ตอนที่ 1873 -1875

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1873 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (6)
  ผู้อาวุโสอิ่งทำสีหน้าเย้ยหยัน
  ประมุขวิหารเงาจันทราเห็นว่าโน้มน้าวผู้อาวุโสอิ่งไม่ได้ เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพูดกับจวินอู๋เสียตรงๆว่า “คุณหนูจวินได้ทำประโยชน์ให้กับวิหารเงาจันทรา ข้ากับผู้อาวุโสอิ่งมีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง แต่ข้าคิดว่าคุณหนูจวินเป็นคนฉลาด น่าจะแยกแยะได้ ข้าปฏิบัติกับเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสในวิหารด้วยความจริงใจเสมอมา มิเช่นนั้นคงไม่ทำให้ผู้อาวุโสเยว่เหิมเกริมพยายามก่อกบฏเช่นนี้”
  จวินอู๋เสียมองประมุขวิหารเงาจันทราด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆต่อคำอธิบายของเขา
  ประมุขวิหารเงาจันทรารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเย่กูที่ยืนอยู่ด้านหลังจวินอู๋เสีย เขาก็ฮึดขึ้นมาและพูดโน้มน้าวต่อไป
  จนกระทั่งจวินอู๋เสียหมดความอดทน นางจึงเอ่ยขึ้นว่า
  “เจ้าพูดจบรึยัง?”
  ประมุขวิหารเงาจันทรามีสีหน้ายินดี เขาพยักหน้าทันที
  “คุณหนูจวินมีอะไรจะชี้แนะหรือ?”
  “เจ้าอยากชวนข้าเข้าวิหารเงาจันทรางั้นหรือ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วถาม
  ประมุขวิหารเงาจันทรานิ่งงันกับคำพูดตรงไปตรงมาของจวินอู๋เสีย สักพักเขาถึงตั้งสติได้และพูดพร้อมหัวเราะว่า “คุณหนูจวินเป็นคนที่ไหวพริบดีและมีพรสวรรค์สูง เป็นคนเก่งที่หาได้ยากในใต้หล้านี้ หากเจ้าสนใจเข้าร่วมวิหารเงาจันทราของข้า ย่อมเป็นวาสนาของวิหารเงาจันทรา ข้าสัญญาว่าจะต้อนรับเจ้าด้วยตำแหน่งผู้อาวุโส”
  ประมุขวิหารเงาจันทราใช้ลูกไม้เดิมๆ นั่นคือนำวิธีการเดียวกับที่เขาใช้หลอกล่อผู้อาวุโสอิ่งมาใช้กับจวินอู๋เสียอีกรอบ
  ทันใดนั้น มุมปากของจวินอู๋เสียก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
  รอยยิ้มนั้นบางมากจนแทบมองไม่เห็น แต่เส้นโค้งเล็กน้อยนั้นทำให้ใบหน้าของจวินอู๋เสียยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น ประมุขวิหารเงาจันทราถึงกับเหม่อมอง ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้
  “ขออภัยจริงๆ” จวินอู๋เสียเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
  “ข้าไม่สนใจจะเข้าร่วมกับวิหารเงาจันทราของเจ้า แต่ถ้าเป็นการทำลายวิหารเงาจันทราล่ะก็ ข้าสนใจมากทีเดียว”
  คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้ประมุขที่หลงใหลคลั่งไคล้สาวงามรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า ดวงตาของเขาเบิกกว้างจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
  “คุณหนูจวิน เจ้าล้อเล่นใช่ไหม? มันไม่ตลกเลยสักนิด” สีหน้าของประมุขไม่น่าดูเอาซะเลย
  จวินอู๋เสียยักไหล่ จากนั้นก็ยกมือขึ้นโบกเบาๆ
  เย่ฉาที่ยืนอยู่นอกห้องโถงจัดการปิดประตูห้องโถงทันที!
  เสียงปิดประตูดังก้องห้องโถงใหญ่ เสียงนั้นกระทบใจของทุกคนในห้อง
  “ล้อเล่นงั้นหรือ? อยากจะคิดแบบนั้นก็เชิญ” จวินอู๋เสียพูด
  ต่อให้ประมุขวิหารเงาจันทราเป็นคนโง่เง่าปัญญาอ่อน ก็ยังมองออกว่าสถานการณ์ดูไม่เข้าท่าแล้ว
  “คุณหนูจวิน วิหารเงาจันทราของข้าไม่มีเรื่องบาดหมางกับเจ้า และไม่เคยล่วงเกินเจ้าเลยสักครั้ง ตอนเจ้าปลอมตัวเป็นฉางฮวนอยู่ในวิหารเงาจันทราข้า ข้าก็เกรงใจเจ้าอยู่มาก แล้วนี่เจ้าคิดจะทำอะไร?” เสียงของประมุขวิหารเงาจันทราพลันเข้มขึ้นทันที
  “ก็ข้าพอใจ” จวินอู๋เสียโยนคำพูดที่ทำให้คนกระอักเลือดออกมา
  นางพอใจ?!
  แค่เพราะนางพอใจ ก็จะเอ่ยปากทำลายวิหารเงาจันทราที่เป็นหนึ่งในสิบสองวิหารได้งั้นหรือ?
  ทุกคนในห้องโถงใหญ่แทบกระอักเลือดออกมาจากคำพูดของจวินอู๋เสีย
  ในใต้หล้านี้คนที่กล้ากล่าวกับสิบสองวิหารเช่นนี้ เกรงว่าคงมีอยู่ไม่กี่คน
  “จวินอู๋เสีย เจ้าเอาจริงงั้นหรือ?” ประมุขวิหารเงาจันทราหรี่ตามองจวินอู๋เสียที่อวดดีจนน่าโมโห
  “ใช่” จวินอู๋เสียตอบพร้อมกับเลิกคิ้ว
  คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้ทุกอย่างที่ประมุขทำไปเมื่อครู่กลายเป็นเรื่องตลก คนที่เขาพยายามจะดึงเข้าเป็นพวก กลับเป็นคนที่คิดจะทำลายวิหารเงาจันทรา คำพูดชักชวนตีสนิทของประมุข บัดนี้ฟังดูเหมือนการประชดประชันอย่างมาก
ตอนที่ 1874 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (7)
  เหล่าศิษย์ของวิหารเงาจันทรามองดูสถานการณ์ด้วยความเคร่งเครียด พลังวิญญาณหลากสีเปล่งแสงออกมาในห้องโถงใหญ่ของวิหารเงาจันทรา
  แต่ถ้าดูให้ดีๆ จะเห็นว่าใบหน้าของศิษย์เหล่านั้นซีดขาวและพยายามฝืนทำหน้าให้ดูสงบนิ่ง ในแววตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวในหัวใจ
  ต่อต้านหรือ?
  จะให้ต่อต้านยังไง?
  ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเยว่ พวกเขาก็เครียดมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่สามารถจัดการกับผู้อาวุโสเยว่ได้ในชั่วพริบตา!
  ภาพที่เย่กูจัดการผู้อาวุโสเยว่ได้ฝังลึกลงไปในจิตใจของพวกเขา ความหวาดกลัวได้บดขยี้ความตั้งใจที่จะต่อสู้ของพวกเขาแล้ว
  “ก็ดี ข้าก็อยากจะเห็นว่าพวกเจ้าจะต่อต้านข้ายังไง?” จวินอู๋เสียเชิดหน้าขึ้น นางมองประมุขด้วยท่าทางที่เกือบจะเป็นหยิ่งผยอง
  ทันทีที่สิ้นเสียงของจวินอู๋เสีย ร่างของเย่ฉาและเย่กูก็กระโจนมาอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย หมอกสีดำหมุนวนรอบร่างของพวกเขาแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน!
  เมื่อหมอกสีดำที่เกือบเหมือนแสงวิญญาณหมุนวนรอบร่างของเย่ฉาและเย่กู ประมุขวิหารเงาจันทราที่ยังคงต้องการต่อสู้ให้ถึงที่สุดก็ตัวแข็งทื่อไปทันที เขามองเย่ฉาและเย่กูด้วยความตกใจขีดสุด
  “พลังวิญญาณสีดำ……พลังวิญญาณปีศาจ……พลังวิญญาณปีศาจ……พวกเจ้าเป็นคนของราชอาณาจักรแห่งความมืด! แท้จริงแล้วพวกเจ้าเป็นคนของราชอาณาจักรแห่งความมืด!!!” ประมุขวิหารเงาจันทราทำหน้าเหมือนเห็นผี เสียงของเขาแทบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง
  เสียงนั้นดังเข้าหูของทุกคนจนแก้วหูแทบแตก
  แค่มองเท่านั้น ประมุขก็รู้สึกหวาดกลัวสิ้นหวังราวกับว่าเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว เขาทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวสั่นไม่หยุดราวกับถูกผีสิง
  ราชอาณาจักรแห่งความมืด
  ตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในใจของทุกคนในอาณาจักรกลาง แม้ว่าจะถอนตัวไปเป็นพันปีแล้วก็ตาม แต่ความกลัวที่มีต่อพวกเขายังคงอยู่
  สำหรับความรู้ของผู้คนในโลกนี้ พลังวิญญาณเริ่มต้นด้วยเจ็ดสี คือ แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, ฟ้า, คราม, ม่วง ตามด้วย วิญญาณสีเงินและวิญญาณสีทอง นอกเหนือจากพลังวิญญาณเหล่านี้ ยังมีพลังอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือพลังสีดำที่เหมือนกับพลังวิญญาณ แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
  ทั่วทั้งอาณาจักรกลาง ที่เดียวที่สามารถใช้พลังดังกล่าวได้มีแค่คนของราชอาณาจักรแห่งมืดเท่านั้น!
  กี่ปีมาแล้วที่ราชอาณาจักรกลางได้รวมอาณาจักรกลางให้เป็นหนึ่ง ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินและขั้นสีทองกี่คนที่ถูกบดขยี้ด้วยพลังสีดำ ยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของสิบสองวิหารและเก้าอารามกี่คนที่ถูกกลบฝัง
  พลังที่เหมือนฝันร้ายนั้นถูกเรียกว่าพลังวิญญาณปีศาจ……
  พลังที่ได้รับมาจากปีศาจ
  เมื่อสิ้นจักรพรรดิแห่งความมืด ราชอาณาจักรแห่งความมืดก็ถอนตัวไป ผู้ใช้พลังวิญญาณปีศาจไม่ปรากฏตัวท่ามกลางผู้คนเป็นเวลาหลายร้อยปี มีเพียงคนที่ทำให้ชื่อของจักรพรรดิแห่งความมืดต้องแปดเปื้อนเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของผู้ใช้พลังวิญญาณปีศาจ
  แม้กระทั่งในความฝัน ประมุขวิหารเงาจันทราก็ไม่คิดว่าสักวันเขาจะได้เห็นพลังวิญญาณปีศาจของจริง
  ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นแสงพลังวิญญาณตอนที่เย่กูลงมือเลยสักนิด เพราะพลังที่เย่กูใช้ก็คือพลังวิญญาณปีศาจ พลังที่มาจากขุมนรกที่มืดมิด พลังวิญญาณปีศาจสีดำกลมกลืนกับเสื้อผ้าสีดำทั้งตัวของเย่กู และด้วยความเร็วในการลงมือ จึงไม่มีทางที่จะสังเกตเห็นมันได้!
  “ราชอาณาจักรแห่งความมืด! เป็นราชอาณาจักรแห่งความมืด! ข้าผิดไปแล้ว……ข้าผิดไปแล้ว……” ประมุขวิหารเงาจันทราเหงื่อแตกพลั่ก ขดตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดขาว ดูน่าสังเวชราวกับถูกสาดน้ำเย็นใส่
  ในใจเขาไม่เหลือความรู้สึกอยากต่อต้านอีกต่อไป
  แม้ว่าราชอาณาจักรแห่งความมืดจะถอนตัวไปนานหลายปี แต่การได้เห็นคนของราชอาณาจักรแห่งความมืดก็ยังหมายถึงหายนะอยู่ดี
  พลังอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อต้านได้! ไม่มีใครรอดจากการโจมตีของราชอาณาจักรแห่งความมืดไปได้!
ตอนที่ 1875 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (8)
  ความตื่นตระหนกหวาดกลัวของประมุขวิหารเงาจันทราทำให้เหล่าศิษย์ที่กลัวอยู่แล้วยิ่งกลัวมากขึ้น มือที่จับอาวุธเริ่มสั่น
  ราชอาณาจักรแห่งความมืด……
  นั่นคือฝันร้ายที่สุดที่ฝังอยู่ในใจของทุกคน
  นี่คือความน่าเกรงขามของราชอาณาจักรแห่งความมืดที่ได้แสดงต่อหน้าจวินอู๋เสียเป็นครั้งแรก อำนาจที่อยู่เหนือทุกสิ่งทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกประหลาดใจ
  เย่ฉาและเย่กูแค่เปิดเผยพลังวิญญาณปีศาจของพวกเขา ก็ทำให้ประมุขวิหารเงาจันทราสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้และหวาดกลัวอย่างมากจนยากที่จะจินตนาการได้
  ผู้อาวุโสอิ่งที่ยืนอยู่ในห้องโถงจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึง เขาได้ยินชื่อของราชอาณาจักรแห่งความมืดมานานแล้ว แต่แตกต่างจากสิบสองวิหาร ความประทับใจที่ตระกูลใหญ่ทั้งหลายมีต่อราชอาณาจักรแห่งความมืดนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้อาวุโสอิ่งก็คิดไม่ถึงว่าพวกของจวินอู๋เสียจะเป็นคนของราชอาณาจักรแห่งความมืด!
  ผู้อาวุโสอิ่งเคยตกใจกับพลังของเย่กูและเย่ฉา แต่ไม่รู้ที่มาที่แท้จริงของพวกเขา และไม่กล้าถามมาก
  ตอนที่ประมุขกรีดร้องออกมาว่าราชอาณาจักรแห่งความมืด เขาจึงตกตะลึงตาค้างไปเลย
  เขาไม่เคยคิดเลยว่าที่มาของพวกจวินอู๋เสียจะน่ากลัวขนาดนี้!
  จวินอู๋เสียมองประมุขวิหารเงาจันทราด้วยสายตาเย็นชา แล้วยกมือขึ้นช้าๆ
  ทันใดนั้น เย่ฉาและเย่กูก็กลายเป็นพายุหมุนสีดำสองลูกพุ่งตรงไปยังคนของวิหารเงาจันทรา
  เลือดสีแดงสาดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง!
  เหล่าศิษย์ที่หวาดกลัวหนักจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไร้กำลังจะตอบโต้การล่าสังหารของเย่ฉาและเย่กู
  เสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ของวิหารเงาจันทรา
  ประมุขยังคงขดตัวหันหลังเกาะพนักเก้าอี้พร้อมกับก้มหน้าหลับตาแน่น ขณะที่เสียงร้องของศิษย์วิหารเงาจันทราดังก้องหูของเขา กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วห้องโถง พอหายใจกลิ่นก็ลอยเข้าจมูก ทำให้เขาหวาดกลัวมากขึ้น
  ศิษย์ทั้งห้องโถงถูกเย่ฉาและเย่กูสังหารจนหมดในเวลาแค่หนึ่งนาที ร่างของพวกเขากองรวมกันอยู่กลางห้องโถง เลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนไปทั่วทุกมุมของห้องโถงใหญ่
  เย่ฉาเดินขึ้นไปยืนข้างเก้าอี้ประมุข และยื่นมือไปยกตัวประมุขที่ตัวแข็งเป็นหินไปแล้วขึ้นมา
  ประมุขที่อยู่ในอุ้งมือของเย่ฉาโบกไม้โบกมือดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ในที่สุดเขาก็ถูกนำตัวมาอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสียและถูกทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี
  ประมุขวิหารเงาจันทราที่เคยสูงส่งและยิ่งใหญ่ล้มลงไปนั่งบนพื้นด้วยสภาพที่น่าสังเวชต่อหน้าจวินอู๋เสีย ใต้ตัวเขาคือเลือดที่ยังอุ่นๆ สัมผัสเหนียวเหนอะหนะผ่านเสื้อผ้าไปโดนผิวหนัง ทำให้เขายิ่งตกใจกลัวจนฟันกระทบกัน
  “ละเว้นข้า……ละเว้นข้าด้วย……เจ้าอยากได้วิหารเงาจันทรา ข้าจะให้เจ้า……เจ้าจะทำลายหรือจะทำอะไรก็ได้……ละเว้นข้าเถอะ……” ใบหน้าซีดขาวของประมุขเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาวิงวอน ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเด็กสาวผู้งดงามไร้ที่ติคนนี้
  “ละเว้นเจ้า?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว นางกวาดตามองประมุขวิหารเงาจันทรา แล้วกวักมือเรียกเยว่เย่กับผู้อาวุโสอิ่งเข้ามา
  ผู้อาวุโสอิ่งได้สติกลับมาจากความตกใจ เขาเดินเข้าไปหาจวินอู๋เสีย ขณะที่เยว่เย่ตกตะลึงกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาจนยืนแข็งค้าง ไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานาน
  “เจ้าถามพวกเขาสิ ว่าจะยอมละเว้นเจ้าไหม” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา
  เพื่อให้ได้สมบัติของตระกูลจ้าน วิหารเงาจันทราไม่ลังเลที่จะฆ่าลูกชายและลูกสะใภ้ของผู้อาวุโสอิ่ง ยิ่งกว่านั้นยังเลี้ยงเยว่เย่และเยว่อี้มาใช้เป็นตัวเบี้ยและของเล่น โหดร้ายขนาดที่ทำลายพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าปู่ของพวกเขา ทั้งหมดนี้เป็นบาปที่วิหารเงาจันทราเป็นผู้กระทำอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้