เป็นกโยยองที่นั่งเงียบๆ มาจนถึงตอนนี้ นางนั่งร้องไห้อย่างไม่มีเสียงในท้องพระโรงตั้งแต่รู้เหตุผลของการประชุมราชวงศ์ในครั้งนี้ แม้จะได้เห็นท่าทีของรูแฮกับกโยซึล ได้ฟังข้อพิพาทของทั้งสองแล้ว แต่นางก็ยังไม่อาจเชื่อมัน ไม่สิ นางไม่อยากที่จะเชื่อมัน จึงได้แต่ส่ายหัวไปมา
คงไม่กระมัง
มันจะต้องไม่เป็นเช่นนั้น จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ แต่กโยซึลกับรูแฮก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอย่างผ่าเผย ตอนที่นางได้ยินทั้งคู่ป่าวประกาศว่ารักใคร่กัน ในหัวของกโยยองรู้สึกพังทลาย
คงไม่กระมัง…
สายตาที่สั่นไหวของนางหันไปที่บีพาอัน และด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาทำให้ไม่สามารถมองเขาได้อย่างชัดเจน แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าทุกคำที่บีพาอันยืนยันให้คำมั่นนั้นเป็นคำโกหกทั้งเพ
หลอกด้วยอุบายตื้นๆ เป็นการโต้แย้งที่ไม่มีใครเชื่อ
แต่ทุกคนก็เชื่อในคำพูดของบีพาอัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทุกคนหวังให้โดฮวานเป็นลูกแท้ๆ ของบีพาอัน หรือเป็นเพราะต้องเชื่อไปอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่เคียงข้างกันนั้นไม่สูญเปล่า มีเพียงแค่กโยยองเท่านั้นที่รู้ว่าบีพาอันกำลังโกหก ที่จริงแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดนางก็หาได้สนใจไม่ เพราะคำโกหกของบีพาอันนั้นทำให้กโยยองเข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้หรือ
นางรู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอ ตัวของนางสั่นไปหมดตั้งแต่ปลายนิ้วลามไปทั่วทั้งร่าง นางรู้สึกราวกับหน้าอกที่แบกรับความอึดอัดไว้นี้ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ แม้จะหายใจไม่ออก ทว่าลมหายใจที่แห้งผากก็ยังพยายามจะปะทุออกมา ภาพความทรงจำที่กโยยองเคยพูด เคยกระทำต่อกโยซึลไหลผ่านเข้ามา นางคิดไตร่ตรองถึงคำพูดเด็ดเดี่ยวที่เคยพูดแต่ละคำ แล้วเอาแต่ต่อว่าตัวเองในตอนนี้ ที่ได้เอาความผิดหวังที่บีพาอันไม่เคยใส่ใจแม้นางจะอยู่ข้างเขาแท้ๆ ไประบายลงที่กโยซึล แม้คนที่ผิด คนที่สร้างบาดแผลให้นั้นคือบีพาอัน แต่ตนกลับสาดเทคำสาปแช่งเหล่านี้ไปที่กโยซึล นางระเบิดอารมณ์ใส่ผู้ที่ตนต่อกรง่ายกว่าบีพาอัน คิดว่าในเมื่อกโยซึลได้รับความรักจากบีพาอัน นางคงจะไม่รู้สึกอะไร ยิ่งกโยซึลได้รับความรักจากบีพาอันมากเท่าไร ตนก็ยิ่งขยะแขยงนาง
ทว่าเมื่อได้รู้ความจริงก็พบว่ากโยซึลนั้นกำลังมีความรักที่ยากลำบากมากกว่าตนนัก กโยยองนึกถึงน้ำเสียงอันเศร้าสร้อยของกโยซึลที่ไม่สามารถพูดแก้ตัวหรือคัดค้านอะไรได้ และเอาแต่พูดขอโทษซ้ำๆ ในตอนนั้นนางสามารถคาดเดาได้เลยว่ากโยซึลกำลังได้รับบาดแผลพอๆ กับตัวนางเอง แต่จะทำอย่างไรได้ เรื่องทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว กโยยองต้องการที่จะได้รับการอภัยสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา
เหนือสิ่งอื่นใด นางกลัวความผิดของตนเอง
***
เกลียดกโยซึล
อาจเป็นเพราะตอนที่พบเจอกันครั้งแรกนั้นกโยซึลดูน่าขันและน่าเวทนา หรืออาจจะเป็นเพราะตนคาดหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะสามารถสนิทสนมกับนางได้ แม้จะย้ำเตือนกับตัวเองอยู่เสมอว่าในพระราชวังแห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่เชื่อใจได้ อย่าได้ไว้ใจใคร ทว่าตนก็กลับเชื่อคำนางที่ว่าไม่อาจรักพระสวามีของตนได้ไปเสียแล้ว
“ในพระราชวังแห่งนี้จะมีคำโง่เง่าเยี่ยงนั้นได้อย่างไรกัน”
กโยยองระเบิดเสียงหัวเราะเยาะออกมา ในพระราชวังแห่งนี้ความจริงใจนั้นไม่ได้มีความหมายอันใดเลย มันไม่ได้สำคัญเลยว่าจะรักได้หรือไม่ได้ ที่นี่ไม่มีใครที่จะมาคาดหวังกับความรู้สึกที่อ่อนแอและทำให้อ่อนไหวอย่างนั้น แต่ตนกลับโดนหลอกด้วยน้ำตาที่ไร้เดียงสานั่น เพราะนางช่างโง่เขลาจนน่าสงสารและเวทนาเสียจนเผลอเห็นอกเห็นใจ จนถึงขั้นมีความคิดที่ตั้งใจจะดูแลนางอีกด้วย
ทว่าสุดท้ายนางไม่เพียงก้าวกระโดดไปได้เร็วกว่าตน แต่ยังถึงขึ้นตั้งท้องอีกด้วย นั่นจึงทำให้กโยยองรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก กับการที่ตัวเองถูกหลอกใช้ด้วยความไร้เดียงสานั่น
ช่างไร้ศีลธรรม
“พระชายารองฮวางแทจาทรงไร้เดียงสาเกินไป”
น้ำเสียงที่อ่อนหวานนั้นเอ่ยเข้าข้างกโยยอง น้ำเสียงออดอ้อนประจบประแจงนี้เป็นเสียงของโอรัน นางนั่งจิบชาด้วยท่าทีที่คุ้นเคยและผ่อนคลายเป็นอย่างมากอยู่ในตำหนักดงบิน โอรันจิบชาและอมไว้ สายตามองลงต่ำ หลังจากนั้นจึงวางถ้วยชาลง
“อย่างน้อยนางก็เป็นสตรีในเชื้อพระวงศ์ คงจะไม่ต่างอะไร”
“หม่อมเคยได้ยินเพียงว่าราชวงศ์นั้นเต็มไปด้วยความรักใคร่สามัคคี จึงไม่เคยคิดสงสัยว่านางจะมีเล่ห์เหลี่ยมอันใด”
“ราชวงศ์ที่สามัคคีกันอย่างนั้นหรือ ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงทั้งนั้น” โอรันหัวเราะคิกคักออกมาเสียงดัง “จะมีพระราชวังใดในโลกที่จะไม่มีการกำจัดฝ่ายตรงข้ามกัน ลองดูอย่างข่าวลือต่างๆ ที่แพร่สะพัดไปทั่วฮวากุกสิ”
โอรันทำปากบิดเบี้ยว เมื่อนางพูดเย้ยหยันมากพอแล้วก็เอนตัวเล็กน้อย นางยกมือขวาขึ้นป้องปากไว้แล้วกระซิบกระซาบ ทำท่ามีลับลมคมใน
“คนพวกนั้นอาจจะสกปรกที่สุดก็เป็นได้ ใครจะรู้”
โอรันขยับไหล่ทำทีเป็นขนลุกกับสิ่งนั้น ส่วนกโยยองที่นั่งอยู่ตรงหน้านางนั้นได้แต่กัดฟันและไม่มีคำพูดอื่นใด มือที่จับถ้วยชาอยู่บีบแน่นจนสั่นระริก กระทั่งปลายเล็บเปลี่ยนเป็นสีขาว
“มีผู้ใดบ้างที่ดูภายนอกใสสะอาดแล้วภายในเป็นเช่นนั้นจริงๆ กลับกันยิ่งต่อหน้าดูใสสะอาด ลับหลังยิ่งสกปรก ผู้ที่ถูกว่าร้ายอย่างพวกเราต่างหากที่พอจะถือได้ว่าเป็นพวกจริงใจ”
โอรันส่งสายตาที่ทั้งสองรู้กันดี เผยให้เห็นถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ การที่โอรันใช้คำพูดสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง และยังพูดคุยแต่เรื่องที่อันตรายนี้ ทำให้รู้ได้ว่านางเข้าๆ ออกๆ ตำหนักดงบินบ่อยกว่าที่คิด แต่กโยยองเองที่เคยไม่ชอบใจเท่าไรเวลาที่นางมาพบ ก็หาได้ตำหนิติเตียนท่าทีล่วงเกินนั่นไม่
อึก แกร๊ก
กโยยองดื่มชาภายในอึกเดียวและวางถ้วยชาลง สายตาของนางมองลงไปที่โอรัน เปลือกตาที่ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามผิดไปครึ่งหนึ่ง
“หม่อมฉันคงเข้าใจพระชายาแทจาผิดไปเพคะ ชายาแทจาทรงอ่อนโยนนัก”
กโยยองเรียกโอรันว่าชายาแทจาอย่างสนิทสนมแทนการเรียกว่าพระชายาแทจา
“เพราะคำพูดที่ตรงไปตรงมาจึงทำให้ในตอนแรกหม่อมฉันรู้สึกระคายหูนัก ทว่าเมื่อได้รับรู้ถึงความจริงใจของชายาแทจาแล้ว กลับกลายเป็นว่าคำพูดที่ตรงไปตรงมานั้นช่างประเสริฐยิ่งเพคะ”
“ขอบพระทัยที่ทรงรับรู้ความจริงใจของหม่อมฉัน”
โอรันตอบกลับด้วยเสียงดังก้อง ในดวงตากลมของนางมีความเย้ยหยันอย่างชัดเจน ดูถูกความจริงใจของกโยซึล แล้วยังกล้าเอ่ยคำว่าจริงใจออกมาจากปากตนอย่างนั้นหรือ
ช่างเป็นสตรีที่อ่อนแอนัก