จ่านมู่ฮวาลองถามขึ้นว่า “ครั้งนั้นเป็นเพราะคุณช่วยเขาไว้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าเขามีโอกาสที่จะพิการ…”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกอยากจะจู่โจมเขาอีกรอบ คำถามนี้เธอรู้ดี จ่านป๋ายอาจจะมีโอกาสเป็นผู้พิการ ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ก็เป็นผู้ชายสารเลวหน้าสวยที่อยู่ตรงหน้า จ่านป๋ายพูดเองว่าเขาเป็นคนไม่สมประกอบ
แต่ตอนนั้นเหตุผลหลักที่ซีเหมินจินเหลียนยอมให้เขามาอยู่ด้วยกันก็เพราะว่าเขาอาจจะพิการ และคงไม่ได้สร้างความอันตรายให้แก่เธอ
จ่านมู่ฮวาคลึงข้อมือของตนที่มีรอยช้ำสีเขียวของแส้อยู่ “ถ้าคุณรักเขา นั่นมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา สายเมื่อสักครู่ที่โทรมาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นจินอ้ายกั๋ว ถึงว่าเธอถึงรู้สึกคุ้นเบอร์อย่างบอกไม่ถูก ในเมื่อเป็นอย่างนี้แสดงว่าจ่านมู่ฮวาก็เคยค้นหาอาการบาดเจ็บของจ่ายป๋าย? แต่จินอ้ายกั๋วบอกว่าจ่านป๋ายอาจจะมีโอกาสฟื้นกลับมาเป็นปกติ
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ จ่านมู่ฮวาก็คงจะยังแน่ใจไม่ได้ เขาเพียงแค่ทดสอบจิตใจเธอเท่านั้นสินะ?
“ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเสี่ยวป๋ายอยู่ที่นี่ คุณคงไม่มาเหลียวตามองฉันหรอกใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนพูดจากระแทกแดกดัน
จ่านมู่ฮวาพยักหน้าพูด “ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่นับจากนี้เป็นต้นไป มันไม่เหมือนกัน”
“มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ผู้ชายอย่างคุณ ยังมีผู้หญิงที่ไม่ต้องการคุณด้วยเหรอ”
“นั่นก็จริง แต่คุณกลับไม่สนใจผม” จ่านมู่ฮวายิ้ม “บางครั้งผู้ชายก็ชอบหาเรื่อง คิดว่ามาถึงหน้าประตูก็มักจะเป็นของไม่ดีมีตำหนิ ส่วนของที่คว้ามาไม่ได้กลับดีที่สุด ส่วนผมก็เป็นเช่นนั้น ถูกคุณตีตั้งหลายรอบ แต่คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกใจเต้นแรง
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน ผู้ชายมากมายต่างก็เป็นแบบนี้ สำหรับของที่หาง่ายก็มักคิดว่าเป็นของไม่ตื่นเต้นท้าทาย ส่วนของที่ได้มายากหน่อยมักจะเป็นของดี แต่คนที่พูดเปิดอกหมดอย่างจ่านมู่ฮวาก็มีน้อย
“นี่คุณกำลังสารภาพรักกับฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผู้หญิงสวยกับหยกงาม ผมก็ชอบทั้งหมด ผู้หญิงแปลกๆ อย่างคุณ ชั่วชีวิตนี้ผมไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “อีกทั้งคุณยังมีหยก ที่คนมากมายไม่เคยได้พบเจอมาก่อน…”
ซีเหมินจินเหลียนกระตุกมุมปากยิ้มขึ้นอย่างจนปัญญา ที่คนส่วนมากมองมักจะไม่ใช่ความเป็นตัวเธอ แต่เป็นหยกทั้งหลายที่เธอมีไว้ในครอบครอง รวมไปถึงความสามารถพิเศษในการเดิมหยกของเธอ ถ้าหากไม่มีสิ่งพวกนี้ อย่าพูดถึงผู้ชายอย่างจ่านมู่ฮวา ฉินเฮ่าหรือหลินเสวียนหลานเลย แม้แต่หวังหมิงเหยาผู้ชายคนนั้นก็ยังทิ้งเธอ
ถ้าสักวันหนึ่งที่ซีเหมินจินเหลียนสูญเสียหยกทั้งหมดไป ถึงเธอจะหิวตายอยู่ข้างถนน ก็คงไม่มีใครที่จะมาชายตามองเธอ
“คุณซีเหมิน คุณจะลองพิจารณาสักหน่อยได้ไหม ยอมให้ผมจีบเถอะนะ?” จ่านมู่ฮวาใช้โอกาสนี้เข้าใกล้เธอ ก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์
ซีเหมินจินเหลียนรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ยอมให้เขาจีบเหรอ? นั่นมันก็เป็นเรื่องที่บ้าบอมาก
“คุณซีเหมิน คุณก็น่าจะรู้ว่าในตระกูลจ่านตำแหน่งของมู่หรงสู้ผมไม่ได้สักนิด ถึงกระทั่งคุณพ่อเคยประกาศว่าเขาไม่มีสิทธิ์คู่ควรที่จะเป็นทายาทสืบทอดของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะพิการ ส่วนฉินเฮ่าก็มีลูกพี่ลูกน้องสาวโรคจิตตามติดอยู่ ดูจากลักษณะภายนอกแล้วเขาก็หน้าตาดูธรรมดา ไม่คู่ควรที่จะพูดถึง ส่วนหลินเสวียนหลานนั่นก็ไม่เลวเลย แต่ก็เอาเถอะ รอให้เขารอดผ่านคืนนี้ไปได้แล้วค่อยพูดกัน” จ่านมู่ฮวาพูดเหมือนเรื่องไม่ได้ใหญ่โตอะไร
“คุณว่ายังไงนะ?” ซีเหมินจินเหลียนตกใจยกใหญ่ ประโยคก่อนหน้านี้เธออาจจะไม่ได้ใส่ใจ เธอกับ จ่านป๋ายอยู่ด้วยกันมานาน ถึงแม้จะเป็นคนพิการแล้วจะทำไม? ส่วนฉินเฮ่าเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเสมอ และไม่ได้คัดค้านกับการที่เขาจะจีบเธอ…
ก่อนหน้าที่เธอยังไม่ได้เดิมพันหยก ฉินเฮ่าเคยโทรมาหา วิดีโอคอล บอกกับเธอซึ่งๆ หน้าถึงความรู้สึกที่เขามีให้เธออย่างสุดซึ้ง ในเรื่องนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ต่อต้านเขา อย่างน้อยที่เขามาก็ไม่ใช่เพราะเรื่องหยกอย่างเดียว
ส่วนหลินเสวียนหลาน ผู้ชายคนที่พาเธอเข้ามาในโลกแห่งการเดิมพัน…
ในใจของเธอก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก และยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ในเวลาที่เธอไม่รู้จะพึ่งใคร เป็นเขาที่คอยให้ความหวังแก่เธอ…
ถ้าหากคืนวันนั้น เธอไม่ได้เจอกับหลินเสวียนหลาน แล้วตอนนี้เธอจะเป็นยังไง? ซีเหมินจินเหลียนไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย
“ไม่มีอะไรหรอก” จ่านมู่ฮวาเอนตัวพิงโซฟา ก้มหน้ามองคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนเป็นจุดบนเสื้อขาวลายตารางของเขา แล้วยิ้มจางๆ
“คุณ…คุณจะทำอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างตกใจ
“ผมเป็นคนดี” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างไร้เดียงสา “คนที่ทำเรื่องเลวคือฉินซิน ผมมาเตือนคุณด้วยความปรารถนาดีนะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคุณยังจะมามัดผมแบบนี้…”
ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วเดินไปที่ราวบันไดข้างหน้า หยิบเชือกที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินไปที่ข้างๆ ของจ่านมู่ฮวาแล้วส่งเชือกยื่นไปให้เขาแล้วพูด “ถ้าอย่างนั้นคุณก็มัดฉันแล้วตีสักรอบ แล้วเราหายกัน”
จ่านมู่ฮวามองไปที่เธอ ไม่นานก็หัวเราะออกมา “คุณนี่ก็น่ารักจริงๆ! ขอแค่คุณรับปากคำขอร้องจากผม ตอนนี้ผมจะปล่อยหลินเสวียนหลาน แต่ผมไม่รับรองว่าอนาคตจะไม่ลงมือกับเขา…หรือพูดว่าฉินซินจะไม่ลงมือเขาอีก เป็นอย่างไร?”
“หลินเสวียนหลานอยู่ในมือคุณ?” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันถาม เมื่อครู่นี้เธอน่าจะตีเขาให้หนักหน่อย
จ่านมู่ฮวาพยักหน้าลง ซีเหมินจินเหลียนจึงถามขึ้นว่า “จะพิสูจน์ได้อย่างไร”
จ่านมู่ฮวาคว้ามือถือมาแล้วโทรไปที่เบอร์หนึ่ง เพียงไม่นานก็มีคนรับ “เหล่าเลี่ยวเหรอ? ให้หลินเสวียนหลานพูดสายหน่อย…”
ไม่นาน จ่านมู่ฮวาก็นำมือถือส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนรับมา ภายในมือถือมีเสียงของหลินเสวียนหลานส่งเข้ามา “ฮัลโหล…”
“พี่หลิน ฉันเองค่ะ!” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกอยากร้องไห้ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นคลอน ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้
“จินเหลียน ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร แต่คุณปู่ตายแล้ว มีเรื่องขึ้นนิดหน่อย…” หลินเสวียนหลานยังพูดไม่ทันจบก็มีคนมาแย่งมือถือไปจากเขา เธอพอจะได้ยินเสียงวุ่นวายอยู่บ้าง
จ่านมู่ฮวายื่นมือมา ซีเหมินจินเหลียนส่งมือถือให้เขาอย่างงงๆ จ่านมู่ฮวายิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วรับมือถือมาแล้วพูดต่อว่า “เหล่าเลี่ยวไว้หน้าน้องชายที่รักของผมด้วย แล้วปล่อยหลินเสวียนหลานเสีย”
ซีเหมินจินเหลียนมองแต่เขา ในมือถือยังมีเสียงซ่อนเร้นดังขึ้น แต่เธอได้ยินไม่ชัดเจน
“วางใจได้ ทางฉินซินยังมีผม!” จ่านมู่ฮวาพูดเสร็จก็วางสายไป
“คนผมก็ปล่อยแล้ว อีกสักพักคุณลองโทรไปหาถามเรื่องความปลอดภัยของเขาได้ คุณซีเหมิน ตอนนี้พวกเรามาพูดเรื่องอะไรสักหน่อยดีไหม?” จ่านมู่ฮวาพูด
“เดี๋ยวค่อยพูด! ฉันต้องการแน่ใจว่าหลินเสวียนหลานปลอดภัยดี” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ได้สิ” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าอย่างสุภาพบุรุษ
เวลาผ่านไปประมาณห้านาที มือถือของซีเหมินจินเหลียนก็ดังขึ้น ซีเหมินจินเหลียนหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์ของจ่านป๋าย เช่นนั้นก็พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวป๋าย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไรครับ หลินเสวียนหลานก็ปลอดภัยดี ตอนนี้พวกเรากำลังกลับบ้านตระกูลหลิน ก่อนหลินเสวียเหวินจะตาย เขาได้ทิ้งของเอาไว้ ของนี้ไม่เพียงแต่กระทบกับการแบ่งทรัพย์สมบัติในตระกูล แต่ยังมีผลต่อสาเหตุการตายของเขาอย่างแท้จริงด้วย แต่ผู้ดูแลอย่างทนายจางกลับหายตัวไป…” เสียงของจ่านป๋ายถ่ายทอดมาทางมือถือ
“หา! แล้วทนายจางคนนั้นไปไหน” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย พูดพลางอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองยังจ่านมู่ฮวา
“ผมว่า ผมเริ่มรู้ปมของเรื่องแล้ว คุณรีบพักผ่อนก่อนเถอะ ผมน่าจะกลับไปพรุ่งนี้ จินเหลียน…คุณเป็นยังไงบ้างครับ” จ่านมู่ฮวารู้สึกว่าน้ำเสียงของซีเหมินจินเหลียนมีความผิดแปลกต่างจากเดิม
“มะ…ไม่เป็นไร…จ่านมู่ฮวาอยู่กับฉันที่นี่…” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“คุณว่ายังไงนะ?” จ่านป๋ายถามอย่างตกใจ
“ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะรอคุณกลับมา!” ซีเหมินจินเหลียนพูดแล้วตัดสายโทรศัพท์ไป
จ่านมู่ฮวาหยิบกล่องกำมะยีมาจากกระเป๋าเสื้อสูท นอกจากนั้นยังมีบัตรวีไอพีส่งไปให้ “ผมให้คุณ”
ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองไปที่บัตรวีไอพีนั่น เป็นบัตรคลับหยกวีไอพี ตัวอักษรสีเขียวเหมือนหยกชนิดแก้วสีเขียวสด คลับหยกระดับสูงมีการใช้จ่ายมหาศาล เธอจะเอาบัตรนี้ไปทำอะไรกัน
“ฉันไม่ต้องการ และคงไม่ได้ใช้” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว
“นิทรรศการและการแสดงสินค้าจากเครื่องประดับหยกหนึ่งครั้งในรอบสามปี จัดงานที่คลับหยกนั่น นอกจากนั้นยังมีการเดิมพันหยกด้วย” จ่านมู่ฮวายิ้มมุมปาก “ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากพลาดโอกาสนี้หรอกใช่ไหม? รอคุณซื้อหุ้นตระกูลหลินให้เสร็จก็ใช้โอกาสนี้จัดนิทรรศการหยก จากนั้นก็เปิดตลาด หยกของตระกูลหลินตอนนี้ ไม่มีการแข่งขันในตลาดเลย”
“งานนิทรรศการทำไมถึงยังมีการเดิมพันหยกด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนรับบัตรมาแล้วถามขึ้น
“ตลาดเครื่องประดับภายในประเทศ ความจริงแล้วหลักๆ ก็เป็นหยก หยกมีสีสันหลากหลาย เปรียบเทียบกับอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แต่ตลาดของหยกยังค่อนข้างหดหู่ใจอยู่ คุณรู้สาเหตุหรือเปล่า?” จ่านมู่ฮวาถาม หยกของคนจีนไม่มีหนทางที่จะตีตลาดต่างชาติได้ ตรงกันข้ามเพชรยังมาแย่งตลาดในจีนมากกว่า
คนส่วนมากแต่งงานก็มักจะซื้อแหวนเพชรเป็นของหมั้น น้อยคนนักที่จะซื้อหยก
“ตลาดหยกเลยไม่เป็นที่นิยม” ซีเหมินจินเหลียนยังพอรู้ถึงข้อเสียของตลาดหยก “คนส่วนมากไม่เข้าใจในหยก ซื้อไปด้วยเงินก้อนใหญ่ แต่สุดท้ายก็ได้ของปลอมกลับมา”
จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ส่วนอีกข้อก็คือหยกที่ดีจะหายากเสียยิ่งกว่าเพชร หยกมีแหล่งกำเนิดแค่ที่พม่า แต่มาเจริญรุ่งเรืองที่จีน การเดิมพันสายนี้ เพราะว่ามันมีผลกำไรมหาศาลอยู่ในตัว ทำให้คนนับไม่ถ้วนยอมที่จะเสียสละทุ่มทน เพราะฉะนั้นนิทรรศการหยกที่จะจัดขึ้นในรอบสามปีนี้ ไม่เพียงแต่จัดแสดงสินค้าหยกเท่านั้น แต่เบื้องหลังยังมีการเดิมพันหยก หยกทุกชิ้นต่างมีลักษณะต่างกัน ในนั้นต่างมีแต่ความท้าทาย แม้แต่งานประมูลในพม่า ก็ไม่อาจเทียบได้”
ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจดี ตอนที่อยู่ที่เจียหยาง เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับการเดิมพันตัด เดิมพันแหล่งกำเนิดของหยก เดิมพันสี และการเดิมพันต่างๆ มากมายในนั้น เกรงว่าการเดิมพันในนิทรรศการหยกนี้ คงจะมีการเดิมพันอย่างอื่นที่เพิ่มขึ้น