บทที่ 272

จุดจบ

ที่ริมหน้าผา มู่หรงเสวี่ยเห็นรองประธานหยุดลง เธอปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณออกไปเพราะอยากที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร

“ที่นี่คือที่ที่พวกเจ้าจะต้องปฏิบัติภารกิจ!” รองประธานพูดออกมาอย่างสบายๆ

หลินหนานมองลงไปข้างล่าง หน้าผาลึกจนมองไม่เห็นข้างล่าง ที่ก้นหน้าผามืดไปหมดและเขามองไม่เห็นอะไรเลย เขารับรู้ได้ถึงความเย็นที่ใบหน้าตัวเอง ดวงตาของหลินหนานแวบประกายเย็นชา นี่เป็นการปล่อยให้พวกเขามาตายชัดๆเลย

“อาจารย์ใหญ่ครับ ภารกิจอะไรที่เราจะต้องทำที่ข้างล่างนั่น?” เขายื่นมือออกไปและดึงหวู่เสี่ยวเหมยพร้อมทั้งคนอื่นๆให้มายืนข้างๆเขาและพวกเขาต่างก็มายืนเคียงข้างกัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!! เป็นภารกิจที่พวกเจ้าจะต้องยอมสละชีวิตตัวเองไง” รองประธานหยินพูดพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าเดิมที่ดูแลปกๆอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับปกปิดความน่าเกลียดไว้ไม่มิด

หลินหนานและคนอื่นๆรีบกำอาวุธไว้ในมือทันทีแล้วจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเราคงจะรับภารกิจแบบนั้นไม่ได้…” ในหัวใจของพวกเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกหลอก ในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้ไม่มีใครอยู่เลย ถึงแม้พวกเขาจะต้องตายที่นี่ก็เดาได้ว่าคงจะไม่มีใครรู้เรื่องแน่ๆ

เพราะชื่อเสียงที่ดีมากๆของสำนักหลงหยู่จึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย อีกอย่างคนคนนี้ก็ยังเป็นถึงรองประธานด้วย พวกเขาจึงคิดว่าได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าที่ข้างล่างหน้าผาจะมีอะไรแต่เขาก็รู้ว่ามันจะต้องอันตรายมากแน่ๆ ตอนนี้พวกเขาตื่นตัวเป็นพิเศษ แต่รองประธานกลับไม่สนใจอะไรเลย เขายังคงเดินเข้ามาใกล้หน้าผาขึ้นเรื่อยๆ นี่มันเรื่องอะไรถึงต้องให้พวกเขามาสละชีวิตตัวเองเนี่ย?! แต่มันจะต้องเป็นเรื่องอะไรที่ร้ายแรงมากแน่ๆ ความเยือกเย็นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือกได้จริงๆ

“คิดว่าพวกเจ้าจะได้รอดชีวิตออกไปจากที่นี่หรือไง?!” รองประธานพูด

“ท่านต้องการอะไร?” หลินหนานที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนอื่นๆและเริ่มที่จะรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณด้วย จ้าวฉีและคนอื่นๆเองก็เอาอาวุธออกมาแล้วเช่นกัน

รองประธานแสยะและพูดออกมา “อย่าเปลืองพลังตัวเองเลย พวกเจ้าอยากจะสู้กับคนที่อยู่ระดับสูงสุดของระดับสีม่วงแบบข้างั้นเหรอ?! ยอมลงไปข้างล่างอย่างเชื่อฟังน่าจะดีกว่านะ…” เขาไม่สนใจพลังแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาเลย พวกเขาในสายตาของเขาก็แค่พวกโง่ที่พยายามจะดิ้นรนเพื่อหนีจากความตาย

“ถ้าท่านจะทำแบบนั้น ท่านไม่กลัวว่าจะต้องถูกคนทั้งโลกสืบสวนหรือยังไง?!” หลินหนานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฮ่าฮ่า! พวกเจ้านี่ไร้เดียงสากันจริงๆ ใครจะไปรู้เรื่องที่พวกเจ้าตายกันล่ะ อีกไม่นานโลกก็จะเป็นของข้า โลกที่สงบมันจะไปดีอะไรล่ะ?! โลกที่มีแต่การเข่นฆ่าและล้มตายต่างหากละถึงจะเป็นความสุข!!!” สีหน้าของรองประธานบิดเบี้ยวพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เขามันบ้าไปแล้วชัดๆ!

ในหัวใจของหลินหนานและคนอื่นๆต่างก็นึกถึงมู่เทียน คนคนนั้น พวกเขาจะได้เจออีกหรือเปล่านะ?!!!

เมื่อวานมู่เทียนบอกว่ารองประธานท่าทางแปลกมากๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่คิดอะไรให้มากกว่านี้นะ? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กลัวความตาย แต่พวกเขาก็เพียงแค่อยากที่จะติดตามเขาต่อไปอีกเรื่อยๆ

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ สีหน้าเริ่มที่จะเปลี่ยน เธอกำลังมองหาโอกาส ด้วยความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ เธอยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองประธาน เธอทำได้เพียงแค่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ทันทีที่รองประธานดูผ่อนคลายและยืมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มู่หรงเสวี่ยก็รวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดและรีบพุ่งไปในตำแหน่งของรองประธานทันที “ฟินิกซ์ออกมา”

มู่หรงเสวี่ยรีบใช้พลังที่แข็งแกร่งของตัวเองทันที เป็นจังหวะของเธอที่จะต้องเอาชนะในช่วงที่เขาไม่ทันตั้งตัว

รองประธานรวบรวมสติทันทีและหันมาเห็นพลังแห่งจิตวิญญาณที่ร้ายกาจกำลังพุ่งตรงมาหาเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ในวินาทีสุดท้ายมู่หรงเสวี่ยเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา

เมื่อเห็นว่ารองประธานถูกโจมตีได้ มู่หรงเสวี่ยก็มีความสุขอย่างมาก ตราบใดที่เขาถูกโจมตี เขาก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงแม้เขาจะยังไม่ตายก็ตามเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ ชัยชนะของเขาก็เริ่มที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นแล้ว

“มู่เทียน!”

“เจ้ามาได้ยังไง…”

หลินหนานแทบจะพูดไม่ออก หัวใจและร่างกายเขารู้สึกท่วมท้นไปหมดซึ่งทำให้ดวงตาของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ทั้งหมดนี้ไม่มีคำพูดใดจะบรรยายออกมาได้เลย

นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกอะไรแบบนี้ มู่หรงเสวี่ยยังไม่สบายใจ ยังไงซะรองประธานก็อยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีม่วงซึ่งแข็งแกร่งกว่าในระดับขั้นต้นของระดับสีม่วงอย่างเธออยู่นิดหน่อย สายตาของเธอยังจ้องตรงไปจุดที่พลังแห่งจิตวิญญาณเพิ่งจะปะทะเมื่อกี้

เมื่อควันที่เกิดจากการปะทะค่อยๆจางหายไป ก็น่าแปลกใจมากที่ได้เห็นร่างของรองประธานที่กำลังนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยท่าทางทรุดโทรมอย่างมากและพวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตามเพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างที่นอนอยู่ที่พื้นก็ค่อยๆลุกขึ้นมา หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขาชัดๆ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพะอืดพะอมขึ้นมา น่าขยะแขยงจริงๆ…

ครึ่งหนึ่งของหน้ารองประธานถูกระเบิดจนดำมืด ส่วนอีกครึ่งหน้าก็มีหนอนสีขาวที่กำลังชอนไชออกมาจากหน้าของเขาซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆรู้สึกหนาวยะเยือก

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” รองประธานหัวเราะแปลกๆออกมา

หลินหนานและคนอื่นๆไม่กล้าที่จะรู้สึกผ่อนคลาย และรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่เทียนไว้ทันที

“มู่เทียน เจ้ารีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” หลินหนานพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ

เขามีลางสังหรณ์ที่แรงมากว่ารองประธานที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาจะยิ่งร้ายกาจยิ่งกว่าเดิมอีก ดวงตาของเขาไร้ซึ่งแสงและรอบๆตัวก็เต็มไปด้วยชั้นของควันสีดำอีกครั้ง เขารู้สึกว่ารองประธานที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่ใช่คนด้วยซ้ำ

จ้าวฉีและคนอื่นๆไม่ได้คัดค้านคำพูดของหลินหนาน พวกเขาต่างก็ยืนคุ้มกันมู่เทียนไว้เบื้องหลังและตั้งใจที่จะใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อที่จะถ่วงเวลาให้มู่เทียนได้หนี

มู่หรงเสวี่ยผลักคนอื่นๆไปอยู่ด้านข้างและเริ่มรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง หลังการโจมตีเมื่อกี้ พลังแห่งจิตวิญญาณของเธอเริ่มที่จะเหือดแห้งแต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าครั้งแรกที่เธอเป็นลมมาก ถึงจะเป็นอย่างงั้นแต่เธอก็จะทิ้งเพื่อนแล้วหนีไปไม่ได้หรอก

“มู่เทียน! อย่าหัวรั้นสิ ไปเถอะ พวกเราขอร้องล่ะ” น้ำเสียงของหลินหนานพูดอย่างอ้อนวอน!

“ฮ่าฮ่า! เจ้าทำให้ข้าโมโห อย่าคิดที่จะหนีไปได้เลย…” รองประธานเริ่มที่จะส่งหมอกหนาสีดำออกมา หมอกสีดำก่อตัวเป็นกลุ่มและเริ่มที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งล้อมรอบอยู่รอบตัวเขาไปด้วยพร้อมๆกัน

“อย่าพูดไร้สาระ! ข้ายอมตายพร้อมกับเพื่อนๆดีกว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่า” มู่เทียนไม่ได้พูดเสียงดังแต่กลับเป็นน้ำเสียงที่เย็นชาดังออกมาแทนแต่กลับทำให้หัวใจของหลินหนานและคนอื่นๆสั่นไหวได้เลยพร้อมด้วยเลือดที่พลุ่งพล่านที่ปะทุขึ้นมา!

“ดี! งั้นก็ไปด้วยกันเลย” พวกเขาไม่ได้โน้มน้าวให้มู่เทียนหนีไปแล้วแต่กลับมายืนเคียงข้างกันแทน!

“ฟินิกซ์เพลิง!” มู่หรงเสวี่ยรีบร้องออกมา

“เสือขาวทยานขึ้นท้องฟ้า!”

“…”

ทุกคนต่างก็รวมตัวเข้าด้วยกันและใช้ทักษะต่างๆเพื่อโจมตีอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรก็ตามการโจมตีทั้งหมดดูเหมือนจะพลาดเป้าและไม่เกิดผลอะไรขึ้นเลย

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”

“ไปลงนรกซะเถอะ! เจ้าพวกไร้ประโยชน์”

หมอกหนาสีดำล้อมรอบมู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆไว้ หมอกสีดำส่งกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจและล้อมรอบทุกอย่างไว้คนหมด

มู่หรงรู้สึกใจคอไม่ดีจึงร้องตะโกนออกไป “หลินหนาน จ้าวฉี!”

“พวกเราอยู่นี่!”

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเสียงและมองไปรอบๆ

“มู่เทียน!”

“จับมือข้าไว้!” มู่หรงเสวี่ยร้องออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ลงไปในหน้าผาแล้วเป็นอาหารให้เจ้านายของข้าซะเถอะ!”

หมอกสีดำพร้อมด้วยแรกผลักขนาดใหญ่ผลักให้ มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆตกลงไปที่หน้าผา

มู่หรงเสวี่ยที่พลังแห่งจิตวิญญาณเริ่มที่จะอ่อนแรงมากแล้วจึงทำอะไรไม่ได้เลย เขาล่าถอยไปอย่างควบคุมไม่ได้ อีกมือก็ทำได้เพียงจับหลินหนานและคนอื่นๆไว้แน่น “จับข้าไว้ อย่าปล่อยนะ!” มู่หรงเสวี่ยสั่ง

“ได้!” หลินหนานตอบ

เพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

มู่เทียนมีมิติลับ พวกเขายังมีเครื่องมือชิ้นสุดท้ายอยู่ วินาทีที่พวกเขาตกลงไปที่หน้าผาก็แวบเข้าไปในมิติลับ!

อย่างไรก็ตาม หมอกดำดูเหมือนจะมีพิษ พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มที่จะแข็งขึ้นมาเล็กน้อย มู่หรงเสวี่ยเองก็เหมือนกัน ร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากหมอกดำและตกลงมาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”

ที่ด้านบนของหน้าผา พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆอย่างบ้าคลั่งของรองประธาน

“อย่าหลับนะ ลืมตาไว้! จับมือข้าไว้แน่นๆ” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าร่างกายของเธอเริ่มที่จะแข็งและสติก็เริ่มที่จะเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ

มือของหลินหนานที่จับอยู่เริ่มที่จะหลวมขึ้นเล็กน้อย

มู่หรงเกิดความคิด พวกเธอตกลงไปในมิติลับทันที เดินทีเธออยากที่จะรอจนกระทั่งตกลงไปถึงพื้นก่อนเพื่อที่อย่างน้อยจะได้เห็นว่าข้างล่างสุดมีอะไรอยู่ ถ้าเธอเข้าไปในมิติลับในระหว่างที่กำลังตก พวกเธอก็จะต้องลงไปในจังหวะที่กำลังตกเหมือนอย่างตอนนี้

อย่างไรก็ตาม หลินหนานจับต่อไม่ไหวแล้ว เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย มู่หรงเสวี่ยจึงต้องเข้ามาก่อน

เมื่อมองขึ้นไปที่รองประธานที่หน้าผา เสียงหัวเราะก็หยุดลงทันที “อะไรเนี่ย?!!”

เขารีบขยี้ดวงตาตัวเองทันที “แปลกจัง!”

อย่างไรก็ตามรองประธานไม่ได้คิดอะไรมาก ผิวหนังที่ใบหน้าของเขางอกกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง เขาหยิบผ้าคลุมสีขาวออกมาและกลายเป็นรองประธานของสำนักที่เป็นมิตรคนเดิม

มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในมิติลับโดยเกือบที่จะสลบหมดสติไปแล้ว

หลินหนานและคนอื่นๆเองต่างก็ตกลงมาที่พื้นเช่นกัน เจ้าลูกบอลสีขาวกระโดดลุกขึ้นตื่นทันที

มันเห็นผิวของมู่หรงและคนอื่นๆที่เริ่มจะกลายเป็นสีดำ เสี่ยวไป๋ไม่มีกะจิตกะใจจะตรวจหลินหนานและคนอื่นๆ ไม่มีใครเทียบได้กับมู่หรง

มันรีบจี้หลายครั้งไปที่มู่หรงเสวี่ยแต่ความเร็วในการกระจายตัวของจุดสีดำก็ไม่ได้ลดลงเลย มันรีบวิ่งเข้าไปในหอคอยเก้าชั้น หยิบยาถอนพิษออกมาและกรอกเข้าไปในปากของ มู่หรงเสวี่ยทันที

“อย่าหลับนะ! ฟื้นสิ” เสียงของเสี่ยวไป๋เริ่มที่จะสั่น!

ยาถอนพิษไม่ได้ผล เสี่ยวไป๋มองร่างทั้งร่างของ มู่หรงเสวี่ยที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำและกลุ่มควันสีดำที่เปล่งแสงแปลกๆออกมา

จบแล้ว!

เสี่ยวไป๋นั่งลงที่พื้นด้วยท่าทางหมดหวัง!!!