แต่ในที่สุด เซ่เจียก็จากไป
แม้ว่าลึกๆ ในใจของเย่เทียนจะอาลัยอาวรณ์มาก แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยเธอไป
เพราะถึงอย่างไรแล้ว เขาก็คงเลือกที่จะหย่ากับเฉินหวั่นชิงไม่ได้!
ต่อให้เฉินหวั่นชิงยังไม่ได้แต่งงานกับเขา แต่การเป็นหนี้ชีวิตในชาติที่แล้วทำให้เขาจำเป็นต้องชดใช้เฉินหวั่นชิงอย่างเต็มใจ แล้วเขาจะเลิกทำร้ายเฉินหวั่นชิงได้อย่างไร?
ในทางกลับกัน เย่เทียนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเซ่เจียนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ แต่ต่อให้ไม่พูดถึงหนี้ชีวิตในชาติที่แล้ว เขาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สามารถให้เซ่เจียตามที่เธอต้องการได้ ฉะนั้น ต่อให้ฝืนไปแล้วจะได้อะไร?
เมื่อแหงนมองสี่สิบห้าองศาไปที่เครื่องบินลำนั้นที่ค่อยๆ บินจากไป รอยยิ้มอันขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เทียน
“เย่เทียน ไอ้คนเลว คนอื่นไม่ได้เรียกร้องให้เอ็งรับผิดชอบอะไร ได้ของเขามาฟรีๆ แล้วเอ็งจะเศร้าทำไมวะ!”
ทันใดนั้น เย่เทียนก็ตบแก้มตัวเองและปลอบใจตัวเอง
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้าความขมขื่นก็ไม่อาจปกปิดไปได้
แต่ถึงอย่างนั้น แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก?
ไม่น่าแปลกใจที่โบราณเขาว่ากันว่า นักธุรกิจรายใหญ่จะไม่สนใจเรื่องของความรักอยู่แล้ว!
จากนั้น ภายใต้การดำเนินการของถังเหวินหลง เหตุการณ์การบุกเข้าไปในสถานีกระจายเสียงของสนามบินจึงไม่เป็นความผิดที่เย่เทียนต้องรับผิดชอบ
แต่กลับเป็นโลกแห่งโซเชียลที่ไม่ปล่อยเขาไว้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เรื่องของชายนิรนามผู้ลึกลับที่พยายามหยุดการจากไปของเซ่เจียก็ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงปริศนามากมายให้กับชาวเน็ตอย่างห้ามไม่ได้
กริ๊ง!
เย่เทียนเพิ่งเดินออกจากสนามบิน เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น
“ที่รัก……”
เย่เทียนที่กำลังเศร้าใจอยู่ไม่มีอารมณ์ที่จะดูหมายเลขที่โทรเข้ามา เขาจึงคิดว่าเป็นสายโทรเข้าจากเฉินหวั่นชิง
“เหอะๆ คุณเรียกใครว่าที่รัก?”
“ตามเหตุผลแล้ว พวกเรายังไม่เคยเจอกันเลยนะ คุณรับสายก็เรียกฉันว่าที่รัก มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
แต่ว่า เสียงจากปลายสายอีกด้านไม่ใช่เสียงของเฉินหวั่นชิง แต่เป็นเสียงที่แตกต่างกับลิบลับของฟู่เซิ่งหนาน!
“คุณโทรหาผม คงไม่ได้แค่จะล้อผมเรื่องนี้อย่างเดียวนะ?”
เย่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น ถ้าวันปกติเขาจะไม่ถือสาฟู่เซิ่งหนานที่หยอกล้อเขาแบบนี้เลย แต่วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีจริงๆ
“เอาล่ะ!”
เมื่อสัมผัสถึงน้ำเสียงอันไม่สบอารมณ์ของเย่เทียน ฟู่เซิ่งหนานก็ไม่ล้อเล่นและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ครั้งนี้ที่ฉันโทรหาคุณ เรื่องแรกเลยก็คือขอแสดงความยินดีกับคุณในการกำจัดหยุ่นหมัวได้สำเร็จ สำหรับช่วงนี้ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภัยคุกคามจากแก๊ง S.P.L อีก!”
“ส่วนเรื่องที่สอง ฉันอยากให้คุณช่วยอะไรหน่อย”
“ช่วยเรื่อง?” เย่เทียนขมวดคิ้วถาม
ฟู่เซิ่งหนานพูดอย่างชัดเจนว่า “ช่วยฉันฆ่าคนคนหนึ่ง!”
“ใคร?”
“ถังเหวินหลง!”
“หืม?!”
เย่เทียนถึงกับตกใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้ไม่พูดถึงชีวิตในชาติที่แล้ว แค่การช่วยเหลือของฟู่เซิ่งหนานที่มีต่อเขา เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธในการช่วยเธอแล้ว
แต่ทำไมเป้าหมายกลับต้องเป็นถังเหวินหลงด้วย ถ้าเป็นคนนี้ เขาคงช่วยไม่ได้จริงๆ!
แต่ว่า สิ่งนี้ก็ยิ่งทำให้เย่เทียนรู้สึกสงสัยมากขึ้น ถังเหวินหลงเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แล้วเขาทำผิดอะไรกันแน่? ถึงทำให้คนมากมายยอมเสี่ยงชีวิตในการเด็ดหัวเขา?!
เพราะครั้งล่าสุดที่ให้จี้เยียนหรันช่วย นั่นเป็นเหล่านักฆ่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังมีผู้ก่อการร้ายที่กล้าหาญ แต่ตอนนี้ แม้แต่ฟู่เซิ่งหนานจะอยากมีส่วนร่วมด้วย
“ไม่สิ ผมจำได้ว่าคุณเกลียดการนองเลือดนะ แล้วที่ผ่านมาคุณปฏิบัติการบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนไปล่ะ?”
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักฉันดีนะ!”
ฟู่เซิ่งหนานรู้สึกน่าทึ่งมาก เธอไม่นึกเลยว่าเย่เทียนจะรู้จักเธอขนาดนี้ ตามข้อมูลที่ตรวจสอบแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
แม้ในใจจะตกตะลึง แต่น้ำเสียงของฟู่เซิ่งหนานก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เธอยังคงพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “แต่สถานการณ์ครั้งนี้มันต่างกัน”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้งั่งที่ไหน ตั้งค่าหัวของถังเหวินหลงสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเว็บมืด!”
“แค่เงินหลักสิบล้านฉันก็ต้องทำงานเป็นเดือนๆ แล้ว ถ้าฉันได้เงินรางวัลนี้ ชีวิตที่เหลือคงไม่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์อีก”
เมื่อพูดถึงตอนจบ น้ำเสียงของฟู่เซิ่งหนานก็เริ่มตื่นเต้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธออยากกลายเป็นเศรษฐีมากแค่ไหน!
“แล้วคุณรู้ไหมว่า การที่ถังเหวินหลงถูกตั้งค่าหัวสูงขนาดนี้ สาเหตุหลักก็คือเขาเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของประเทศจีนเชียวนะ!”
เย่เทียนรู้สึกได้ว่าฟู่เซิ่งหนานไม่ได้ต้องการชีวิตของถังเหวินหลงเลย เธอแค่เห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดี และหวังว่าจะบอกข่าวนี้ให้กับเขาเพื่อทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ฉันต้องรู้อยู่แล้ว!”
ฟู่เซิ่งหนานยิ้มพูดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “และฉันยังรู้ว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาด้วย หรือว่าคุณช่วยร่วมมือกับเขาแล้วแกล้งตายหน่อยไหม? จากนั้นส่งรูปตอนตายให้ฉันสักสองสามรูป แล้วฝากเขาช่วยหายตัวไปสักสองสามวัน ฉันจะไปหลอกเอาเงินค่าหัว แล้วเรามาแบ่งสี่สามสามกัน?”
“แน่นอนว่าฉันเป็นคนไปหลอกเอาเงิน ฉันต้องรับผิดชอบฟอกเงินให้สะอาด ฉะนั้น 40% เป็นของฉัน ส่วนพวกคุณก็คนละ 30 %”
เย่เทียนถึงกับพูดไม่ออกไปสักพัก คนเขาอุตส่าห์ตั้งเงินรางวัลค่าหัวสูงถึง 500 ล้าน แล้วจะถูกหลอกง่ายๆ ได้อย่างไร?
ที่ยิ่งไปกว่านั้น แค่คิดด้วยหัวแม่เท้าก็รู้ได้ว่าถังเหวินหลงไม่มีทางให้ความร่วมมือในการหายตัวไปสักสองสามวันนี้อยู่แล้ว
“แล้วคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนโพสต์ภารกิจนี้?”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างจนใจและไม่กล้าพัวพันกับฟู่เซิ่งหนานต่อ
“ก็ยังหาไม่เจอเหมือนกัน”
ฟู่เซิ่งหนานก็เริ่มจริงจังแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นว่า “ฉันก็เคยแกล้งทำเป็นคนรับงานนี้เพื่อพยายามตรวจหาที่อยู่ IP ของเขาแล้ว แต่มันพาฉันไปอ้อมโลก สุดท้ายก็หลุดไปได้”
“แต่ว่า ฉันมีเหตุผลมากพอที่จะเชื่อว่าคนโพสต์รางวัลนี้เป็นคนในระบบของ ฝ่าย Mนะ”
“หือ?!”
เย่เทียนถึงกับตกใจและเริ่มจริงจังเช่นกัน “แล้วเหตุผลคือ?”
“ตำแหน่งสุดท้ายที่ฉันติดตามเขาคือฐานทัพลับของ ฝ่าย M ฉันทำให้พวกเขาแตกตื่น ดังนั้นจึงไม่เลือกที่จะติดตามต่อ”
ฟู่เซิ่งหนานพูดอย่างตรงไปตรงมา “บางทีอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาทิ้งประตูหลังไว้ หรือบางทีพวกเขาอาจจะเป็นคนที่นั่นเลยก็ได้!”
“ยังไงก็ขอบคุณนะ”
หลังจากวางสาย เย่เทียนก็ขมวดคิ้วแน่นๆ
เขาไม่ได้สงสัยความสามารถในการแฮ็คของฟู่เซิ่งหนานเลย และเขารู้ดีตั้งแต่ชาติที่แล้ว ในเมื่อเธอคนนี้ยังไม่สามารถติดตามได้ เกรงว่าคนในโลกนี้จะไม่มีใครติดตามตำแหน่ง IP ของพวกเขาได้อีก
ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนจึงต้องพิจารณาว่าเขาจะต้องมีส่วนร่วมในเรื่องแย่ๆ นี้ไหม
และตามการคาดเดาของฟู่เซิ่งหนาน ถ้าคนของ ฝ่าย Mเป็นผู้ตั้งค่าหัวนี้ นั่นก็หมายความว่านี่เป็นการต่อกรกันระหว่างประเทศ และในท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันนั้น มากสุดเขาก็เป็นได้แค่ตัวประกอบเล็กๆ!
ดังนั้นเมื่อทำการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เย่เทียนก็แอบคิดในใจว่า หลังจากเสร็จธุระของคืนนี้ เขาจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงถังเหวินหลงให้ไกลที่สุด เพื่อจะไม่เข้าไปมีเอี่ยวในเรื่อยแย่ๆ แบบนี้ และเพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น!