ตอนที่ 88-3 คิดข่มขู่ตระกูลอวี้ ปัญญาอ่อนหรือเปล่า

จำนนรักชายาตัวร้าย

ขณะเดียวกัน ของล้ำค่าทุกอย่างซย่าโหวอี้ก็จะส่งไปที่เรือนเม่ยเหนียงทั้งสิ้น

 

 

แม้กระทั่งว่า เพียงแค่เม่ยเหนียงเอ่ยปากว่าอยากจะได้เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร ซย่าโหวอี้ก็ตรงมาที่ห้องของหลี่รุ่ยหยิบเอาเจ้าแม่กวนอิมที่หลี่รุ่ยกราบไหว้อยู่ ไปมอบให้แก่เม่ยเหนียงทันที

 

 

ท่าทีซย่าโหวอวี้ ทำให้หลี่รุ่ยโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

 

 

ตั้งครรภ์น่ะใช่ แต่หญิงชายก็ยังไม่รู้ ยังให้ท้ายถึงขนาดนี้

 

 

หากว่าเม่ยเหนียงให้กำเนิดลูกชายหญิงสักคนขึ้นมาจริงๆ ละก็ นางมินอนกินค้ำหัวพระชายาแห่งจวนลั่วหยางอ๋องเช่นนางเลยหรือนี่

 

 

หลี่รุ่ยหารู้ไม่ ซย่าโหวอี้ไม่สนใจว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิงอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงแต่เด็กคลอดออกมาโดยปลอดภัยก็พอ

 

 

หลายปีที่ผ่านมานี้ เกิดข่าวลือต่างๆ นานา ผู้คนคอยหัวเราะเยาะว่าลั่วหยางอ๋องไม่เอาไหนเรื่องอย่างว่า จึงไม่มีทายาทเสียที ทำให้ซย่าโหวอี้โกรธจนเนื้อเต้น

 

 

แต่ความจริงย่อมสยบข่าวลือได้ดีที่สุด ในที่สุดเขาก็มีทายาทเสียที!

 

 

ยิ่งมีเด็กในท้องเม่ยเหนียงมาตอกย้ำ ในที่สุดหลี่รุ่ยก็ทนไม่ไหว ไปแอบยืนดักรออวี้เชียนเสวี่ยที่ซอยหน้าจวนตระกูลอวี้ รอคอยอวี้เชียนเสวี่ย

 

 

ในวันนี้เอง อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีเพิ่งกลับมาจากหอคืนชีพของอวี้เฟยเยียนด้วยกัน แต่ยังมิทันจะกลับถึงจวน ก็ถูกหลี่รุ่ยขวางเอาไว้

 

 

“เชียนเสวี่ย…”

 

 

หลี่รุ่ยที่อายุล่วงเลยสามสิบไปแล้ว สวมใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าชมพู ให้มองอย่างไรก็รู้สึกขัดแย้งชะมัด

 

 

ที่นางสวมใส่เช่นนี้ ก็เพื่อปลุกเรียกความทรงจำเมื่อครั้งอดีตระหว่างนางกับอวี้เชียนเสวี่ยขึ้นมา เพราะในอดีตอวี้เชียนเสวี่ยเคยบอกกับนางว่า นางผิวพรรณขาวใส สีฟ้าจะช่วยขับผิว ดังนั้นหลี่รุ่ยจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษในวันนี้

 

 

ทว่าหลี่รุ่ยคงจะลืมไปกระมังว่าตนเองมิใช่สาวน้อยที่รูปร่างสมส่วนงดงามอีกต่อไป แต่งกายเช่นนี้จึงไม่เหมาะสมกับกาลเทศะเอาเสียเลย

 

 

ถูกหลี่รุ่ยดักอยู่หน้าประตูบ้าน อวี้เชียนเสวี่ยปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก

 

 

ต่ำจนมิอาจหาอะไรมาเปรียบได้เลยจริงๆ!

 

 

นางเป็นหญิงที่มีได้ชื่อว่ามีสามีแล้ว ยังกล้าทำเรื่องดักหน้าดักหลังกลางถนนเช่นนี้อีก เจ้าหน้าไม่อาย แต่หน้ายังข้าต้องเอาไว้อยู่นะ!

 

 

“เรื่องอะไร”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยกุมมือของมู่เหนี่ยนซีแน่น กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“ข้า ข้าอยากจะพบท่าน!”

 

 

หลี่รุ่ยกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ดวงตาทั้งสองของนางจ้องมองไปที่อวี้เชียนเสวี่ย ในใจกำลังสับสนอย่างหนัก

 

 

เดิมทีนางคิดว่า ข่าวลือเกี่ยวกับอวี้เชียนเสวี่ยคงจะมีมูลความจริงอยู่บ้างแต่ ใครจะคาดคิด ว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามีเสน่ห์ที่แลดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าชายหนุ่มหน้าหยกที่แสนสง่างามในอดีตเสียอีก อวี้เชียนเสวี่ยในตอนนี้ต่างหากจึงเป็นอวี้เชียนเสวี่ยวัยฉกรรจ์เต็มตัว เป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดของเขา

 

 

ว่าแล้วก็หวนนึกไปถึงพุงย้อยๆ ของซย่าโหวอี้ กับรูปร่างงุ่มง่าม รวมทั้งพละกำลังที่ไม่เป็นไปดั่งใจหวังของซย่าโหวอี้ หลี่รุ่ยยิ่งรู้สึกว่าตนเองมีตาหามีแววไม่ยิ่งนัก

 

 

“ท่านต้องการพบบุรุษของข้าทำไมกัน”

 

 

มู่เหนี่ยนซียืนขวางกั้นอยู่หน้าอวี้เชียนเสวี่ยอย่างไม่เกรงใจ แล้วกล่าวต่อว่า

 

 

“ท่านเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว จะต้องรักษาจารีตแห่งความเป็นหญิง! อย่าเอาแต่วันๆ คอยแต่จ้องมองบุรุษของข้า! หากว่าท่านอ๋องท่านให้ความสุขท่านไม่เพียงพอละก็ ในเมืองนี้มีชายให้เช่ามากมาย ท่านก็ไปเช่าสักคนแล้วกัน!”

 

 

นับตั้งแต่ที่มู่เหนี่ยนซีรู้ว่าเมืองหลวงมีสถานเริงรมย์ชาย นางก็อดตื่นเต้นมิได้ ตั้งใจจะไปสำรวจดูสักครั้ง

 

 

แต่สุดท้ายก็ถูกอวี้เชียนเสวี่ยใช้กำลังรั้งตัวเอาไว้

 

 

ถึงตอนนี้เมื่อเห็นหลี่รุ่ยท่าทางมิสบอารมณ์ มู่เหนี่ยนซีจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป

 

 

บุรุษของข้า เจ้าอย่าได้คิดมาแตะต้อง!

 

 

นับตั้งแต่ตอนที่หลี่รุ่ยเข้าขวางอวี้เชียนเสวี่ยเอาไว้ ผู้คนรอบข้างมากมายก็หยุดฝีเท้าแอบมองดูเหตุการณ์ รวมกับคำพูดที่มู่เหนี่ยนซีกล่าวขึ้นมาเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที

 

 

หญิงชั่วแซ่หลี่เสียใจภายหลัง ต้องการที่จะหวนคืน!

 

 

“ท่าน เหตุใดถึงได้สำส่อนเช่นนี้นะ!”

 

 

หลี่รุ่ยถูกคำพูดของมู่เหนี่ยนซีจี้ใจดำให้อับอายจนกลายเป็นโกรธแค้นด่าทอมู่เหนี่ยนซี

 

 

“เจ้า…เจ้าพ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอนหรืออย่างไรกัน สตรีเช่นเจ้า จะคู่ควรกับอวี้เชียนเสวี่ยได้อย่างไรกัน!”

 

 

มู่เหนี่ยนซีได้ยินเช่นนั้นก็เตรียมเอ่ยโต้กลับ แต่ก็ถูกอวี้เชียนเสวี่ยห้ามเอาไว้

 

 

สตรีของเขาถูกด่าทอเช่นนี้ ควรเป็นเขาออกหน้าแทนสิ!

 

 

“พระชายาลั่วหยางอ๋อง คู่หมั้นข้าได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี จึงไม่จำเป็นที่ท่านจะมาสั่งสอน! ข้ารักนางมาก จึงไม่ต้องการให้มีเรื่องอันใดมาทำให้นางไม่สบายใจ หวังว่าท่านจะรู้จักอะไรควรมิควร! หากว่ามีครั้งหน้า เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

 

 

คำพูดอวี้เชียนเสวี่ย ทำให้ผู้คนมากมายชื่นชม

 

 

ปกป้องสตรีของตนมิให้โดนรังแก นี่สิจึงสมเป็นลูกผู้ชายตัวจริง!

 

 

“เชียนเสวี่ย เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้…”

 

 

หลี่รุ่ยจ้องมองอวี้เชียนเสวี่ยด้วยอาการตกตะลึง รู้สึกว่าตนเองแทบจะไม่รู้จักเขาเสียแล้ว

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยในอดีตที่แสนจะอ่อนโยนหายไปไหนกัน!

 

 

ต่อให้ตระกูลหลี่เคยเหยียบย่ำทอดทิ้งตระกูลอวี้มาก่อน อวี้เชียนเสวี่ยก็ยังมิเคยกล่าวว่าด่าทอนางแม้แต่น้อย ทั้งยังอวยพรนางด้วยซ้ำ

 

 

เหตุใดตอนนี้เขาถึงแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้

 

 

ใจร้ายกับหญิงอื่น จึงนับเป็นการจริงใจต่อสตรีของตนเอง!

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยก้มหน้าลง มองมู่เหนี่ยนซีแล้วกล่าวว่า

 

 

“ข้าจะทำให้ภรรยาของข้าต้องเสียใจ เพียงเพราะคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร!”

 

 

คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง…

 

 

คราวนี้ หลี่รุ่ยหัวใจสลายอย่างที่สุด

 

 

ความรักที่ถึงขนาดเคยเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมา ถูกคำพูดเพียงประโยคเดียวที่ว่า คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำลายลงจนหมดสิ้น

 

 

ในเมื่อใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายไม่ได้ผล หลี่รุ่ยจึงกล่าวจุดประสงค์ของตนออกมาตรงๆ

 

 

“ข้าอยากที่จะพบอวี้หลัวช่า แต่นางมิยอมพบข้า เชียนเสวี่ย ท่านจะเห็นแก่ที่เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ช่วยพูดแทนข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่”

 

 

“หึ เจ้าว่าอะไรนะ”

 

 

เมื่อรู้ว่าหลี่รุ่ยมาหาตนเองด้วยเหตุนี้จริงๆ อวี้เชียนเสวี่ยก็รู้สึกขำขันยิ่งนัก

 

 

คิดว่าคนอื่นคือพระผู้ช่วยให้ตนเองรอดจริงหรือ

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกตระเตรียมเอาไว้ให้เจ้าแล้วอย่างนั้นสิ!

 

 

“ช่วยให้นางรักษาอาการป่วยให้ข้า ข้าต้องการลูกสักคน!”

 

 

เมื่อนึกถึงภาพที่เม่ยเหนียงเสพสุขทำท่าทีวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในจวนลั่วหยางอ๋อง หลี่รุ่ยก็กัดฟันกล่าวจุดประสงค์ของตนเองออกมา

 

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน เพราะอะไรเจ้าถึงคิดว่าอวี้หลัวช่าจะต้องเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด”

 

 

เห็นว่าอวี้เชียนเสวี่ยไม่ยินยอม ทำให้หลี่รุ่ยร้อนรนจนทนไม่ไหว

 

 

เมื่อความโกรธเขาครอบงำ หลี่รุ่ยจึงพลั้งปาก ตะโกนกล่าวในสิ่งที่ตนเองคิดออกไป

 

 

“อวี้เชียนเสวี่ย ข้าหลงคิดว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง! หากมิใช่ท่านเอาเรื่องในอดีตเที่ยวไปเล่าให้นางฟัง แล้วเหตุใดอวี้หลัวช่าจึงมิยินยอมรักษาให้กับข้า ตอนนี้ท่านก็แข็งแรงทุกอย่างแล้ว เหตุใดจะต้องมาทำร้ายข้าด้วย!”

 

 

มองใบหน้าหลี่รุ่ยที่บิดเบี้ยวไม่น่ามอง ยามที่ตะโกนออกมาเมื่อครู่ อวี้เชียนเสวี่ยก็หน้าเข้มขรึมครุ่นคิดในใจ

 

 

ในตอนนั้น เขาหลงชอบหญิงผู้นี้ได้อย่างไรกัน

 

 

วัยหนุ่มไม่รู้จักรสชาติของความรักสินะ เมื่อลุ่มหลงก็ทุ่มเททั้งหมดที่มี ทั้งยังอาลัยอาวรณ์อยู่ตั้งหลายปี โง่เขลายิ่งนัก!

 

 

ในตอนนั้นเองที่อวี้เชียนเสวี่ยรู้สึกขอบคุณผู้ที่ทำลายลมปราณของเขาคนนั้น

 

 

หากไม่ได้คนผู้นั้นเขาก็คงมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลี่รุ่ย ไม่แน่นความเจ็บปวดทรมานอาจรอเขาอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้

 

 

“พระชายาลั่วหยางอ๋อง ท่านมาหาผิดคนแล้ว!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยจับมือมู่เหนี่ยนซีเดินจากไป โดยที่ไม่แม้แต่หันกลับมามอง ทิ้งหลี่รุ่ยให้หนาวเหน็บไว้ตรงที่เดิม

 

 

“อวี้เชียนเสวี่ย เหตุใดท่านถึงได้ไร้หัวใจเช่นนี้!”

 

 

เสียงของหลี่รุ่ยดังไล่หลังอวี้เชียนเสวี่ย แต่เขาก็ยืดหลังตรง ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ไม่นานคนทั้งสองก็หายลับไปจากสายตาหลี่รุ่ย

 

 

ทำอย่างไรจะดี จะทำอย่างไรต่อไปดี!

 

 

หลี่รุ่ยรู้สึกว่าตนเองใกล้จะเป็นบ้าไปทุกขณะ มาจนถึงตอนนี้ นางมิมีหนทางให้ย้อนกลับไปอีกแล้ว!

 

 

ในขณะที่หลี่รุ่ยกำลังเตรียมตัวกลับ ราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างนั่นเองเสียงของคนที่อยู่ข้างเคียงก็ลอดมาเข้าหู

 

 

“หญิงผมสีน้ำตาลคนเมื่อครู่ ดูแลดูคุ้นตายิ่งนัก”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่รุ่ยก็พุ่งเข้าไปหาคนผู้นั้นทันที

 

 

“เจ้ารู้จักสตรีคนนั้นหรือ”

 

 

“พระ พระชายา…”

 

 

ชายคนนั้นตกใจขวัญกระเจิง

 

 

“ตอบคำถามของข้า!”

 

 

ถึงแม้ว่าต่อหน้าอวี้เชียนเสวี่ย หลี่รุ่ยนับเป็นพระชายาที่มีแต่ชื่อ

 

 

แต่หากเป็นต่อหน้าชาวบ้านธรรมดา นางยังมีรัศมีพระชายาเต็มเปี่ยม ซึ่งสามารถข่มขู่ผู้คนได้

 

 

“ผู้น้อยเป็นพ่อค้า เดินทางเทียบท่าอยู่แนวมหาสมุทร หญิงคนเมื่อครู่ดูแลคล้ายกับคนในประกาศจับของทางการ เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัด!”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาหลี่รุ่ยก็สว่างวาบ หน้าเงยหน้ามองฟ้าแล้วหัวเราะออกมา

 

 

อวี้เชียนเสวี่ย ตระกูลอวี้เจ้าตั้งค่ายอารักขาเลียบมหาสมุทร แต่ท่านกลับจะแต่งงานกับนังโจรสลัด!

 

 

ลำพังฟ้องท่านข้อหานี้เพียงข้อหาเดียว ก็สามารถทำให้ตระกูลอวี้แบกรับโทษแทบไม่ไหวอยู่แล้ว

 

 

ในเมื่อท่านไม่ยอมให้ข้าอยู่อย่างเป็นสุข เช่นนั้นท่านก็อย่าได้เป็นสุขเลย!