ตอนที่ 600 นายอย่าทำอะไรวุ่นวายเลย
ไป๋จิ่งได้ยินน้ำเสียงของมั่วไป๋ที่ค่อนข้างจะไม่นิ่งเท่าไหร่ เขาก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มีใจชั่วร้ายอยากนึกแกล้งมั่วไป๋อย่างบอกไม่ถูก
เขาจงใจกดเสียงต่ำ เอ่ยอย่างลึกลับ “คุณลองทายดูสิว่าผมกำลังทำอะไร”
คนถูกปิดตาอยู่ ทำได้เพียงอาศัยการได้ยินมาคาดเดา แบบนี้ความกังวลที่พูดออกมาไม่ได้ก็ปรากฏขึ้นมาในใจมั่วไป๋
โดยเฉพาะสาเหตุที่เกิดจากการมองเห็นถูกบดบัง เขาจึงรู้สึกว่าเหมือนเสียงพูดของไป๋จิ่งอยู่ข้างหูเขาอย่างไรอย่างนั้น
ในใจมั่วไป๋เริ่มจะตื่นตระหนกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขากำจานไว้แน่น เอ่ยอย่างหวาดหวั่น “ไป๋จิ่ง นายอย่าทำอะไรวุ่นวายเลย”
ไป๋จิ่งยื่นมือไปจับไหล่เขาไว้ “ไม่ต้องกลัว ผมจะพาคุณไป”
ด้วยเหตุนี้มือข้างหนึ่งเขาจึงปิดตามั่วไป๋ไว้ อีกมือหนึ่งก็โอบยึดตัวมั่วไป๋ไว้ ค่อยๆ เดินเข้าไปข้างในทีละนิดๆ
มั่วไป๋มองไม่เห็นเข้าเดินอย่างช้าๆ ทุกๆ ก้าวระมัดระวังเป็นพิเศษทั้งหมด
เวลาในนาทีนี้ค่อยๆ ถูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ
ไม่รู้ว่าถูกไป๋จิ่งพาเดินมานานเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งข้างหูมีเสียงไป๋จิ่งดังขึ้นมา
“โอเค ถึงแล้ว”
ขณะที่ไป๋จิ่งพูดคำนี้ เขาก็ไม่เอามือที่ปิดมือมั่วไป๋ลง
ทันใดนั้นจานในมือก็ถูกดึงออกไป ทันทีหลังจากนั้นในมือก็มีของมาเพิ่มอีกชิ้นต่อชิ้น ไม่รู้ว่าไป๋จิ่งยัดอะไรเข้ามา เนื้อวัสดุเป็นแก้วเหมือนจะเป็นขวดโหล
“เดี๋ยวคุณกอดของในมือไว้แน่นๆ ได้นะ”
จู่ๆ เขาก็แนบชิดข้างหูพร้อมเอ่ยเสียงต่ำ ความอบอุ่นแผ่ซ่านจากข้างหูมาทำให้มั่วไป๋หดคอเขาโดยอัตโนมัติ
เขากระชับมือแน่น กอดขวดโหลในมือแน่นโดยอัตโนมัติ
ทันทีหลังจากนั้นไป๋จิ่งถึงได้เอ่ยขึ้น “ลืมตาได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าไป๋จิ่งปล่อยมือลงตั้งแต่เมื่อไหร่ แพรขนตายาวของมั่วไป๋สั่นเทา เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เห็นภาพที่ปรากฏตรงหน้าชัดเจนแล้ว รูม่านตาสีอ่อนหดตัวอย่างรุนแรง
เรือนกระจกที่เดิมทีใช้พักผ่อน เวลานี้ได้ประดับไปด้วยดวงไฟเล็กๆ ที่ประกายแสงระยิบระยับอยู่เต็มไปหมด ตรงกลางมีโต๊ะตัวใหญ่วางอยู่ ข้างบนมีหม้อไฟที่ยังไม่ได้ตั้งเตาจุดไฟ
มั่วไป๋ตะลึงงัน ไม่ค่อยจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเท่าไหร่
จิตใต้สำนึกสั่งให้เขามองไป๋จิ่ง ไป๋จิ่งยักคิ้วให้เขา บอกใบ้ให้เขาก้มหน้าลง
ขวดโหลแก้วที่เขาประคองอยู่ในมือ ข้างในมีลูกกวาดหลากสี ทุกรูปร่างหลากรูปแบบเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
มั่วไป๋ใช้เวลาอยู่นานมาก กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ
เขาอยากกำมือแน่นโดยจิตใต้สำนึกของเขา แต่มือยังหอบโหลลูกกวาดอยู่ หมดหนทางจะกำมือ
“นาย…” มั่วไป๋คอเกร็งทันที แล้วเอ่ยต่อทันทีหลังจากนั้น “ทำไมต้องทำแบบนี้”
ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะทั้งรักทั้งสงสาร
“ผมจำได้ คริสต์มาสคืนวันนั้น คุณเตรียมของมาทั้งบ่าย อยากจะกินหม้อไฟกับผม”
ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างกายมั่วไป๋ เขายื่นมือไปหยิบขวดโหลแก้วในมือมั่วไป๋ลงมา แล้วจูงมือมั่วไป๋ทันทีหลังจากนั้น
เขาจูงมือเขาเดินมาข้างหน้า เอ่ยปากอย่างช้าๆ “ขอโทษด้วย ครั้งนั้นผมไม่ได้กินดีๆ ดังนั้นครั้งนี้ คุณกินเป็นเพื่อนผมครั้งหนึ่งได้ไหม”
เขาพูดไปก็พามั่วไป๋มาถึงที่หน้าเก้าอี้ มั่วไป๋ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ไม่ได้พูดว่าได้ แล้วก็ไม่ได้พูดว่าไม่ได้
ในใจไป๋จิ่งตื่นตระหนก เขารู้ว่าตอนนี้ชดเชยส่วนที่ขาดจะช้าไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะช้าหรือไม่ เขาก็อยากจะลองดู
ใบหน้าขาวผ่องของมั่วไป๋ภายใต้แสงไฟดูเหมือนจะซีดเซียวลงไปบ้าง
ไป๋จิ่งหัวใจรัดตัวตัวแน่น เขาเอื้อมมือไปกระชับมือมั่วไป๋ไว้แน่น “กินเป็นเพื่อนผมครั้งหนึ่งนะ”
ปลายนิ้วมั่วไป๋สั่นเทา จิตใต้สำนึกต้องการจะหนีห่างจากความอบอุ่นนี้ แต่ไป๋จิ่งตั้งใจแน่วแน่แล้ว ด้านได้อายอดก็จะไม่ปล่อยมือทั้งนั้น
ดังนั้นเขาจึงกุมมือมั่วไป๋อย่างแน่นสนิท ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
มั่วไป๋ลองดูอยู่หลายครั้ง เขาก็ชักมือออกจากไป๋จิ่งไม่ได้สีกที จนสุดท้ายเขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายรั้งไว้แบบนี้
ตอนที่ 601 แสงแดดอุ่นในฤดูหนาว
เขามองไป๋จิ่งด้วยความจนใจ “หม้อไฟที่พลาดไปก็ไม่จำเป็นต้องกินแล้ว เรื่องบางเรื่องต่อให้ชดเชยยังไง มันก็ชดเชยไม่ไหวแล้ว”
ไป๋จิ่งรั้งเขาไว้อย่างดื้อรั้น “ชดเชยไม่ไหว พวกเราก็เริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งสิ…
…ตอนนี้คุณคือมั่วไป๋ พวกเราก็เริ่มต้นใหม่จากมั่วไป๋กัน”
มั่วไป๋มองไป๋จิ่ง เอ่ยอย่างมีหลักการกับเขาอย่างจริงจัง “ถ้ายึดตามสิ่งที่นายมี สิ่งที่นายเป็น คนตั้งมากมายรอนายมาชอบ นอกจากฉันแล้ว นายเลือกคนได้อีกมากมาย พวกเขาน่าจะชอบนายได้มากๆ เลย”
“นอกจากคุณ ผมก็ไม่ต้องการใครทั้งนั้น”
เห็นได้ชัดว่ามั่วไป๋ไม่เคยเห็นไป๋จิ่งเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขนาดนี้ เพียงชั่วขณะไม่รู้จะแสดงท่าทีตอบสนองไปอย่างไรดี
เขาถอนหายใจลึกๆ ยกนิ้วมือขึ้นมาชี้ที่หัวใจของตัวเอง “ตรงนี้ของฉันให้สิ่งที่นายต้องการไม่ไหว”
ไป๋จิ่งเอื้อมมือไปกอดเขาไว้ เอ่ยเสียงเบาๆ “ไม่เป็นไร ผมให้สิ่งที่คุณต้องการได้”
ขอเพียงแต่มั่วไป๋ยอมรับเขาใหม่อีกครั้ง เขามั่นใจว่าจะทำให้มั่วไป๋กลับไปเป็นหลินฝานที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้
ถูกไป๋จิ่งกอดไว้ในอ้อมอกขนาดนี้ นิ้วมือมั่วไป๋แข็งทื่อไม่รู้ว่าจะวางตรงไหนดี
เขากลัว กลัวว่าถึงแม้จะกลับมาคบกับไป๋จิ่งอีกครั้ง ระหว่างพวกเขาก็ยังต้องจบกันอยู่ดี
แต่…อ้อมกอดของไป๋จิ่งอบอุ่นเกินไปแล้ว
ดั่งแสงแดดอุ่นในฤดูหนาว มั่วไป๋ตัดใจออกห่างอ้อมกอดนี้ไม่ลง
“มั่วไป๋ คุณเชื่อผมอีกเป็นครั้งสุดท้ายนะ คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ครั้งนี้ให้ผมทำเอง…
…มั่วไป๋ ผมรักคุณ รักยิ่งกว่าที่คุณจะจินตนาการได้”
……
หลังจากสองสัปดาห์ผ่านไป
มั่วไป๋กำลังวาดรูปอยู่ในห้องสตูดิโอ เขาเพิ่งจะวาดรูปชุดสุดท้ายเสร็จ กำลังจะเตรียมวางพู่กันในมือลง
กลอนประตูด้านข้างขยับ ไป๋จิ่งที่หัวยุ่งเพิ่งตื่นนอนเดินผ่านประตูเข้ามา เขาเห็นมั่วไป๋บนม้านั่งก็เดินเข้าไปหาด้วยความเคยชิน
บนตัวมั่วไป๋ยังเลอะสีวาดรูปอยู่ ไป๋จิ่งเองก็ไม่สนใจ โน้มเข้าไปจูบมั่วไป๋ แล้วกอดมั่วไป๋ทันทีหลังจากนั้น พลางเอ่ยเสียงต่ำ “อรุณสวัสดิ์”
มั่วไป๋เอามือสะกิดไป๋จิ่ง “ปล่อยก่อน บนตัวฉันมีสีติดอยู่”
ไป๋จิ่งทำตัวกะล่อน มีสีติดแล้วยังไง กอดมั่วไป๋ได้ จะเลอะสีก็ไม่เป็นไร
กอดอยู่พักหนึ่ง ไป๋จิ่งถึงเพิ่งปล่อยมือ “ตอนเช้าอยากกินอะไร”
เขายังไม่ทันรอมั่วไป๋ตอบกลับ เขาก็ถามต่ออีกประโยค “เกี๊ยวน้ำเป็นไง”
มั่วไป๋เงียบงันสักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้”
ไป๋จิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือจะถอดเสื้อคลุมเขาออก มั่วไป๋สะดุ้งตกใจ “นาย…”
“คุณไม่คิดจะช่วยผมเหรอ”
มั่วไป๋ชะงักงัน กว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ฉันทำเอง”
ไป๋จิ่งทำหน้าเสียดาย เหมือนว่าเสียดายมากที่ไม่ได้ช่วยมั่วไป๋ถอดเสื้อคลุมออก
มั่วไป๋ถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว ข้างในเป็นเสื้อไหมพรมสีขาวสะอาดตา
มั่วไป๋เห็นสีที่เลอะอยู่หน้าอกเขา คิดดูแล้วน่าจะเกิดจากตอนที่กอดตัวเองเมื่อครู่นี้
ไป๋จิ่งเห็นสายตาคนตรงหน้าจดจ้องที่หน้าอกเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้ามองดู สายตาตกกระทบอยู่ที่สีดำนั้น เขายิ้มอย่างไม่สนใจ “อย่าว่านะ ยังดูดีทีเดียวเลย”
มุมปากมั่วไป๋กระตุกแล้วกระตุกอีก ไม่อยากตอบกลับเขา
โดนไป๋จิ่งลากลงมาถึงชั้นล่าง ไป๋จิ่งทำแป้งเกี๊ยว ส่วนมั่วไป๋ทำไส้อยู่ข้างๆ
แสงแดดยามเช้าฉายสะท้อนกระจกในห้องครัวเข้ามา สาดส่องตกกระทบร่างของคนสองคนพอดี
มั่วไป๋เงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างๆ เชิดมุมปากขึ้น ทำแป้งเกี๊ยวอย่างจริงจัง
มั่วไป๋มองดูใบหน้าที่ดูดีของเขา พลางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงวันนั้น
อาจจะเพราะคืนนั้น ท้องฟ้ายามราตรีสวยเกินไป หลังจากไป๋จิ่งพวกคำนั้นออกมา คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยคำรับปากไป๋จิ่งแล้ว