ตอนที่ 1879 จุดเริ่มต้นความวุ่นวาย (2)
เย่ฉายังคงอกสั่นขวัญแขวนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเย่กูที่ยืนอยู่ข้างๆหมุนตัวตั้งท่าจะไป และทิศทางที่เขาจะไปนั้นก็ทำให้เย่ฉาขนหัวลุกทันที!
เย่ฉารีบตะครุบต้นขาของเย่กูเอาไว้!
“หัวหน้า! ท่านจะไปไหน?!”
“ฆ่าเยว่อี้” เย่กูพูดนิ่งๆ ใบหน้าบึ้งตึง
“………..” เย่ฉาถึงกับสั่นสะท้าน
“ไม่ดีหรอกมั้ง? ถึงยังไงเยว่อี้ก็เป็นพันธมิตรของคุณหนูนะ” [หัวหน้ากำลังจะไปฆ่าคนแล้ว คุณหนูรู้รึเปล่า?]
เย่กูขมวดคิ้วมองเย่ฉา แล้วพูดว่า “คนที่บังอาจแย่งนายท่านต้องตายสถานเดียว”
ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพราตรี การแบ่งเบาความทุกข์ของจักรพรรดิแห่งความมืดถือเป็นความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานที่สุด
เย่ฉาเกือบจะร้องไห้แล้ว!
[เยว่อี้เป็นผู้บริสุทธิ์! เขาไม่กล้าแย่งนายท่านเจว๋หรอกเข้าใจไหม?]
ไม่เห็นหรือว่าหลังจากที่เยว่อี้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจวินอู๋เสียและรู้เพศที่แท้จริงของนาง ขนาดพูดกับจวินอู๋เสียก็ยังไม่กล้ามองนางเลย แถมยังเว้นระยะห่างจากนางเจ็ดก้าวอยู่ตลอดเวลาด้วย! เจ้าหมอนั่นวางตัวได้ดีแล้ว!
เย่ฉาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ คำพูดเดียวจากเยว่เย่เกือบจะทำให้เยว่อี้ถูกฆ่าแล้ว!
เยว่เย่ไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดตัวเองจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายขนาดไหนกับพี่ชายของตน นางแค่มองจวินอู๋เสียอย่างตั้งใจอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ไม่ดีกว่า ท่านพี่โง่ขนาดนั้น ไม่คู่ควรกับอาจารย์หรอก ช่างมันเถอะ”
“………..” จวินอู๋เสียยังคงหมดคำพูด
เย่ฉาตบหน้าอกตัวเอง
[โชคดี……โชคดี……เยว่อี้รอดแล้ว]
เย่ฉาเหลือบตาขึ้นมองเย่กูอย่างเด็ดเดี่ยว สีหน้าท่าทางราวกับกำลังบอกว่า “อย่าหุนหัน อย่าไปจริงจังกับคำพูดของเด็ก”
เย่กูขมวดคิ้วมองเยว่เย่อยู่พักนึง ก่อนจะล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าเยว่อี้
เยว่อี้ที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในห้องไม่ได้รู้เลยว่าชีวิตน้อยๆของเขาเกือบจะสิ้นแล้วเพราะคำพูดล้อเล่นของน้องสาวตัวเอง
“อาจารย์ อาจารย์……ในอนาคต คนนั้นของอาจารย์ข้าจะต้องมีความสามารถและสง่างามไร้ผู้เทียบ ไม่งั้นข้าไม่ยอมนะ” ความรู้สึกที่เยว่เย่มีต่อจวินอู๋เสียไปถึงขั้นหลับหูหลับตาบูชาเลื่อมใสแล้ว ในใจนางอาจารย์ของนางสมบูรณ์แบบชนิดที่หนึ่งในหมื่นก็ยังหาไม่ได้ ผู้ชายทั่วไปไม่คู่ควรกับนางแม้แต่น้อย!
จวินอู๋เสียรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ใบหน้าของจวินอู๋เหยาพลันปรากฏขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว แล้วนางก็พยักหน้าช้าๆ
มีความสามารถและสง่างามไร้ผู้เทียบงั้นหรือ?
ก็ต้องเป็นเขาเท่านั้น
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังถูกเยว่เย่แซวอยู่นั้น ผู้อาวุโสอิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าสนาม
วินาทีที่เยว่เย่เห็นผู้อาวุโสเยว่ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้านางก็จางหายไปเล็กน้อย ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก นางซ่อนตัวอยู่ด้านหลังจวินอู๋เสียอย่างเงียบๆ
ผู้อาวุโสอิ่งสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเยว่เย่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่พยายามให้กำลังใจตัวเอง และเดินไปข้างหน้าจวินอู๋เสีย
“คุณหนูจวิน มีเรื่องบางอย่างที่ข้าต้องบอกท่าน” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าวอย่างจริงจัง
“เรื่องอะไร?” จวินอู๋เสียถาม
“ไม่กี่วันที่ผ่านมา วิหารปีศาจเพลิงได้นัดหมายพูดคุยกับวิหารมารโลหิต เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างวิหารต่างๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาตั้งใจจะเชิญประมุขทุกคนจากทั้งสิบสองวิหารไปร่วมพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาสูญเสียกำลังไปไม่น้อย บางวิหารไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พวกเขาจึงต้องการแก้ไขความขัดแย้ง คนของวิหารปีศาจเพลิงได้ส่งคำเชิญมาให้ข้าเมื่อเช้านี้ ไม่ทราบว่าคุณหนูจวินคิดจะทำยังไงกับเรื่องนี้?” หลังจากวิหารเงาจันทราถูกทำลาย คนอื่นๆยังไม่รู้เรื่องนี้ การติดต่อกับภายนอกของวิหารเงาจันทรา ผู้อาวุโสอิ่งเป็นคนออกหน้าทั้งหมด เดิมทีผู้อาวุโสอิ่งเป็นผู้อาวุโสของวิหารเงาจันทราอยู่แล้ว เขาออกหน้าก็ไม่ได้ทำให้ใครเกิดความสงสัย
ตอนที่ 1880 จุดเริ่มต้นความวุ่นวาย (3)novel-lucky
“โอ้?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว ดวงตาส่องประกาย
“ในที่สุดพวกเขาก็นั่งไม่ติดกันแล้วหรือ?” จวินอู๋เสียหรี่ตาเล็กน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของวิหารปีศาจเพลิงกับวิหารมารโลหิต ถ้าเรื่องยังไม่ถึงขั้นที่จัดการไม่ได้ พวกเขาก็คงไม่ลดตัวมาทำเรื่องเช่นนี้
ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา นางไม่ได้ก้าวออกจากวิหารเงาจันทราเลยสักครั้ง ข่าวส่วนใหญ่มาจากผู้อาวุโสอิ่งและชายทั้งสองจากกองทัพราตรี ดังนั้น แม้ว่านางจะไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย นางก็รู้ดีถึงความวุ่นวายภายในสิบสองวิหารตลอดช่วงเวลานี้
ดูเหมือนพวกเฉียวฉู่จะประสบความสำเร็จอย่างมากในภารกิจของพวกเขา ตะปูที่ตอกลงไปในสิบสองวิหารกำลังแสดงผล
ใกล้จะถึงเวลาจัดการกับสิบสองวิหารแล้ว
ผู้อาวุโสอิ่งค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของจวินอู๋เสีย
หรือว่าเป้าหมายของนางไม่ใช่แค่วิหารเงาจันทรา?
“ตอบรับคำเชิญ” จวินอู๋เสียพูด
“ตอบรับ? แต่……วิหารเงาจันทราไม่มีประมุขแล้ว……” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าหดหู่
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสอิ่ง “ข้าไม่ใช่ประมุขหรอกหรือ?”
นางทำลายวิหารเงาจันทราไปแล้ว นางจะทำอะไร ใครจะมาตั้งคำถามได้?
ผู้อาวุโสอิ่งเบิกตาโตจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างเหลือเชื่อ เขารู้สึกว่าครั้งนี้จวินอู๋เสียกำลังจะทำอะไรบางอย่างที่สั่นสะเทือนทั้งโลก
“บอกคนของสิบสองวิหารว่าวิหารเงาจันทราเปลี่ยนผู้ปกครองแล้ว ส่วนสถานะก็……อดีตประมุขมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งไม่ใช่หรือ?” จวินอู๋เสียถาม
“แต่น้องสาวของประมุขคนก่อนตายตั้งแต่เด็ก……อ๊ะ! ข้าเข้าใจแล้ว!” ผู้อาวุโสอิ่งเข้าใจความคิดของจวินอู๋เสียทันที
หลายสิ่งหลายอย่างในสิบสองวิหาร ส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้จากภายนอก ความจริงเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีทางที่วิหารอื่นจะรู้ได้เลย
จวินอู๋เสียพยักหน้า
“ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ในวิหารเงาจันทราไม่เหลือใครอีกแล้ว พวกเราจะไปกันแค่ไม่กี่คนนี่น่ะหรือ?” ผู้อาวุโสอิ่งเริ่มรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
ศิษย์สายตรงของวิหารเงาจันทราถูกฆ่าหมดแล้ว ศิษย์จากสาขาก็อ่อนแอเกินไป การรวมตัวของสิบสองวิหารในครั้งนี้ ทุกวิหารจะพาศิษย์ที่เก่งกาจไปด้วยเพื่อแสดงความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่สามารถหาศิษย์พวกนี้มาช่วยสร้างภาพได้เลย
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นเล็กน้อย
เย่ฉาและเย่กูปรากฏตัวที่ด้านหลังของนางทันที
“คุณหนู!” ชายทั้งสองคุกเข่าลงบนพื้น
“พวกเขามาถึงรึยัง?” จู่ๆจวินอู๋เสียก็ถามคำถามแบบไม่มีที่มาที่ไป
“เกือบถึงแล้วขอรับ อย่างมากครึ่งเดือนก็น่าจะถึง” เย่ฉาพูด
จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างพอใจ
ผู้อาวุโสอิ่งมีสีหน้างุนงง
“พวกวิหารมารโลหิตกำหนดเวลาไว้เมื่อไร?” จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสอิ่ง
“อีกหนึ่งเดือน ใกล้กับภูเขาฝูเหยา” ผู้อาวุโสอิ่งตอบ
“นั่นก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องศิษย์ ข้าจะจัดการเอง” จวินอู๋เสียพูด
แม้ว่าผู้อาวุโสอิ่งจะรู้สึกสับสน แต่เขาก็ไม่กล้าถามเพิ่มเติม ถึงอย่างไรสิ่งที่จวินอู๋เสียทำมาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรที่คลาดเคลื่อนไปเลย ครั้งนี้เขาจึงเลือกที่จะเชื่อใจนาง
“งั้นข้าไปตอบก่อน” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าว
คำเชิญของวิหารปีศาจเพลิงต้องให้คำตอบที่เหมาะสม
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า
ผู้อาวุโสอิ่งกำลังจะไป แต่ก่อนจะก้าวออกไป เขาลังเลเล็กน้อยและมองไปที่เยว่เย่อย่างคาดหวัง แต่เยว่เย่กลับก้มหน้าลงอย่างอึดอัดใจ ไม่ยอมมองตอบผู้อาวุโสอิ่งเลย
ผู้อาวุโสอิ่งถอนหายใจเล็กน้อย เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินออกไปด้วยความรู้สึกหดหู่เศร้าซึม
ตอนที่ 1881 กองทัพศักดิ์สิทธิ์ (1)
วันเวลาค่อยๆผ่านไป ผู้อาวุโสอิ่งยังคงพยายามเข้าหาเยว่เย่ แต่การตอบสนองช่างน้อยนิด เยว่เย่เอาแต่หลบเขาอยู่ตลอด
แม้แต่เยว่อี้ก็จนปัญญากับเรื่องนี้
ตรงกันข้ามกับจวินอู๋เสียที่โดนเยว่เย่ตามกวนอยู่บ่อยๆ
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา ผู้อาวุโสอิ่งเอาแต่คิดถึงบทสนทนาระหว่างเย่ฉาและจวินอู๋เสียที่เขาได้ยิน
เขานับวันดู มันก็เกือบถึงเวลาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ
จนกระทั่งเย็นวันที่สิบห้า ผู้อาวุโสอิ่งเริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อยและกลัวว่าตนจะพลาดอะไรไป เขาวิ่งไปที่ประตูใหญ่ของวิหารเงาจันทราและยืนชะเง้อคอมองไปทางที่พระอาทิตย์ตกด้วยสายตาคาดหวัง
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง พลบค่ำมาเยือน ดวงตะวันยอแสงจับขอบฟ้า ผู้อาวุโสอิ่งรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย เขากำลังคิดที่จะจากไปแต่ก็ค่อนข้างลังเล เยว่อี้ยืนอยู่ที่นั่นกับเขา นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
“ช่างเถอะ กลับกันดีกว่า” ผู้อาวุโสอิ่งสงสัยว่าเขาเดาผิดไปรึเปล่า ชายชราส่ายหัวเล็กน้อยอย่างจนใจและหันหลังกลับ
เยว่อี้มองผู้อาวุโสอิ่งก่อนจะมองออกไปด้านหน้า จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เขาคว้าแขนผู้อาวุโสอิ่งแล้วพูดว่า “ท่านปู่! ดูนั่น!”
ผู้อาวุโสอิ่งหันกลับมาอย่างงุนงง และเขาก็เห็น
ที่เส้นขอบฟ้า มีกลุ่มเงาจางๆปรากฏnovel-lucky
ผู้อาวุโสอิ่งจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นแถบเงานั้นค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น!
ร่างกายรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆผ่านพื้นดิน กองทัพที่มีระเบียบวินัยพลันปรากฏต่อสายตาของผู้อาวุโสอิ่งและเยว่อี้!
ด้านหน้ากองทหารมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งในชุดเกราะเบาขี่ม้าอย่างสง่างาม เดินตามแสงอาทิตย์ยามพลบค่ำตรงเข้ามาที่ประตูใหญ่ของวิหารเงาจันทรา!
เสียงดังกึกก้องของฝีเท้าม้าดังสะท้อนอยู่ในหู ผู้อาวุโสอิ่งรู้สึกราวกับพวกเขากำลังย่ำอยู่บนหัวใจของเขา
กองทัพที่สวมชุดเกราะเงินหยุดอยู่หน้าประตูวิหารเงาจันทรา หญิงสาวผู้สง่างามและเย็นชาซึ่งเป็นผู้นำกองทัพได้ขี่ม้าเข้ามาตรงหน้าผู้อาวุโสอิ่ง นางลงจากหลังม้าอย่างง่ายดาย การกระทำที่ไหลลื่นนุ่มนวลของนางทำให้เยว่อี้ที่เป็นชายหนุ่มรู้สึกหมองไปเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับนาง
“ไม่ทราบว่าที่นี่คือวิหารเงาจันทราใช่ไหม?” หญิงสาวถาม เสียงของนางไพเราะอย่างคาดไม่ถึง แตกต่างจากบรรยากาศเย็นชารอบตัวนางอย่างสิ้นเชิง
“ใช่แล้ว” ผู้อาวุโสอิ่งพยักหน้าnovel-lucky
หญิงสาวคนนั้นแย้มรอยยิ้มบาง แม้ว่าท่าทางของนางจะดูสุภาพอ่อนโยน แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความฉลาดเฉลียวและเข้มแข็ง ทำให้คนอื่นๆพูดกับนางอย่างสุภาพโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ทราบว่ามีแขกแซ่จวินพักอยู่ที่นี่รึเปล่า?” หญิงสาวถาม
ขณะที่หญิงสาวคนนั้นพูด กองทัพที่แข็งแกร่งหลายหมื่นข้างหลังนางยังคงเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบราวกับไม่มีตัวตนอยู่
ผู้อาวุโสอิ่งกวาดสายตามอง ด้วยระดับพลังของเขา เขาสามารถเห็นผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงมากกว่าร้อยคนยืนอยู่แถวหน้าของกองทัพ!
พวกนั้นเป็นพลังวิญญาณสีม่วงที่แท้จริง ไม่ได้ใช้วิธีการพิเศษใดๆยกระดับพลัง
“มี” ผู้อาวุโสอิ่งพยักหน้า รู้สึกประหลาดใจกับอานุภาพและวินัยของกองกำลังทหารตรงหน้า ไม่มีคำสั่งอะไรแม้แต่คำเดียว พวกเขาก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก
“ขออภัย ท่านคือ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น นางเอ่ยตอบว่า “ข้าคือภรรยาของนาง”
“อะไรนะ?” ดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เยว่อี้ที่อยู่ข้างเขาก็ตะลึง ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่คิดว่าหญิงสาวที่มีเสน่ห์แต่เคร่งขรึมตรงหน้าจะเป็น……ของจวินอู๋เสีย
[เดี๋ยวนะ!]
[จวินอู๋เสียเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือ?]
ขณะที่ผู้อาวุโสอิ่งและเยว่อี้กำลังตะลึงงันอยู่นั้น เสียงเย็นชาแจ่มชัดก็ดังขึ้นด้านหลังพวกเขา
“มาแล้วหรือ?”