เจิ้งเหวยกั๋วถูกตำรวจจับตัวไปท่ามกลางสายตาของผู้คน และข่าวนี้ก็ถูกแพร่ออกไปทั่วเมืองและแม้กระทั่งทั่วประเทศในเวลาเพียงห้านาที
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ใครให้ยุคนี้ทันสมัยขนาดนี้ล่ะ?
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดสึนามิลูกใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
แม้ว่าเจิ้งเหวยหวาจะออกมารับช่วงต่อทันที แต่คนในบริษัทแช่เจิ้งทุกคนต่างตื่นตระหนก และทำให้หุ้นของบริษัทถูกเทขายเป็นจำนวนมาก!
แต่ว่าเย่เทียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เลย เขาในขณะนี้ได้เดินตามกงหย่วนแล้วเข้าไปในสถานีตำรวจเมือง
“ข่าวล่าสุด! ข่าวล่าสุด! เมื่อกี้เซ่เจียเพิ่งออกประกาศว่าเธอจะยกเลิกคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้ และยังประกาศว่าเธอจะถอนตัวจากวงการบันเทิงอย่างถาวร!”
“เป็นไปไม่ได้? ทำไมจู่ ๆ ก็ออกจากวงการบันเทิงแบบนี้?”
“ผมจะโกหกคุณทำไม ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปดูในโพสต์สเตตัสของเธอเองสิ”
“บ้าไปแล้ว! นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย! ฉันอุตส่าห์เพิ่งลางานไปซื้อตั๋วมา นี่มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?!”
ในขณะที่ยังเดินไม่ถึงไหน เย่เทียนก็ได้ยินเสียงสนทนานี้ในออฟฟิศของสถานีตำรวจ
และข่าวนี้ก็ทำให้เย่เทียนถึงกับหยุดชะงัก แม้กระทั่งขนลุกไปทั้งตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาตกใจมากแค่ไหน
เย่เทียนเคยคิดว่าเซ่เจียอาจยกเลิกคอนเสิร์ตของเธอได้ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเซ่เจียจะถึงกับลาออกจากวงการบันเทิงอย่างถาวร
ต้องเข้าใจก่อนว่าเธอเป็นนักแสดงตัวน้อยที่โด่งดัง แต่เธอกลับเลือกที่จะลากออกจากวงการแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเย่เทียนทำให้เธอเจ็บปวดมากแค่ไหน
“คุณชายเย่ คุณเป็นอะไรครับ?”
กงหย่วนก็ไม่รู้ว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าเขาหยุดเดินอย่างกะทันหัน แถมสีหน้ายังบูดบึ้ง เขาจึงรีบถามเย่เทียน
“เปล่าครับ”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างขมขื่นแล้วตอบว่า “หัวหน้ากง ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมมีธุระด่วนต้องไปจัดการ หรือว่าผมค่อยมาพบเถ้าแก่เฉาทีหลัง?”
เขาไม่ได้เป็นคนไร้ความรับผิดชอบ เดิมทีเขาแค่อยากให้เซ่เจียได้สงบสติอารมณ์ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะตัดสินใจหุนหันพลันแล่นแบบนี้ แล้วถ้าขืนปล่อยไปแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธออีก
“คือว่า……”
กงหย่วนถึงกับตกใจและเดินเข้าไปพูดเสียงเบาๆ ว่า “แต่คุณชายเย่ครับ ไม่ได้มีแค่เถ้าแก่เฉาคนเดียวที่รอคุณอยู่นะครับ ยังมีเยียนหรันกับท่านถังด้วยนะครับ”
“ก็ได้! ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะไปไหนไม่ได้แล้วสินะ”
เย่เทียนก็ตกใจแล้วส่ายหัวอย่างจนใจ แต่เขารู้ดีว่าการไปหาเซ่เจียต้องใช้เวลานานอยู่แล้ว
อีกอย่าง การที่ถังเหวินหลงมาหาเขาถึงที่ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ช่วงหลายวันก่อนที่เขาช่วยจี้เยียนหรัน เขาได้สร้างผลกระทบต่อถังเหวินหลงโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงเชื่อว่าครั้งนี้ถังเหวินหลงไม่ได้มาแค่จะคุยกับเขาเท่านั้น
ไม่ว่าจะยังไง เย่เทียนก็ระงับความวุ่นวายในใจแล้วตามกงหย่วนเข้าไปในสถานีตำรวจเพื่อเข้าไปในออฟฟิศของเฉาจื้อเหา
“คุณชายเย่ ถึงแล้วครับ ผมยังต้องไปจัดการเรื่องของเจิ้งเหวยกั๋ว งั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากเดินเข้ามาอีกห้านาที ในที่สุดกงหย่วนที่นำทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดลง
“หัวหน้ากง ผมฝากคุณเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
ช่วงการเดินเท้าในระยะสั้นๆ นี้ ทำให้เย่เทียนได้คิดหาทางแก้ไขขึ้น เขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ผมอยากให้คุณช่วยตรวจสอบที่อยู่ของเซ่เจียให้ผมที!”
“แน่นอนว่าถ้าเป็นไปได้ คุณพาเธอมาหาผมจะดีที่สุด”
“เซ่เจีย?!”
กงหย่วนถึงกับตะลึงและเข้าใจว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกับเย่เทียน เขาจึงพยักหน้าตอบอย่างมั่นใจว่า “คุณชายเย่ครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ!”
แต่ไม่เกินสามวินาทีหลังจากนั้น กงหย่วนก็แสดงรอยยิ้มอันมีเลศนัยแล้วถามอย่างสอดรู้สอดเห็นว่า “คุณชายเย่ครับ ไม่ทราบว่าคุณกับดาราดังคนนี้เป็น……”
“คุณช่วยผมหาเธอก็พอ!”
เย่เทียนกลอกตาใส่กงหย่วนและเคาะประตูทันที หลังจากได้รับการอนุญาตเขาก็ผลักประตูเข้าไป
ในออฟฟิศนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ตั้งนานแล้ว นอกจากเฉาจื้อเหา จี้เยียนหรันและถังเหวินหลงที่กงหย่วนพูดถึง ยังมีผู้บัญชารองซือเฮ่าเจียและเฉิงหลงจากหน่วยชางหลง
“เย่เทียน เอ็งมาจนได้นะ ให้พวกเรารอตั้งนาน!”
เมื่อเห็นเย่เทียนปรากฏตัว ถังเหวินหลงก็ยิ้มและกล่าวทักทายเขา
เย่เทียนก็ยิ้มตอบและพยักหน้าทักทายพวกเขา จากนั้นนั่งลงบนโซฟาอย่างเป็นกันเอง
“คุณชายเย่ เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ แต่ทุกครั้งที่เจอกัน คุณก็มีเซอร์ไพรส์ตลอด!”
เฉาจื้อเหาลงมือชงชาให้กับเย่เทียนด้วยมือของเขาเอง และถามเย่เทียนอย่างลึกซึ้งว่า “นอกจากเจิ้งเหวยกั๋วที่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในการมาเมืองเอกในครั้งนี้ ผมเดาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่猎人酒吧เมื่อคืนนี้ก็เป็นฝีมือคุณนะครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะลูบจมูกของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ถึงแม้จะนับครั้งนี้ด้วย มันก็เป็นครั้งที่สามเท่านั้นที่เขามาในเมืองเอกหลังจากที่เขาเกิดใหม่ แต่ก็อย่างที่เฉาจื้อเหาพูด ทุกครั้งที่เขามาล้วนจะเกิดปัญหาทั้งนั้น
ครั้งแรกเขามาเพราะช่วยเหลือกงหย่วนในการจับกุมลี่ชุ่ยฮวาคุณยายกระดาษไหว้เจ้า แต่สถานการณ์ที่จับพลัดจับผลูทำให้เขาต้องเผชิญกับฉินโล่หยิน จึงเป็นเหตุทำให้เขามีเรื่องกับเซิ่งเหอเซิ่ง
ครั้งที่สองเขามาด้วยอารมณ์ที่เดือดดาล ทำให้เขาเอาชนะเซิ่งเหอเซิ่งไป 18 ครั้ง ซึ่งก็ทำให้ราชาใต้ดินอย่างจูยิ่วถิงถึงกับถูกเผาจนมอดไหม้ไม่เป็นท่า
ส่วนครั้งที่สามคงไม่ต้องพูดถึง เพราะนอกจากเรื่องของเจิ้งเหวยกั๋วแล้ว แค่การจัดการจระเข้เมื่อคืนนี้ก็เพียงพอที่จะปลุกความโกลาหลของโลกใต้ดินที่เพิ่งสงบไปแล้ว!
“เถ้าแก่เฉาจะโทษผมไม่ได้นะครับ!”
“ผมมาที่นี่อย่างเป็นมิตรทุกครั้ง แต่พวกเขาคิดหาเรื่องผมเอง ผมคงอยู่นิ่งเฉยคอยให้พวกเขาเล่นงานผมอย่างเดียวไม่ได้หรอก ใช่ไหมครับ?”
“ส่วนเรื่องของจระเข้ เขาเคยตัดขาของเพื่อนผม ผมก็แค่ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวนะครับ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่มันก็ส่งผลต่อระบบกฎหมายอยู่ดี แล้วเย่เทียนจะยอมรับต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านี้ได้อย่างไร?
“ท่านถังครับ แล้วเรื่องของท่านเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
เย่เทียนยังคงกังวลเรื่องการตามหาเซ่เจีย แล้วเขาจะมีกะจิตกะใจมาพูดจาหยอกล้อกับพวกเขาได้อย่างไร เขาจึงพูดเข้าเรื่องทันที
“ก็ต้องขอบคุณคำเตือนของเอ็งนะ อีกอย่างมีเยียนหรันกับเฉิงหลงคอยปกป้องอยู่ ก็เลยไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น” ถังเหวินหลงยิ้มอย่างอบอุ่น
เย่เทียนพยักหน้าอย่างมีความหมาย ถึงว่าทำไมจี้เยียนหรันกับเฉิงหลงต้องมาอยู่กับถังเหวินหลง ที่แท้ก็เป็นบอดี้การ์ดนอกเวลางานให้เขานี่เอง!
“ท่านถังครับ ผมยังมีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการนิดหน่อย ผมว่าเราพูดประเด็นเลยดีกว่าครับ? ที่ท่านเรียกผมมา ท่านมีอะไรจะให้ผมช่วยเหรอครับ?”
เมื่อเห็นว่าถังเหวินหลงยังพูดจาอ้อมค้อม เย่เทียนจึงไม่มีทางเลือกและจุดประเด็นอีกครั้ง
“แล้วเอ็งรู้ได้ไงว่าข้าตามหาเอ็งเพราะมีเรื่องจะให้ช่วย?”
ถังเหวินหลงถึงกับผงะ ดวงตาขุ่นมัวของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นและสีหน้าอมยิ้มขึ้น
เย่เทียนแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ท่านถังครับ จวบจนวันนี้แล้ว มีครั้งไหนที่ท่านเรียกหาผมแล้วไม่มีเรื่องให้ช่วยครับ?”
“หมอนี่!”
ถังเหวินหลงตะลึงไปสักพัก จากนั้นกลั้นหัวเราะไม่อยู่และชี้ไปที่เย่เทียนแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คืนนี้ข้าต้องไปสถานที่หนึ่ง แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เขาหวังว่าเอ็งจะเป็นคนปกป้องข้าสักคืน!”