บทที่ 273 ความขัดแย้ง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 273

ความขัดแย้ง

ถึงแม้เสี่ยวไป๋จะไม่มีความเข้าใจเรื่องทักษะทางการแพทย์แต่มันก็พอจะมีความรู้ที่สืบทอดกันมาบ้าง มันรู้ว่า มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆถูกพิษมนตรา!

พิษมนตรางั้นเหรอ?! ที่นี่จะมีพิษมนตราได้ยังไงกัน

มีเพียงแค่นักเวทเท่านั้นที่สามารถครอบครองพิษมนตราได้แต่ในทวีปเฟิงหยุนไม่ใช่ทวีปโบราณ เมื่อหมื่นปีก่อนเพราะสงครามเขย่าโลกเผ่าพันธุ์ทุกประเภทจึงถูกแยกออกจากกัน ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดดินแดนพายุขึ้นมา

ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็ไม่เคยก้าวผ่านไประดับสีม่วงได้อีกเลย นอกจากนี้ยังเป็นเพราะทวีปเฟิงหยุนถูกทอดทิ้งด้วย ในตอนนั้นสิ่งที่เหลืออยู่จึงมีเพียงมนุษย์ระดับที่ต่ำที่สุด ถึงแม้จะยังมีทักษะกันอยู่บ้างแต่พวกเขาต่างก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับสีม่วงทั้งนั้น จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเจอดินแดนเทพที่ถูกทอดทิ้งเลย ในตอนนั้นคนที่มีทักษะทั้งหมดที่สามารถจะพัฒนาต่อได้จะถูกพาตัวไป

หนึ่งหมื่นปีผ่านไปจนถึงตอนนี้ ทำไมอยู่ดีๆถึงมีปีศาจโผล่มาล่ะ?!

อย่างไรก็ตาม แม้แต่เทพเจ้ามู่ริวหยุนที่เป็นคนสร้างสงครามขึ้นมาตั้งแต่แรกก็ยังมาปรากฏตัวที่นี่ เดาว่าสถานที่ที่ไม่เป็นที่รู้จักนี่คงจะมีความปั่นป่วนอย่างยิ่งใหญ่แน่ๆ นี่เป็นไปได้หรือเปล่าว่าสงครามของเมื่อหมื่นปีก่อนจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง?!!

เมื่อมันนึกถึงจักรพรรดิที่เห็นในป่าแห่งความตาย สีหน้าของเสี่ยวไป๋ก็เปลี่ยนไปอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะความโลภ ไม่งั้นเมื่อหมื่นปีก่อนจะเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่แบบนั้นได้ยังไง

เสี่ยวไป๋อุ้มพวกเขาไปที่สระน้ำแห่งจิตวิญญาณแล้วแช่พวกเขาด้วยน้ำแห่งจิตวิญญาณ มันหวังว่าน้ำแห่งเวทมนตร์นี่จะช่วยล้างอาการของคนพวกนี้ได้ ถึงแม้พิษมนตราจะไม่ทำให้คนพวกถึงกับตายแต่ยิ่งได้รับพิษนานเท่าไร พิษมนตราก็จะยิ่งหยั่งรากลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะกลายร่างเป็นปีศาจ

หลานซุนขมวดคิ้วอยู่ในอาคารไม้ไผ่ เขารู้สึกไม่สบายใจ เขารีบแผ่พลังแห่งจิตวิญญาณออกไป พลังที่ทรงอำนาจเข้าปกคลุมสำนักหลงหยุ่นไว้จนทั่วทันทีและขยายออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลานซุนก็ดึงพลังแห่งจิตวิญญาณกลับมาและบินไปที่นอกชานเมืองด้วยความเร็ว เขาหยุดรองประธานที่กำลังเดินทางกลับได้ที่ริมถนน!

หลังจากที่ได้เห็นหลานซุน รองประธานก็กำเสื้อคลุมแน่นพร้อมทั้งเผยรอยยิ้ม “ท่านหลานซุน ทำไมท่านถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ล่ะ?”

“อืม!” แล้วเขาก็พูดออกมาว่า “เจ้าเอาลูกศิษย์ของข้าไปไหวที่ไหน?” ดวงตาของหลานซุนแวบประกายเย็นชาพร้อมทั้งจ้องไปที่ร่างอ้วนๆของรองประธาน ดวงตาหลี่เล็กลง รองประธานมีอะไรผิดปกติจริงๆด้วย

“ท่านหลานซุนว่าไงนะขอรับ?! ข้าไม่เห็นลูกศิษย์ของท่านเลย ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” ความปั่นป่วนในร่างกายเกิดขึ้นอีกครั้ง น่าแปลก เขารับคนพวกนั้นเป็นศิษย์แล้วงั้นเหรอ?!!

หลานซุนโบกมืออย่างไร้ความปรานีและรองประธานก็ลอยกระเด็นห่างออกไปเป็นร้อยเมตร ปากที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำกระอักออกมาเต็มปาก ถ้ามองใกล้ๆก็จะเห็นได้ว่ามีหนอนสีขาวๆดิ้นอยู่ในเลือดสีดำด้วย

“พูดมา! ถ้าไม่พูดเจ้าได้ตายแน่” เพียงแค่ก้าวเดียว หลานซุนก็มาอยู่ข้างๆรองประธานแล้ว!

ความแข็งแกร่งของหลานซุนทำให้เขาประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าเขาทรงพลังมาก แต่เขาก็คอยที่จะเลี่ยงเขามาตลอดโดยพยายามที่จะทำทุกอย่าง

ไม่คิดเลยว่าวันนี้อยู่ดีๆมู่เทียนจะโผล่เข้ามาแต่มันก็ชัดอยู่แล้วว่าเขาจะปล่อยคนพวกนั้นไปไม่ได้ ไม่งั้นเขาก็คงจะเสี่ยงถึงชีวิตแน่ๆ!

ผิวหนังมนุษย์ของรองประธานค่อยๆหลุดออกเพราะปีศาจมนต์ดำเป็นคนมอบชีวิตให้กับเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ดวงตาของหลานซุนไม่กะพริบ อีกครั้งที่เขายื่นมือออกไป ตรงกลางฝ่ามือเปล่งแสงส่องประกายด้วยพลังที่น่ากลัว!

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!” ปีศาจดูเหมือนจะไม่มีความเกรงกลัว ทั่วทั้งร่างกายเริ่มที่จะกระจายหมอกพิษเหมือนอย่างที่มู่หรงเสวี่ยได้เห็น

“แหม ดูเหมือนจะเป็นทักษะเล็กๆ!” แสงที่มืออยู่ดีๆก็โจมตีไปที่เจ้าปีศาจ

แล้วหลานซุนก็สร้างบาร์เรียขึ้นมาเพื่อกั้นเสียงของการระเบิดไว้ หลังจากที่ควันจางหายไป ภายในเกราะก็ไม่มีอะไรหลงเหลือ หลานซุนไม่ได้หยุดเนื่องจากมีลมหายใจของมู่หรงที่ยังหลงเหลืออยู่ไปตลอดทางจนถึงขอบหน้าผา

หลานซุนมองลงไปที่หน้าผามืด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีแล้วเขาก็กระโดดลงไป เขาเฝ้ารอเธอมาตั้งหมื่นปีแล้ว!

เป็นเวลาหลายปีที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขาคิดว่าเธอตายไปแล้ว นับครั้งไม่ถ้วนที่เขาไม่รู้ว่าต้องเฝ้ารอไปอีกนานแค่ไหน ถ้าเธอทำมันอีกครั้ง แล้วเขาจะทนได้ยังไง

จู่ๆตอนที่เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยและก็รีบหยุดร่างกายไว้ทันที ลมหายใจของมู่หรงหายไปตรงนี้

ราวกับว่าจะนึกอะไรได้บางอย่าง เขากัดปลายนิ้วของตัวเองและวาดวงกลมขนาดใหญ่กลางอากาศด้วยเลือดของตัวเอง กลุ่มแสงสีสันมากมายเปล่งประกายออกมาแล้วก็ค่อยๆปรากฏสร้อยข้อมือขึ้นมาในอากาศ

หลานซุนยื่นมือออกไปและค่อยๆแตะไปที่สร้อยข้อมือ สร้อยข้อมือสร้างเสียงกริ๊กขึ้นมาเบาๆราวกับว่ามันตอบสนองกับหลานซุน

“ดังนั้นแสดงว่า…มันได้กลับมาหานางอีกครั้ง” เขาพึมพำด้วยเสียงเบา!

หลานซุนรีบทะยานขึ้นไปในอากาศทันทีและกลับไปที่อาคารไม้ไผ่ด้วยความเร็วเต็มกำลังพร้อมด้วยสร้อยข้อมือ!

ไม่นานหลังจากที่เขาไป ก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้นมาจากที่เบื้องล่างของหน้าผา ราวกับเสียงร้องโหยหวนของเหล่าผีร้าย!

หลานซุนไม่มีปัญหาอะไรมากนักที่จะต้องเข้าไปในสร้อยข้อมือ คงจะพูดได้ว่าเป็นสร้อยข้อมือมิติลับเองที่เรียกร้องให้เขาเข้าไปข้างใน เมื่อหมื่นปีก่อน เขามอบสร้อยข้อมือให้เหลาหยู ดังนั้นสร้อยข้อมือมิติลับจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับหลานซุน

เสี่ยวไป๋มองไปที่ชายตรงหน้าและทรุดลงไปกับพื้น!

หลานซุนพูดกับเสี่ยวไป๋ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าเองก็กลับมาหานางด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าข้าเองก็ยังยึดติดกับนาง…” เขาคิดว่าตัวเองจะเป็นคนแรก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะช้าไปมากเลย

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” เสี่ยวไป๋จ้องไปที่หลานซุนด้วยสายตาดุร้าย!

“นางอยู่ที่ไหน?” หลานซุนหลี่ตาเล็กลงและถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา!

“นางอยู่ที่บ่อน้ำ! เจ้ามีวิธีหรือเปล่า?” เสี่ยวไป๋ถามออกไปอย่างกระหาย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องอดีต เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือมู่หรงเสวี่ย

หลานซุนโยนเสี่ยวไป๋ไปข้างๆและเดินไปที่บ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณ

เมื่อได้เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยและหลินหนานกำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณข้างๆกัน สายตาก็แวบประกายเย็นชาขึ้นมาทันที เขาจ้องไปที่เสี่ยวไป๋ที่กำลังเดินตามมาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว มือของเขารีบอุ้มมู่หรงเสวี่ยขึ้นมาทันที

เสี่ยวไป๋เองก็มองตอบด้วยสายตาเย็นชา เมื่อหมื่นปีก่อนเขาไม่สามารถที่จะครอบครองมู่หรงเสวี่ยเป็นของเขาเองได้ แล้วตอนนี้ล่ะ?! ผู้ชายที่ผ่านการฝึกตัวเองมาจะมาสนใจอะไรกับรูปร่าง! มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่บรรจุจิตวิญญาณเท่านั้นเอง

เมื่อกลับมาได้สติ เสี่ยวไป๋ก็รีบตามไปทันที ถึงแม้หลานซุนจะแข็งแกร่งอย่างมากแต่ยังไงซะปีศาจก็เข้ากันไม่ได้อยู่แล้วก็แค่บางโอกาสเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมันก็พร้อมที่จะเดินตามหลานซุนเข้าไปในหอคอยเก้าชั้นแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในบาร์เรียโปร่งแสงทันที จู่ๆก็เกิดลำแสงดาวเปล่งประกายไปทั่วขึ้นมา!

“บ้าเอ๊ย นี่เจ้าอยากจะทำอะไรกับเจ้านายที่รักของข้า! ลดบาร์เรียลงเลยนะ”

“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย อย่าคิดว่าตัวเองอยู่ในระดับสูงแล้วข้าจะกลัวเจ้านะ!”

“ปล่อยข้า…ออกไป!”

เมื่อเสี่ยวไป๋เอาแตะตะโกนไปเรื่อยๆ พลังแห่งจิตวิญญาณกลุ่มเล็กๆก็พุ่งออกมาทันที เสี่ยวไป๋ยังอยู่ในท่าเดิมแต่กลับขยับไม่ได้เลยสักนิด

ใบหน้ากลมๆของเสี่ยวไป๋กลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธเพราะมันอยากที่จะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณในร่างกายของมันดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิม มันขยับไม่ได้เลยสักนิด บ้าเอ๊ย ไอ้คนทุเรศ เมื่อหมื่นปีก่อนน่าเกลียดยังไง ตอนนี้ก็ยังน่าเกลียดไม่เปลี่ยนเลย! สมควรแล้วที่ต้องอยู่คนเดียวมีตลอดหมื่นปี

เสี่ยวไป๋เอาแต่ด่าอยู่ในหัวใจ

ในตอนนี้เรื่องที่ต้องกังวลมากที่สุดคืออาการของมู่หรง ถ้าเธอต้องกลายเป็นปีศาจ! คงจะสนุกแน่ โลกจะต้องถูกเธอทำลายล้างอีกครั้งแน่ๆ! อันที่จริง เสี่ยวไป๋ไม่สนใจหรอกว่า มู่หรงเสวี่ยจะกลายเป็นอะไร เพียงแค่เป็นห่วงว่าเธอจะต้องทุกข์ทรมานจากการเปลี่ยนร่าง

แล้วนี่จะเป็นเทพหรือปีศาจล่ะ?!

หลานซุนที่อยู่ภายในหอคอยเก้าชั้นค่อยๆวางมู่หรงเสวี่ยลงที่เตียง

รูปร่างที่สวยงามและผิวที่ขาวผ่องดั่งคริสตัลของเธอกลับมาเหมือนเดิมแล้วและใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้คิ้วของเธอสั่นเล็กน้อยและสีหน้าของเธอก็มีท่าทางเจ็บปวด ราวกับว่าเธอกำลังทรมานจากความเจ็บปวดแสนสาหัส

นิ้วของหลานซุนสั่นเล็กน้อยและค่อยๆปลดเสื้อผ้าของ มู่หรงเสวี่ยทีละชิ้นๆ ถึงแม้เขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่ร่างกายของเธอ แต่เขาก็ยั่งสั่นเพราะเธออยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม

ดวงตาของหลานซุนเริ่มที่จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆและไม่มีร่องรอยของปีศาจในสายตาของเขาเลย

เมื่อร่างกายของเปิดเผยเบื้องหน้าตาต่อสายของเขา เขาไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำแต่รีบอุ้มเธอขึ้นมา คว้ำเธอลงกับเตียง มือของเขาอยู่ตรงข้ามหน้าอกเธอ ทันใดนั้นก็แตะไปที่ส่วนที่อ่อนนุ่ม

หลานซุนรีบกันประสาทสัมผัสของตัวเองไว้ทันที พยายามสงบจิตใจตัวเอง พลังหยวนเทพเจ้าสีขาวบนร่างกายของเขาถูกส่งไปยังร่างของมู่หรงเสวี่ยอย่างต่อเนื่อง

“ฟิ้ว!”

มู่หรงเสวี่ยกระอักเลือดสีดำเต็มปากออกมาแทบจะในทันทีและพลังแห่งจิตวิญญาณในร่างกายของเธอก็ดูเหมือนจะขัดกับพลังหยวนของหลานซุน เขาเขาวิ่งไปรอบๆร่างของ มู่หรงเสวี่ยอย่างต่อเนื่องเส้นพลังของเขาแทบจะทนรับพลังนี้ไว้ไม่ไหวและเริ่มที่จะแตกออกทีละนิดๆ กลุ่มหมอกสีดำที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอเริ่มที่จะกระจายออกมาจากร่างกายของเธอ

ทันทีที่สีหน้าของหลานซุนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขาก็ดึงพลังหยวนกลับมาทันที

เมื่อมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่เกือบจะกลายเป็นปีศาจ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ทำไมล่ะ?!!

เขาค่อยๆใจเย็นลงอีกครั้งและลองใช้พลังหยวนเพื่อช่วยรักษาเธออีกครั้ง แต่ก็พบว่าเขาก็ยังถูกพลังของเธอขัดไว้อยู่ดี เขาไม่กล้าที่จะย้ายเธออีกและรีบดึงพลังกลับทันที ถ้าเขายิ่งพยายามจะเข้าไป ก็กลัวว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องเจ็บปวดมากขึ้นไปกว่านี้ เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องการขับไล่ปีศาจฉีนี้คงจะจัดการได้อย่างง่ายๆ แต่เขาไม่คิดว่าพลังหยวนของเขาจะขัดแย้งกับแสงออร่าของเธอเอง

ดูเหมือนว่าถึงแม้จะมีเกราะป้องกัน แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็ยังเหมือนกับตัวเธอที่หยิ่งพยองและไม่ยอมให้ใครได้สัมผัส!!!