TQF:บทที่ 503  สาสน์สงครามส่งมาถึง (2)

 

“ทุกคนวางใจเถอะ ต่อให้พวกเราเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่พวกเราพ่ายแพ้ไม่ได้ แต่เอาคืนให้ทุกคน ข้าเชื่อว่ายังทำได้อยู่”

 

นัยต์ตาของเฒ่าผีมีประกายแห่งความมั่นใจอยู่ ร่างผอมแห้งนั้นอยู่ๆก็ราวกับดูยิ่งใหญ่ขึ้นมา “ทุกท่านเตรียมตัวให้ดี 10วันให้หลังเราจะออกเดินทาง รบครั้งมหากาฬกับพวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน ต่อให้ต้องแพ้ พวกเราก็ขอแพ้แบบสมศักดิ์ศรี ให้พวกเขาเต็มใจแบ่งพื้นที่มาให้คนของเราได้อาศัยอยู่”

 

“ได้ พวกเราต้องทำให้ได้”

 

“เฒ่าผีพูดได้ดี ต่อให้พวกเราต้องตายก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้อยู่อย่างสุขสบาย แล้วก็ต้องให้พวกเขาแบ่งพื้นที่ดีๆมาให้พวกเราด้วย”

 

“พวกเราต้องทำให้ได้ แล้วก็ให้ทุกคนได้ย้ายออกจากเมืองโลกทมิฬโดยเร็ว”

 

“ไม่ว่ายังไงเมืองโลกทมิฬก็อยู่ต่อไม่ได้แล้ว เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีที่อยู่ที่มั่นคงพวกเราจะใจอ่อนไม่ได้ คนพวกนั้นน่ะสมควรตาย”

 

แต่ละคนกำมือแน่นพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

 

“เฒ่าผี ครั้งนี้ยาพิษของกลุ่มเทียนยีจะขายให้ทุกคนด้วยรึเปล่า ตอนนี้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนมียาที่เรียกว่ายาเม็ดเป้าพั่ว ถ้าพวกเราไม่ใช้พิษละก็ ไม่มีทางที่จะต่อกรกับพวกเขาได้”

 

“ทำไมถึงมีของแบบยาเม็ดเป้าพั่วได้ ของแบบนี้คนของเราต้านทานไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามีสิ่งนี้และทำร้ายผู้ฝึกฝนวิทยายุทธของพวกเราไปนับแสน อย่างน้อยพวกเรายังยื้อต่อไปได้อีกหลายเดือน” เล้งยี่เฉินหัวหน้ากลุ่มวั่งเทียนกล่าว

 

“พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ทุกคนไปเตรียมตัวก่อน อีก 10 วันออกเดินทาง”

 

สิ่งที่ต้องพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว เฒ่าผีก็ขี้เกียจจะพูดอะไรอีก ไม่ทันที่พวกเขาจะจากไปเฒ่าผีก็หายตัวจากไปก่อน

 

ทุกคนพากันออกจากกลุ่มเทียนยีไป

 

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน

 

วินาทีที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวลืมตา ก็เห็นใบหน้าหมดอาลัยตายอยากจนนางชะงักไป “เจ้าเป็นอะไรไป”

 

“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าตื่นแล้ว” เฝ้ามา 8 วันเต็มๆ โม่ซวนซุนวางใจได้สักทีเมื่อเห็นนางตื่นขึ้นมาในที่สุด

 

เห็นสภาพเขาแบบนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ “ทำไมเจ้าเป็นแบบนี้ล่ะ”

 

“ข้า? ข้าไม่ได้เป็นอะไร แค่ช่วงนี้ข้าไม่ได้ดูแลตัวเอง” โม่ซวนซุนคลี่ยิ้ม ลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ย “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าหิวแล้วล่ะสิ ข้าไปทำอะไรให้เจ้ากิน”

 

ไม่ทันที่นางจะรู้สึกตัว เขาก็ออกไปด้วยความไวอย่างกับลมพัดผ่านไป

 

“เอิ่ม…” กระพริบตานิดหน่อย สติของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวคืนกลับมาเหมือนปกติแล้ว ในที่นางก็รู้สึกสบายตัวสักที

 

บิดขี้เกียจ 1 ที กำลังจะเตรียมตัวล้างหน้าล้างตัวก็มีร่างเล็กๆร่างหนึ่งหายตัวเข้ามา

 

“คุณหนู เก่งนะเนี่ยนอนไปตั้ง 8 วัน” หยูเฮงเอ่ยยิ้มๆ

 

“อะไรนะ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอึ้งไป นึกว่าตัวเองฟังผิด “8 วัน? เจ้าจะบอกว่าข้านอนไป 8 วันรึ ไม่ใช่ละมั้ง”

 

“แน่นอนสิเจ้าคะ ข้าจะหลอกท่านทำไม”

 

บนใบหน้าของหยูเฮงมีรอยยิ้มอันสดใส “อย่าบอกว่าท่านไม่อยากจะเชื่อเลย ข้าเองก็ตกใจแทบแย่ คุณชายน่ะใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เฝ้าท่านตลอดไม่ยอมไปไหนเลย”

 

“เอ่อ เอ่อ”

 

ไม่มีอะไรจะเถียง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ช่างมันเถอะ จริงสิ สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”

 

“เฮ่ะเฮ่ะ คุณหนู ท่านเดาไม่ออกแน่”

 

“เดาไม่ออก? เกิดอะไรขึ้น หรือว่าสงครามจบลงแล้วในไม่กี่วันนี้”

 

“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่”

 

“หมายความว่ายังไง”

 

“เฮ่ะๆๆ คุณหนูเดาไม่ออกจริงๆด้วย” หยูเฮงหัวเราะอย่างได้ใจ “คุณหนู ยาเม็ดเป้าพั่วของเราระเบิดจนผู้ฝึกตนวิถีมารหนีกระเจิงไปหมดแล้ว ไม่กล้ารบอีก”

 

“แค่เนี้ยนะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วขี้น แปลกใจเล็กน้อย

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่”

 

หยูเฮงส่ายหัว “เมื่อวานได้รับสาสน์สงครามจากเมืองโลกทมิฬ ยังเหลือศึกครั้งสุดท้าย”

 

“ยังจะรบอีก? พวกเขาไม่กลัวตายกันรึไง?”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้ หรือว่าคนพวกจริงจะไม่กลัวตายกันจริงๆ

 

ที่จริงสู้กันมาหลายครั้งแล้ว พวกเขาล่าถอยไปด้วยความพ่ายแพ้ จำนวนคนที่เหลืออยู่น่าจะไม่เยอะนะ ทำไมพวกเขายังส่งสาสน์สงครามมาอีก

 

สาสน์สงคราม?

 

“หยูเฮง สาสน์สงครามที่พวกเขาส่งมาว่าอย่างไรบ้าง พวกเขาจะทำอะไร”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งพูดจบก็มีเสียงไม่สบอารมณ์ดังมาจากหน้าประตู “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องบ้าๆพวกนี้หรอก มากินข้าวเร็ว”

 

เสียงมาถึงแล้วคนก็ปรากฏตัวขึ้นตามมา กลิ่นหอมฉุยลอยเข้ามา โม่ซวนซุนถือถ้วยและยาตุ๋นบำรุงเข้ามา

 

“ว้าว หอมจังเลย คุณชายเองจริงรึเปล่าเนี่ย” หยูเฮงเบิกตางาม ถามด้วยใบหน้าประหลาดใจ

 

โม่ซวนซุนเหล่มองนางก่อนจะเอ่ยเรียบๆ “ข้าทำเองแล้วยังไง หยูเฮง ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่กินของพวกนี้นี่ หรือว่าตอนนี้อยากจะลองดู”

 

“คุณชายนี่ขี้งกจริงๆเลย วางใจเถอะ ข้าไม่กินอาหารที่ปรุงด้วยความรักของท่านหรอก เก็บไว้ให้คุณหนูค่อยๆกินเถอะ” หยูเฮงเบ้ปาก แกล้งทำเป็นไม่สนใจ

—————————–