บทที่ 479 ได้โปรดปล่อยฉันไป

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เย่เทียนปฏิเสธคำขอของถังเหวินหลงในการร่วมงานเลี้ยง จากนั้นเดินออกจากสถานีตำรวจเมืองอย่างโดดเดี่ยว เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้คนที่สัญจรไปมาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวๆ

ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการเป็นห่วงเรื่องของเซ่เจีย เพราะเขากลัวว่าดาราดังคนนี้จะคิดทำอะไรบ้าๆ อีก

ที่สำคัญ เย่เทียนได้ยืนยันในสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจแล้ว ทุกครั้งที่ถังเหวินหลงขอพบ มันไม่มีอะไรที่ดีเลย!

ดังนั้นเขาจึงขายอิสรภาพในคืนนี้ให้กับถังเหวินหลงไป แถมยังไม่ได้ผิดใจกันด้วย!

ช่วยไม่ได้ เพราะชีวิตคนเรานั้นมันเต็มไปด้วยความจำใจเสมอ!

เช่นเดียวกับผู้คนที่เดินไปมาอย่างเร่งรีบ ถ้าหากเป็นไปได้ เชื่อว่าทุกคนอยากเดินให้ช้าลง แต่ด้วยความกดดันของชีวิต พวกเขาจึงต้องก้าวต่อไป และยังต้องก้าวให้เร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ!

ถังเหวินหลงเป็นถึงคนใหญ่คนโต ฉะนั้นก่อนที่บริษัทแซ่เฉินจะเติบโตไปถึงระดับหนึ่ง เขาจะผิดใจกับถังเหวินหลงไม่ได้!

ต่อให้ถังเหวินหลงจะไม่คิดสร้างปัญหากับใคร แต่ขอให้เขาไม่พอใจ เชื่อว่าคนที่คอยเลียแข้งเลียขาเขาจะไม่ปล่อยบริษัทแซ่เฉินไว้แน่นอน

กริ๊ง กริ๊ง!!

เย่เทียนยังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น

เขาจึงหยิบมันออกมาและเหลือบมองไปที่หน้าเจอ เป็นสายโทรเข้าจากเจิ้งเหวยหวา ซึ่งก็ทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยมาก

ตามสถานการณ์แล้ว ตอนนี้เจิ้งเหวยหวาควรยุ่งกับบริษัทแช่เจิ้งอยู่ไม่ใช่หรือ?

“ว่าไง?”

ต่อให้จะแปลกใจยังไง เย่เทียนก็ต้องกดรับสายนั้น

“คุณชายเย่ครับ ผมเพิ่งได้รับสายตาลูกน้อง แจ้งว่าเซ่เจียขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งมุ่งหน้าไปที่สนามบินแล้วครับ!”

“ผมให้เพื่อนในสายการบินตรวจสอบข้อมูลของเซ่เจียแล้วครับ เธอจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองจิน ซึ่งจะออกเดินทางในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าครับ”

ต่อให้จะยุ่งแค่ไหนเจิ้งเหวยหวาก็ไม่ได้ละเลยเรื่องนี้

“หา?!”

เย่เทียนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเขานึกได้ทันทีและถึงกับโทษตัวเอง

เขาคาดว่าเจิ้งเหวยหวาได้สังเกตเขาตั้งแต่ที่เขามาถึงเมืองเอกแล้ว ไม่เพียงแต่สังเกตเขาเท่านั้น ยังสังเกตเซ่เจียที่พักอยู่โรงแรมกับเขาด้วย

ถ้าเขานึกได้เร็วกว่านี้ เขาไม่จำเป็นต้องลำบากกงหย่วนด้วยซ้ำ!

“ขอบคุณ!”

เย่เทียนเหลือบมองนาฬิกา แม้ว่าเวลาจะเร่งรีบ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไปไม่ทัน

เนื่องจากกงหย่วนเป็นคนส่งเขามาที่นี่ ดังนั้นหลังจากกดวางสาย เขาก็หันกลับไปยืมรถตำรวจกับเฉาจื้อเหา ด้วยเสียงไซเรนดังขึ้น เขาได้มุ่งหน้าไปยังสนามบินด้วยความเร็วสูงสุด

กริ๊ง! กริ๊ง!

แต่ไม่นานหลังจากที่เย่เทียนขับรถขึ้นสู่ทางด่วนวงแหวน เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“มีอะไร รีบว่ามา!”

เย่เทียนที่รีบไปเคลียร์กับเซ่เจียนั้นใจร้อนมาก เขาไม่ทันได้ดูหมายเลขที่โทรเข้าก็กดรับสายและพูดอย่างรีบร้อนทันที

“เย่เทียน!”

แต่ในวินาทีถัดมา เสียงผู้หญิงที่คมชัดดังขึ้นจากปลายสาย ทำให้เย่เทียนถึงกับสะดุ้งและรถตำรวจก็แทบจะพุ่งชนราวกั้นบนไหล่ทาง

เหนือสิ่งอื่นใด เพราะสายที่โทรเข้าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เฉินหวั่นชิง!

“ที่ ที่รัก ผมยุ่งอยู่นะ คุณมีอะไรเหรอ?”

เย่เทียนผู้ซึ่งกระทำความผิดนั้นกลัวสายโทรเข้าจากเฉินหวั่นชิงมากที่สุด เขารีบระงับความตื่นตระหนกในใจและพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นธรรมชาติที่สุด

“ฉันถามคุณนะ เกิดอะไรขึ้นกับพี่เซ่เจีย! ทำไมจู่ๆ พี่เขาถึงประกาศลาออกจากวงการบันเทิง? คุณทำอะไรพี่เขาใช่ไหม?!”

เสียงตะคอกปลายสายดังขึ้น แสดงให้รู้ว่าเธอโกรธมากแค่ไหน

“ที่ ที่รัก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ! ตอนนี้ผมยังสับสนอยู่เลย!”

“ผมก็ส่งเธอไปที่โรงแรมตามคำสั่งของคุณแล้ว แต่เช้านี้เธอหายตัวไป ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเธอประกาศลาออกจากวงการบันเทิง”

เย่เทียนพูดอย่างครึ่งจริงครึ่งเท็จ และหัวใจที่แทบจะทะลุคอหอยออกมาก็ค่อยๆ ลดลงไป

เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเฉินหวั่นชิงแล้ว เขาเดาได้ไม่ยากเลยว่าเซ่เจียไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้กับเฉินหวั่นชิงฟัง อย่างน้อยตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลว่ากลับไปจะต้องคุกเข่าบนทุเรียนหรืออะไรนั่น

“จริงเหรอ?” เฉินหวั่นชิงเริ่มแสดงน้ำเสียงที่สงสัย

“จริงแท้แน่นอน!”

เย่เทียนตอบอย่างไร้ยางอาย “เมื่อคืนผมออกไปกินมื้อดึก ผมว่าผู้จัดการของเธอน่าจะพูดอะไรกับเธอนะ?!”

“แล้วคุณทำอะไรอยู่? ทำไมฉันได้ยินเสียงไซเรน?”

เฉินหวั่นชิงได้ยินเสียงไซเรนจากปลายสายอย่างชัดเจน

“ที่รัก คุณยังจำเรื่องการจี้เครื่องบินที่สนามบินเจียงหนานเมื่อสองวันก่อนได้ไหม? ผู้ต้องหาหนีมาที่เมืองเอกแล้ว ตอนนี้ผมกำลังไปช่วยจับผู้ต้องสงสัยคนนั้นอยู่!”

“ที่รัก งั้นแค่นี้ก่อนนะ ผมคงต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะได้กลับไป แล้วผมจะเล่าให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกทีนะ!”

เย่เทียนฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เพื่อหาข้อแก้ตัว หลังจากวางสายลง เขาก็ถอนหายใจยาวๆ จากนั้นเหยียบคันเร่งจนมิด ทำให้รถตำรวจที่ชะลอลงเพิ่มความเร็วจนสูงสุดอีกครั้งและมุ่งหน้าไปยังสนามบินราวกับสายฟ้าแลบ!

ภายในสนามบินของเมืองเอก เซ่เจียสวมหมวกทรงแหลม ใส่แว่นกันแดดบนใบหน้า และสวมหน้ากากปิดปาก ทำให้ปกปิดใบหน้าอันงดงามของเธอจนทำให้ผู้คนทำเธอไม่ได้เลย

ในเวลานี้ เธอขึ้นเครื่องเป็นอันเรียบร้อยแล้ว และดวงตาที่สดใสของเธอนั้นกำลังมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างผ่านแว่นกันแดด ซึ่งเผยให้เห็นถึงความเศร้าหมองในใจ

ฟู่……

ในที่สุด หลังจากเร่งความเร็วครู่หนึ่ง เครื่องบินก็ลอยขึ้นจากพื้น

แต่ว่า สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเวลาเพียงไม่กี่นาที เครื่องบินก็ได้วนกลับมาลงจอดเหมือนเดิม

“เกิดอะไรขึ้น!”

“บินแล้วไม่ใช่เหรอ? จะวนกลับมาทำไม?!”

ในขณะนั้น ผู้โดยสารในเครื่องบินก็เริ่มบ่นกัน

“สวัสดีครับผู้โดยสารทุกท่าน ผมคือกัปตันของสายการบินนี้ เนื่องจากผมเพิ่งได้รับคำสั่งจากหอควบคุม เครื่องบินทุกลำจะไม่สามารถออกจากสนามบินได้ในขณะนี้! หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจนะครับ!”

เสียงกัปตันดังขึ้นเพื่อจะอธิบายถึงสาเหตุลงจอดใหม่อีกครั้ง

และในเวลาเดียวกัน เสียงผู้ชายที่เย็นชาและเต็มไปด้วยแรงดึงดูดก็ดังขึ้นในสนามบิน

“เซ่เจีย! คุณรีบลงจากเครื่องมาเดี๋ยวนี้นะ! ไม่บอกไม่กล่าว แล้วจะหนีไปแบบนี้ได้ยังไง?!”

“ผมจะเตือนคุณไว้ก่อนนะ ถ้าคุณไม่ลงมาอธิบายให้ชัดเจน วันนี้ทุกสายการบินในสนามบินนี้ห้ามบินไปไหนแม้จะสักลำ!”

คนที่สามารถทำเรื่องเอาแต่ใจขนาดนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วจะเป็นใครได้อีก?!

หลังจากที่เขาเร่งมาถึงสนามบิน เขาก็พบว่าเครื่องบินของเซ่เจียกำลังเร่งเครื่องอยู่บนรันเวย์แล้ว

ด้วยความใจร้อน เขาไม่สนใจสำหรับผลที่จะตามมาด้วยซ้ำ เขาจึงรีบเข้าไปในห้องออกอากาศ แล้วใช้ชีวิตของเจ้าหน้าที่ในห้องออกอากาศเพื่อเป็นหลักประกันในการออกคำสั่งให้เครื่องบินหยุดบินได้สำเร็จ!

เมื่อได้ยินเสียงพูดที่เอาแต่ใจของเย่เทียน เซ่เจียก็ต้องตกตะลึง เธอไม่รู้ว่าเย่เทียนตามเธอมาที่นี่ได้อย่างไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน

ถึงขั้นสั่งให้เครื่องบินทุกลำหยุดบินได้เลยหรือ?

แต่เมื่องมองดูเครื่องบินที่จอดนิ่งอยู่นอกหน้าต่างกระจก เธอก็จำใจต้องเชื่อ

เซ่เจียรู้สึกขมขื่นใจมาก เธอทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งข้อความออกไป

“เย่เทียน ฉันขอถามคุณนะ คุณยอมเลือกที่จะหย่ากับน้องหวั่นชิงแล้วมาแต่งงานกับฉันไหม?”

“ถ้าคุณทำไม่ได้ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ!