ตอนที่ 1876 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (9)
ประมุขวิหารเงาจันทราตะเกียกตะกายคลานเข้ามาแทบเท้าของผู้อาวุโสอิ่ง น้ำมูกน้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า พร้อมกับคร่ำครวญว่า “ผู้อาวุโสอิ่ง ผู้อาวุโสอิ่งได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่ได้ทำแย่ๆกับเจ้าเลยใช่ไหม? เรื่องที่เกิดกับลูกชายเจ้าไม่ใช่การกระทำของข้า มันเป็นความคิดของผู้อาวุโสเยว่! เขามาบอกข้าเรื่องนี้หลังจากที่ทำลงไปแล้ว ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย! ผู้อาวุโสอิ่ง ขอร้องล่ะไว้ชีวิตข้าเถอะ! เจ้าอยากได้อะไรเป็นการชดเชย ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่าง!”
ประมุขวิหารเงาจันทราหวาดกลัวขีดสุด ทั้งร้องไห้และอ้อนวอน
ผู้อาวุโสอิ่งมองประมุขที่ร้องไห้คร่ำครวญด้วยสายตาเย็นชา ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
“ตอนนั้นเจ้าปล่อยลูกชายข้าไหมล่ะ?” ผู้อาวุโสอิ่งตอบอย่างเย็นชา
ประมุขวิหารเงาจันทราอ้อนวอนขอความเมตตาไม่หยุด แต่ผู้อาวุโสอิ่งปัดเขาออกไปและไม่มองเขาอีก แต่หันมาพูดกับจวินอู๋เสียแทนว่า “คุณหนูจวิน รบกวนให้คนของท่านแก้แค้นแทนข้าด้วย ขอบคุณท่านมาก”
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย นางเข้าใจความหมายของผู้อาวุโสอิ่ง และยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เย่กู
เย่กูก้าวเข้ามาทันที และยกตัวประมุขวิหารเงาจันทราขึ้นจากพื้น!
ประมุขวิหารเงาจันทรากรีดร้องเสียงแหลมและดิ้นรนไม่หยุด แต่ก็สู้พลังของเย่กูไม่ได้ เย่กูยกเขาขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็คว้าไปที่ลำคอของเขา
เสียงกระดูกหักดังกรอบ หัวของประมุขห้อยตกลงมาในสภาพบิดเป็นมุมแปลกๆ……
ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ผู้อาวุโสอิ่งมองร่างไร้วิญญาณของประมุขวิหารเงาจันทราที่ถูกโยนลงบนพื้น ก่อนจะหันไปมองซากศพมากมายที่เกลื่อนไปทั่วและผู้อาวุโสเยว่ที่หมดสติไปจากความเจ็บปวด เขาหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าหลับตา น้ำตาสองสายไหลออกมาจากดวงตา
จวินอู๋เสียยืนอยู่กลางห้องโถง ความเงียบในห้องโถงตอนนี้ทำให้รู้สึกสงบมาก นางหันหน้าไปมองเยว่เย่ที่ยืนตะลึงอยู่หน้าห้องโถง
สายตาของเยว่เย่เต็มไปด้วยความตกใจขีดสุด พอสบตาจวินอู๋เสีย นางก็สะดุ้งสุดตัว
วันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น สำหรับเยว่เย่ที่อายุเพียง 12 ปี มันเกินจะรับไหว มีเรื่องให้นางต้องคิดมากมายทีเดียว
“คุณหนูจวิน ประมุขวิหารเงาจันทราตายแล้ว แต่ในวิหารเงาจันทรายังมีศิษย์อยู่เป็นจำนวนมาก ท่านคิดจะทำยังไง?” ผู้อาวุโสอิ่งได้สติจากการแก้แค้น เขามองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าจริงจัง
ถ้าเขาจำไม่ผิด จวินอู๋เสียพูดไว้ในตอนแรกว่าจะทำลายวิหารเงาจันทราให้สิ้น ไม่ใช่แค่จะฆ่าประมุขวิหารเงาจันทรา
“ฆ่าให้หมด” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างไม่แยแส
ผู้อาวุโสอิ่งผงะ “ศิษย์ของวิหารเงาจันทรามีอยู่เกือบหมื่น ถึงแม้คุณหนูจวินกับคนของท่านอีกสองคนจะมีพลังที่ไม่ธรรมดา แต่การกำจัดทุกคนที่นี่ในเวลาอันสั้น เกรงว่าจะค่อนข้างยาก หากข่าวรั่วไหลออกไป ก็ยากจะรับประกันได้ว่าวิหารอื่นจะไม่เคลื่อนไหว”
แม้ว่าสิบสองวิหารจะไม่ได้สามัคคีกลมเกลียวกันนัก แต่ถ้าพวกเขารู้ว่ามีคนมาท้าทายอำนาจของสิบสองวิหาร พวกเขาก็จะรวมกำลังกันต่อต้านกองกำลังภายนอกพวกนั้น
จวินอู๋เสียตอบว่า “พวกเขาไม่มีโอกาสหรอก”
พูดจบ เย่ฉาและเย่กูที่เดินไปถึงประตูห้องโถงใหญ่แล้วก็ผลักประตูที่ปิดสนิทให้เปิดออก
และภาพที่ปรากฏนอกประตูนั้นก็ทำให้ผู้อาวุโสเยว่ตะลึงค้างไปทันที!
ภายในวิหารเงาจันทราอันกว้างใหญ่ สัตว์อสูรขนาดยักษ์สองตัวกำลังทำการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม พวกมันพากันฆ่าศิษย์ของวิหารเงาจันทราที่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ท่ามกลางฝูงชนที่โกลาหลวุ่นวาย ดูเหมือนเขาจะเห็นร่างมนุษย์สองร่างกำลังเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็วผ่านผู้คน ราวกับยมทูตกำลังเก็บเกี่ยวชีวิตของคนเหล่านั้น!
ตอนที่ 1877 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (10)
ผู้อาวุโสอิ่งมองการสังหารหมู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ตอนที่ประตูห้องโถงปิดอยู่ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าด้านนอกนั้นฟ้าเปลี่ยนแล้ว
ท่านแบะแบะ กระต่ายโลหิต บัวเมา และอิงซู่ลงมือสังหารหมู่นองเลือดตั้งแต่ตอนที่ประตูห้องโถงใหญ่ปิดอยู่แล้ว!
เย่ฉาและเย่กูกลายเป็นแสงสีดำสองสายกระโดดเข้าร่วมการต่อสู้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร จวินอู๋เสียแค่ยืนชื่นชมฉากนองเลือดอยู่เงียบๆก็พอแล้ว
ตอนนั้น ผู้อาวุโสอิ่งก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงพูดอย่างมั่นใจได้ขนาดนั้น
เพราะตั้งแต่ตอนที่นางตัดสินใจโค่นล้มผู้อาวุโสเยว่และประมุขวิหารเงาจันทรา นางก็ได้จัดากรทุกอย่างเอาไว้แล้ว
เยว่เย่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย มองดูการสังหารหมู่ตรงหน้า สายตามึนงงของนางเปลี่ยนเป็นแจ่มใสและเร่าร้อน!
ทั้งหมดนี้คือฝีมือของอาจารย์ของนาง!
เยว่เย่หันไปมองด้านหลังของจวินอู๋เสีย แววตาเต็มไปด้วยความเคารพบูชาจนถึงขั้นคลั่งไคล้อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน!
วิหารเงาจันทราถูกล้างบางจนหมดสิ้นภายในวันเดียว พอตกกลางคืนก็ไม่มีศิษย์ของวิหารเงาจันทราที่ยังมีชีวิตอยู่แม้แต่คนเดียว ไม่มีใครคิดว่าในวันธรรมดาที่แสนสงบแบบนี้ วิหารเงาจันทราที่เป็นหนึ่งในสิบสองวิหารอันยิ่งใหญ่ได้หายไปจากแผ่นดินอย่างเงียบเชียบ
หลังจากล้างวิหารเงาจันทราด้วยเลือดแล้ว จวินอู๋เสียก็ไม่ได้ไปจากที่นั่น แต่ยังอยู่ในวิหารเงาจันทราต่อ
วิหารเงาจันทราที่เคยมีผู้คนทุกหนแห่ง บัดนี้เหลือเพียงจวินอู๋เสียและกลุ่มมือสังหารกระหายเลือดของนาง
ผู้อาวุโสเยว่ถูกขังและปล่อยให้รับความทรมานจากพิษกระดูกเน่า ไม่อาจมีชีวิตอยู่ และไม่สามารถพบกับความตายที่สงบสุขได้
ผู้อาวุโสเยว่ได้เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องกับผู้อาวุโสอิ่ง เยว่เย่ไม่สามารถยอมรับได้อยู่นาน และผู้อาวุโสอิ่งก็ไม่กล้าเข้าหาอย่างเร่งรัดเกินไป ได้แต่พยายามอย่างเต็มที่ในการลดระยะห่างระหว่างเขากับเยว่เย่ลงทีละนิด
อาการของเยว่อี้ดีขึ้นจากการดูแลของจวินอู๋เสีย ในวันที่เขาฟื้นขึ้นมา เยว่เย่ร้องห่มร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขาเป็นเวลานาน เมื่อเยว่อี้รู้ว่าวิหารเงาจันทราถูกจวินอู๋เสียทำลายไปแล้วขณะที่เขาหมดสติ เขาก็ตกตะลึงนิ่งค้างอยู่นาน
เมื่อรู้ความจริงว่าผู้อาวุโสอิ่งคือปู่ของเขา เยว่อี้ก็ยอมรับได้ง่ายกว่าเยว่เย่อยู่นิดหน่อย อาจเป็นเพราะเขาอายุมากกว่า และถึงแม้จะไม่ถือว่ากระตือรือร้นนัก แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถพูดคุยกับปู่ของเขาได้บ้าง
ทั้งหมดนั้น สำหรับผู้อาวุโสอิ่งก็มากพอแล้ว
จวินอู๋เสียอยู่ที่วิหารเงาจันทราเป็นเวลาครึ่งปี ในช่วงครึ่งปีนั้นโลกภายนอกเพียงแค่รู้สึกว่าวิหารเงาจันทราเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้น ไม่ได้รู้เลยว่าวิหารเงาจันทรากลายเป็นวิหารร้างไปแล้ว
ในช่วงเวลากว่าครึ่งปีนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนฟ้าดินขึ้นในสิบสองวิหาร
การตายของจูเก๋ออินทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างวิหารมารโลหิตกับวิหารมังกร และวิหารจิงหงก็โดนลากเข้าสู่ความวุ่นวายนี้ด้วย ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วระหว่างสิบสองวิหารก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
นอกจากวิหารมารโลหิต วิหารมังกร และวิหารจิงหงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ๆก็เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกหลายๆกรณีในวิหารอื่นๆ สิบสองวิหารที่แสร้งทำเป็นรักใคร่กลมเกลียวกันก็เลิกเสแสร้งและเริ่มต่อสู้กันอย่างเปิดเผย พวกเขาเข้าปะทะกับอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
ทั้งอาณาจักรกลางตกอยู่ในบรรยากาศแปลกๆจากการต่อสู้อันวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสิบสองวิหาร เกิดเหตุเข่นฆ่าขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ผู้คนมากมายตกอยู่ในความหวาดกลัว
วิหารทั้งหลายประสบกับความสูญเสียจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง จำนวนศิษย์ที่บาดเจ็บล้มตายมีมากมายนับไม่ถ้วน แม้แต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจระดับผู้อาวุโสก็ยังเสียชีวิต!
ตอนที่ 1878 จุดเริ่มต้นความวุ่นวาย (1)
วิหารทั้งหลายประสบกับความสูญเสียจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง จำนวนศิษย์ที่บาดเจ็บล้มตายมีมากมายนับไม่ถ้วน แม้แต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจระดับผู้อาวุโสก็ยังเสียชีวิต!
การต่อสู้ระหว่างกันขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาแค่ครึ่งปี จำนวนศิษย์ที่บาดเจ็บล้มตายมีเยอะมากจนน่าตกใจ
“อาจารย์!!” ภายในวิหารเงาจันทรา เยว่เย่กอดหนังสือการแพทย์สองเล่มวิ่งตรงเข้ามาหาจวินอู๋เสีย
เมื่อเห็นเยว่เย่โผล่มา จวินอู๋เสียก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามของนางไม่ได้ถูกปกปิดเอาไว้แล้ว ทำให้เยว่เย่ถึงกับใจสั่นเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตานั้น
“อาจารย์อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ข้าเขินนะ” เยว่เย่ยกหนังสือขึ้นปิดหน้า ท่าทางลุกลี้ลุกลน
ตั้งแต่นางได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจวินอู๋เสีย เยว่เย่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับจวินอู๋เสียมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดครึ่งปีนี้ แต่นางก็ยังไม่ชินกับใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของจวินอู๋เสียซะที แค่ถูกดวงตาที่น่าหลงใหลคู่นั้นจ้องมอง นางก็รู้สึกราวกับได้รับของขวัญจากเทพเจ้า!
อาจารย์ของนางเป็นคนที่สวยที่สุดของที่สุดของที่สุดในโลกนี้เลย!
ไม่มีใครสวยกว่านี้แล้ว!
จวินอู๋เสียมองเยว่เย่อย่างพูดไม่ออก เมื่อวิหารเงาจันทราถูกทำลายไปแล้ว เยว่เย่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังนิสัยที่แท้จริงของตนอีกต่อไป บวกกับความรักใคร่และตามใจของผู้อาวุโสอิ่งและเยว่อี้ ทำให้เด็กหญิงที่อยู่อย่างอดกลั้นมาตลอดค่อยๆร่าเริงสดใสขึ้น
แต่ความกล้าแสดงออกที่มากขึ้นเรื่อยๆนี้ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นางเริ่มสงสัยว่าตอนที่หลบหนีออกจากที่นั่น หากนางได้พบกับจวินเสี่ยนและจวินชิง นางจะถูกตามใจจนเป็นเหมือนเยว่เย่หรือไม่
เจ้าแมวดำนั่งเลียอุ้งเท้าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย มันเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของเจ้านายมัน และพอจะเดาได้ว่าจวินอู๋เสียคิดอะไรอยู่
มันอยากจะบอกว่า……
เจ้านายของมันคิดมากเกินไปแล้ว ต่อให้นางเติบโตขึ้นในครอบครัวที่มีความสุขและรักใคร่กลมเกลียวกันตั้งแต่ยังเด็ก มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อนิสัยเย็นชาของนางหรอก ส่วนเยว่เย่นั้นแม้ว่านางจะถูกมองว่าเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายต่อหน้าผู้คน แต่พอพ้นสายตานางก็เป็นยัยเด็กตัวร้าย แต่จวินอู๋เสียมีใบหน้าไร้ความรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
เนื้อแท้ของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
“แค่ก……มีอะไร?” จวินอู๋เสียดึงความคิดกลับมาและเอ่ยปากถาม
เยว่เย่พยักหน้าและเดินไปข้างๆจวินอู๋เสีย จากนั้นก็กางหนังสือที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะหิน ชี้ไปที่ทุกอย่างบนนั้นแล้วมองจวินอู๋เสียเพื่อขอคำแนะนำ
ในช่วงครึ่งปีนี้ ภายใต้คำแนะนำของจวินอู๋เสีย ความรู้เรื่องยาของเยว่เย่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นางมีพรสวรรค์อยู่แล้ว พอมีอาจารย์ที่เก่งกาจขนาดท้าทายสวรรค์อย่างจวินอู๋เสียคอยชี้แนะ ทักษะของนางจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์!
จวินอู๋เสียอธิบายทุกอย่างให้เยว่เย่ฟังอย่างใจเย็น หลังจากที่เยว่เย่ฟังอย่างตั้งใจแล้ว นางก็เอามือสองข้างเท้าคางจ้องใบหน้าจวินอู๋เสียอย่างไม่ยอมละสายตา
“อาจารย์สวยจังเลย”
“………..” จวินอู๋เสียเงียบ ทำไมความคิดของเด็กสาวคนนี้ถึงได้เปลี่ยนทิศทางเร็วนัก?
“อาจารย์ ข้าชอบท่านมากเลย ถ้าท่านเป็นพี่สะใภ้ข้าได้ก็คงดี” เยว่เย่พูดด้วยแววตาคาดหวัง
“………..” จวินอู๋เสียไร้คำพูดอย่างสิ้นเชิง
เย่ฉาที่นั่งยองๆ คอยเฝ้าคุ้มกันอยู่บนหลังคาแทบจะตกลงมาด้วยความตกใจ
[เด็กนั่นช่างกล้าพูด]
[โชคดีที่พูดคำพวกนี้ต่อหน้าคุณหนู ถ้ารู้ไปถึงหูของนายท่านเจว๋ล่ะก็……]
เย่ฉาอดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้ เขามองเยว่เย่อย่างไว้อาลัย
[แม่นางน้อย เจ้ากำลังจะฆ่าพี่ชายเจ้าแล้ว รู้บ้างไหม!!!]