อนึกถึงภาพที่เม่ยเหนียงเสพสุขทำท่าทีวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในจวนลั่วหยางอ๋อง หลี่รุ่ยก็กัดฟันกล่าวจุดประสงค์ของตนเองออกมา
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน เพราะอะไรเจ้าถึงคิดว่าอวี้หลัวช่าจะต้องเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด”
เห็นว่าอวี้เชียนเสวี่ยไม่ยินยอม ทำให้หลี่รุ่ยร้อนรนจนทนไม่ไหว
เมื่อความโกรธเขาครอบงำ หลี่รุ่ยจึงพลั้งปาก ตะโกนกล่าวในสิ่งที่ตนเองคิดออกไป
“อวี้เชียนเสวี่ย ข้าหลงคิดว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง! หากมิใช่ท่านเอาเรื่องในอดีตเที่ยวไปเล่าให้นางฟัง แล้วเหตุใดอวี้หลัวช่าจึงมิยินยอมรักษาให้กับข้า ตอนนี้ท่านก็แข็งแรงทุกอย่างแล้ว เหตุใดจะต้องมาทำร้ายข้าด้วย!”
มองใบหน้าหลี่รุ่ยที่บิดเบี้ยวไม่น่ามอง ยามที่ตะโกนออกมาเมื่อครู่ อวี้เชียนเสวี่ยก็หน้าเข้มขรึมครุ่นคิดในใจ
ในตอนนั้น เขาหลงชอบหญิงผู้นี้ได้อย่างไรกัน
วัยหนุ่มไม่รู้จักรสชาติของความรักสินะ เมื่อลุ่มหลงก็ทุ่มเททั้งหมดที่มี ทั้งยังอาลัยอาวรณ์อยู่ตั้งหลายปี โง่เขลายิ่งนัก!
ในตอนนั้นเองที่อวี้เชียนเสวี่ยรู้สึกขอบคุณผู้ที่ทำลายลมปราณของเขาคนนั้น
หากไม่ได้คนผู้นั้นเขาก็คงมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลี่รุ่ย ไม่แน่นความเจ็บปวดทรมานอาจรอเขาอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้
“พระชายาลั่วหยางอ๋อง ท่านมาหาผิดคนแล้ว!”
อวี้เชียนเสวี่ยจับมือมู่เหนี่ยนซีเดินจากไป โดยที่ไม่แม้แต่หันกลับมามอง ทิ้งหลี่รุ่ยให้หนาวเหน็บไว้ตรงที่เดิม
“อวี้เชียนเสวี่ย เหตุใดท่านถึงได้ไร้หัวใจเช่นนี้!”
เสียงของหลี่รุ่ยดังไล่หลังอวี้เชียนเสวี่ย แต่เขาก็ยืดหลังตรง ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ไม่นานคนทั้งสองก็หายลับไปจากสายตาหลี่รุ่ย
ทำอย่างไรจะดี จะทำอย่างไรต่อไปดี!
หลี่รุ่ยรู้สึกว่าตนเองใกล้จะเป็นบ้าไปทุกขณะ มาจนถึงตอนนี้ นางมิมีหนทางให้ย้อนกลับไปอีกแล้ว!
ในขณะที่หลี่รุ่ยกำลังเตรียมตัวกลับ ราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างนั่นเองเสียงของคนที่อยู่ข้างเคียงก็ลอดมาเข้าหู
“หญิงผมสีน้ำตาลคนเมื่อครู่ ดูแลดูคุ้นตายิ่งนัก”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่รุ่ยก็พุ่งเข้าไปหาคนผู้นั้นทันที
“เจ้ารู้จักสตรีคนนั้นหรือ”
“พระ พระชายา…”
ชายคนนั้นตกใจขวัญกระเจิง
“ตอบคำถามของข้า!”
ถึงแม้ว่าต่อหน้าอวี้เชียนเสวี่ย หลี่รุ่ยนับเป็นพระชายาที่มีแต่ชื่อ
แต่หากเป็นต่อหน้าชาวบ้านธรรมดา นางยังมีรัศมีพระชายาเต็มเปี่ยม ซึ่งสามารถข่มขู่ผู้คนได้
“ผู้น้อยเป็นพ่อค้า เดินทางเทียบท่าอยู่แนวมหาสมุทร หญิงคนเมื่อครู่ดูแลคล้ายกับคนในประกาศจับของทางการ เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัด!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาหลี่รุ่ยก็สว่างวาบ หน้าเงยหน้ามองฟ้าแล้วหัวเราะออกมา
อวี้เชียนเสวี่ย ตระกูลอวี้เจ้าตั้งค่ายอารักขาเลียบมหาสมุทร แต่ท่านกลับจะแต่งงานกับนังโจรสลัด!
ลำพังฟ้องท่านข้อหานี้เพียงข้อหาเดียว ก็สามารถทำให้ตระกูลอวี้แบกรับโทษแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
ในเมื่อท่านไม่ยอมให้ข้าอยู่อย่างเป็นสุข เช่นนั้นท่านก็อย่าได้เป็นสุขเลย!