ตอนนี้ นายน้อยจวินเบื่อและหงุดหงิดมาก หลังจากสั่งสอนบางท่วงท่าของเคล็ด เก้าอินทรีย์แปลงกาย ให้แก่ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เพื่อคลายความคลางแคลงใจของเขา และหลังจากเฝ้าดูเขาฝึกฝนหนึ่งครั้ง นายน้อยจวินจึงผละออกมาและปล่อยให้เขาฝึกฝนด้วยตัวเอง
ข้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นครู ! นายน้อยจวิน
บ่นกับตัวเองขณะจากไป
กวนเซียงฮั่น ยืนอยู่กลางลานบ้านเล็กๆของเขา พร้อมสีหน้าที่สับสนและเยือกเย็นในขณะที่รูปร่างของนาง ดูละม้ายคล้ายกับเกล็ดหิมะที่โดดเดี่ยว ตรงข้ามกับบรรดาพฤษาที่ห้อมล้อมนางไว้ เนื่องเพราะชุดสีขาวที่นางสวมใส่อยู่
” พี่สะใภ้ ท่านมาตั้งแต่เมื่อใหร่กัน ? เหตุใดท่านถึงไม่ให้เคอน้อยบอกข้า ? “
จวินโม่เซี่ยย่างเข้าใกล้นางอย่างสุขุม
ใบหน้าราวกับโลงศพของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว นั่นต่างจากสีหน้าอันเยือกเย็นราวน้ำแข็งของกวนเซียงฮั่น ซึ่งดูคล้ายกลับหิมะที่ปกคลุมภูเขาไว้ แม้จวินโม่เซี่ยจะมักคุ้นกับสีหน้าของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่สีหน้าของ กวนเซียงฮั่น ดูเหมือนจะกระตุ้นมหาสมุทรแห่งเลือดท่ามกลางสวรรค์ที่หสวยงามในใจเขา
นี่คือสายตาที่น่าอัศจรรย์และพึงพอใจหรือ
” ก่อนหน้านี้เจ้ากำลังยุ่ง ดังนั้นข้าจึงไม่รบกวนเจ้า ! “
สีหน้าของกวนเซี่ยงฮั่นมักจะเยือกเย็น แต่ดูเหมือนจะยิ่งสับสนมากขึ้นในวันนี้ ดวงตาที่เศร้าโศกเยือกเย็นและหมกมุ่นของนาง เพ่งมองไปยังดอกไม้ในลานบ้านขณะพูดน้ำเสียงอ่อนแรง
” แม้นจะเสาะหาไปทั่วทั้งเมืองหลวงก็มิอาจพบเจอหมู่พฤษาที่เขียวชะอุ่มดั่งลานบ้านสกุลจวิน ตอนนี้คือสาทรฤดู และพืชพรรณเหล่านี้ควรห่อเหี่ยว .. น่าประหลาดใจที่ยังคงชุ่มช่ำ “
” และท่ามกลางลานสกุลจวิน ของเจ้า ของข้า และน้าสามนั้นมีดอกไม้ที่ยังเขียวชะอุ่มเมื่อเทียบกับส่วนอื่น และท่ามกลางลานบ้านของพวกเราทั้งสาม ของเจ้านั้นชุ่มชื่นกว่าของข้าและท่านน้าสาม …ข้าดูแลพืชพรรณของข้าอย่างละเอียด แต่เจ้าไม่แม้แต่จะหันมองพวกมัน … ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจัดการมันเช่นไร … นี่คงมิใช่สิ่งลึกลับ ? “
จวินโม่เซี่ยตกตะลึงพูดไม่ออก
เขารู้ถึงความช่างสังเกตุของ กวนเซียงฮั่นในตอนนั้น แต่เขาไม่สามารถปกปิดข้อบกพร่องนี้ได้ ! อย่างไรก็ตาม คำพูดของนางนั้นดูเหมือนมั่นใจมากกว่าการสังเหตุอย่างไม่เป็นทางการ
เขาฝึกฝนอยู่เสมอ จึงมีปราณสะสมอยู่รอบๆตัว หรือเป็นลมปราณที่แผ่ซ่านออกมาจาก เจดีย์หงษ์จวิน แม้ว่า มนุษย์จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงปราณนี้ แต่พืชพรรณนั้นช่างอ่อนไหวต่อมันอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ปราณเหล่านี้มีส่วนทำให้พวกมันเติบโต และแม้ว่ามันจะเป็นช่วงปลายสาทรฤดู เหล่าพืชพรรณที่อยู่ในลานบ้านของนายน้อยจวินยังคง สะพรั่ง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้สวยงามในสายตาของมนุษย์ในขณะพื้นที่อื่นห่อเหี่ยว ซึ่งมันตรงข้ามกับความเข้าใจอย่างสิ้นเชิง
นายน้อยจวินตระหนักถึงความจริงนี้มานานแล้ว แต่เขาไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้
ทุกผู้คนต่างคุ้นชินกับสิ่งนี้เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าดอกไม้จะเบ่งบานแม้ในช่วงใบไม้ร่วงหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่กระนั้น บริเวณนี้ดึงดูดสายตาของมนุษย์มากเกินไป หากมันยังคงเบ่งบานและเขียวชะอุ่มแม้ในช่วงเหมันตฤดู… เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่คนโง่เง่าก็สามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ …
” ไม่มีอะไรแปลกสำหรับพวกมัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ฮวงจุ้ยที่แสนวิเศษของสกุลจวิน ฮ่าฮ่า .. ดังนั้นข้าคาดว่า มันจะดีหากเจ้ามาที่นี่อย่างมาีความสุขและใช้ชีวิตอย่างร่าเริงในสกุลจวินเรา พี่สะใภ้ ฮ่าฮ่า … “
แม้นว่าภายนอกจวินโม่เซี่ยจะหัวเราะ ในสมองของเขากำลังคิดหาหนทาางแก้สถานการณ์นี้ นี่ใช้การไม่ได้ ข้าจะสับเปลี่ยนดอกไม้เหล่านี้กับพลัมบุปผา ซึ่งมันจะเติบโตได้แม้นในช่วงเหมันตฤดู …
” เอ่อ ข้ามีความสุขและชีวิตที่ร่าเริ่ง … “
ดวงตาของกวนเซี่ยงฮั่นยังคงเพ่งมองไปยังใบไม้สีเขียวขณะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนกำลัง
” ใช่ ข้ามีความสุขจริงๆ … “
จวินโม่เซี่ยสัมผัสถึงความผิดปกติในคำพูดของเขาได้ทันที และรู้สึกอยากจะตบปากตัวเอง ! โดยไม่คำนึงถึงสถานะ สะใภ้ ของนาง และความเคารพ กวนเซียงฮั่นยังคงเป็นหม้ายตราบจนวันสุดท้าย อะไรละที่มีความสุข ?
” เจ้าใช้เวลาไปมากและเหน็ดเหนื่อยในหลายวันมานี้ “
กวนเซี่ยงฮั่นเครียความคิดของนางเล็กน้อย และรอยยิ้มบางๆแต่ไม่ค่อยมีให้เห็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
” น้องสาม ข้าขอถามเจ้าบางอย่าง .. ได้ไหม ? “
” โปรดถามมา พี่สะใภ้ และข้าจะตอบทุกอย่างหากข้าสามารถ “
จวินโม่เซี่ยตอบกลับทันที
” แม้นข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำได้อย่างไร แต่ข้าได้ยินท่านน้าสามเอ่ยว่าเจ้าอ้างว่าสามารถแก้ปัญหาของ คฤหัสน์ฉือฮั่น ได้แล้ว แม้นท่านน้าดูมั่นใจ แต่ข้ายังคงไม่เชื่อ ดังนั้นในเมื่อเจ้าอยู่ต่อหน้าข้า บอกข้ามา … เจ้าได้จัดการมันแล้วหรือ ? “
ศรีษะของกวนเซี่ยงฮั่นยังคงก้มต่ำขณะดวงตานางจับจ้องบุปผาตรงหน้า สายลมพัดผ่าน แง้มผมของนางออก เผยถึงผิวหน้าที่เรียบเนียนและอ่อนโยน
” หากพูดไป … เป็นเพียงแค่การจัดการเพียงชั่วคราว … “
จวินโม่เซี่ยมองผิวพรรณที่สวยงามของนางอย่างไม่ตั้งใจ และเพราะเขาไม่ต้องการจะมองไปที่นาง แต่เขาแอบมองอย่างรวดเร็วเนื่องจากมันเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
” หากเจ้ามั้นใจ ข้าจะละทิ้งความคลางแคลงและเชื่อ แม้นข้าไม่รู้ว่าเจ้าออกไปใหนและไปทำอะไรในวันที่ผ่านมา แต่มันเป็นเพียงสิ่งดีกัลสกุล และสิ่งที่เจ้ากำลังทำนี้เพียงเพื่อรับมือกับ เมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น ใช่หรือไม่ ? “
กวนเซียงฮั่นยิ้ม
” เมื่อข้าได้ยินท่านน้าสามพูดเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขานั้นลึกซึ้ง จากความเข้าใจของข้า ท่านน้าสามยกย่องเพียงท่านปู่ และท่านพ่อตาในเรื่องนี้ โดยไม่มีผู้ใดอื่น เจ้าคือคนที่สามที่เขายกย่องอย่างยิ่ง ! “
ท้องของจวินโม่เวี่ยป่องขึ้นเพื่อควบคุมสิ่งที่เขามิได้เอ่ย
ท่านน้าเหตุใดท่านจึงปากรั่วเช่นนี้ ..
และยกย่องข้าหมายความว่า ? เจ้าอาจอธิบายถึงสิ่งที่ข้าทำ …
” นั่น .. มัน … ฮี่ฮี่ ความจริงแล้ว มันเป็นเพียงเรื่องของโอกาส “
จวินโม่เซี่ยแตะจมูก ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังเอ่ยอะไร เนื่องจากดวงตาเขายังคงจับจ้องผิวพรรณอันเรียบเนียนของนาง ในอีกมุมหนึ่งกวนเซี่ยงฮั่นก็ไม่รูเ่ลยว่าน้องเขยของนางแอบมองอยู่เนื่องจากนางยังคงก้มหัว
” ข้ายังได้ยินท่านน้าพูดว่า เจ้าปล่อยให้ข้าชนะในครั้งสุดท้ายที่เราถกเถียงกัน เขาบอกว่าฝีมืองเขาเจ้านั้นล้ำหน้าเกินกว่าข้ามากและเจ้ายังฝึกฝนเพื่อควบคุมให้ไม่ทำให้ข้าบาดเจ็บ … “
ร่องรอยเลือดฝาดบนผิวของนางปลุกเร้าจวินโม่เซี่ยอย่างมาก และหยุดตัวเองไม่ให้เหลือบมองนางได้
จวินโม่เซี่ย กลืนน้ำลายคำใหญ่ ตอบอย่างยากลำบาก
” ท่านน้าเพียงแค่โอ้อวย โปรดอย่าได้หลงเชื่อเขา … ข้าไม่มีฝีมืออันใดจริงๆ … “
” ข้าจะเชื่อ หากเจ้าสามารถรับมือกับความยุ่งยากของสกุลจวินได้เพียงผู้เดียว มันเหมาะสมแล้วที่ความแข็งแกร่องของเจ้าจะล้ำหน้ากว่าข้า “
กวนเซี่ยงฮั่นถอนหายใจผ่อนคลาย
” โม่เซี่ย เจ้าโตขึ้นจริงๆ .. เจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น … “
จวินโม่เซี่ยเหงื่อตก
พี่สะใภ้ของเขาอายุเพียงยี่สิบสอง แต่นางกลับดูสูงอายุราวสามสิบเมื่อนางพูดว่า
” เจ้าโตขึ้นจริงๆ … “
จิวนโม่เซี่ยรู้สึกราวกระแสไฟฟ้าแล่นในหัว
” พี่สะใภ้ท่าเพียงแค่ยี่สิบ … มันยากที่จะเชื่อคำพูดของท่านเมื่อท่านพูดราวผู้อาวุโส “
จวินโม่เซี่ยใบหน้หดหู่ หากย้อนกลับไปในช่วงที่เขายังเป็นมือสังหารในชีวิตที่แล้ว คำพูดเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิดการนองเลือด !
” ท่านน้าบอกว่าเจ้าปกปิดจุดแข็งมานาน และพวกเราเข้าใจเจ้าผิด … “
กวนเซี่ยงฮันหัวเราะอยู่ชั่วครู่ และใบหน้านางดูเหมือนกับน้ำแข็งละลาย ดูคล้ายกับธาร้ำแข็งที่ละลายโดยพลันและหลั่งไหลไปสู่หมู่บุปผา นางเงยหน้าขึ้นอย่างแผ่วเบาและเพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างมีนัยยะขณะพูด
” อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจ … พฤติกรรมไร้สาระก่อนหน้านี้ของเจ้า คือการที่เจ้าพยายามทำตัวเฉยเมยอย่างนั้นหรือ ? “
” เอ่อ พี่สะใภ้ เจ้ารู้ นี่ … พวกเรา … ที่ข้าฝืนทำสิ่งเหล่านี้เพราะสถานการณ์ในสกุลของข้า … ฮี่ฮี่ … “
” สถานการณ์สกุลจวินก็เรื่องหนึ่ง และข้าเข้าใจในมุมนั้น แต่มันเกี่ยวอะไรกับพฤติกรรมดั่งเศษสวะที่เจ้าแสดงต่อหน้าข้า ? “
ใบหน้าของกวนเซี่ยงฮั่นเย็นชาทันที ขณะนางหันไปมองจวินโม่เวี่ยครั้งแรกในวันนี้ และเพ่งมองเขาด้วยสายตาที่คมกริบดั่งหงษ์
” ที่ .. เป็น … เช่นเนั้น … มันเป็นเพียงแค่ … การอำพราง … “
จวินโม่เซี่ย เริ่มสาปแช่ง จวินโม่เซี่ยคนเก่าในใจ เจ้าเลวและพฤติกรรมของเขา … และตอนนี้ข้าต้องมากตอบคำถามเพื่อเขา …
” การอำพราง ? อืมมม! “
กวนเซี่ยฮั่นมองไปยังที่เขาอย่างเยือกเย็น
” และนั้นก็เป็นอีกหนึ่งการอำพรางสินะ ข้า ข้า … ข้าจะไม่จากจวนสกุลจวินและจะไม่กลับมีอีก ! “
กวนเซียงฮั่นต้องการจะพูดว่า ข้าจะเตะเจ้า แต่เมื่อคิดได้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งมาก นางจึงเปลี่ยนคำพูดอย่างลังเล แต่คำที่เปลี่ยนไปก็มิได้สะท้อนถึงความหมายที่แท้จริงของนาง ..
” เอาละ เอาละ ! ตั้งแต่นี้ ข้าไม่อาจกล้า … “
จวินโม่เซี่ยจะพูดว่า เขานั้นไม่ แต่ทุกคนบอกได้ว่าเขาไม่แม้แต่จะคิด …
” อืมมมม เกียรติและความซื้อสัตย์ของหญิงสาว … มันเป็นเรื่องที่เจ้าเอามาเล่นตลกอย่างนั้นหรือ ? “
เห็นได้ชัดว่ากวนเซี่ยงฮั่นมีอารมณ์อย่างชัดเจน
” เช่นนั้น .. มันใช่ทำอันใดได้อีก ? “
จวินโม่เซี่ยเปิดปากและพ่นคำเหล่านี้ออกมาในช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิง และเขารู้ทันทีว่ามันฟังดูไม่ดี
คำเหล่านี้นั้นเป็นสิ่งต้องห้าม และเขารู้ว่าเขาถูกสาปให้พูดมันออกมาในชีวิตนี้ … หรือก่อนหน้านี้ …
” เจ้า … “
โทสะของกวนเซี่ยงฮั่นปะทุขึ้นมาในทันที ดวงตาของนางแดงก่ำด้วยอารมณ์ จากนั้นนางสูดหายใจลึกขณะใบหน้านางแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง
” เช่นนั้น เจ้ามิได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ! “
นางเอ่ยขณะหันหลังและจากไป
ข้าต้องระวังคำพูด !
นายน้อยจวินยืนตะลึงอยู่ชั่วขณะพร้อมความรู้สึกสลดในใจ และสถบออกมา
” อ้วนถัง เจ้าคิดว่าเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวาระสุดท้ายรึอย่างไร ? เมื่อใหร่ข้าจะได้เห็นแผนการเหล่านั้น ? วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี จงมั่นใจว่าเจ้าจะทำให้ข้ามีความสุข มิเช่นนั้นอย่าได้ขอให้ข้าช่วยเจ้าลดน้ำหนักอีก ! “
เนื่องด้วยไม่มีทางเลือก เขาจึงปลดปล่อยอารมณ์ใส่ถังหยวน
ถังหยวนโผล่ออกมาจากห้อง
” เอาละ เอาละ … “
เขาพัดโบกกระดาษในมือ
” เจ้าเห็นไหมเจ้านาย ข้าเรียงลำดับเรื่องสำคัญตามที่เจ้าบอกแล้ว มาดูสิ… น่าจะพอดีแล้ว “
จวินโม่เซี่ยคว้ากระดาษ และเพ่งมองไปขณะพลิกไปสองสามหน้า และโยนใส่มือถังหยวนกลับ
” เยี่ยม ! เยี่ยม เยี่ยม นี่ดีแล้ว ! “
” แต่เจ้ายังมองมันได้ไม่ถูกต้อง … “
ถังหยวนรู้สึกผิดเมื่อเห็นสิ่งที่เขาทำอย่างหนักได้รับการละเลย
จวินโม่เซี่ยกรอกตา มิใช่เพราะเขามิได้มองดูกระดาษเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน แต่เขาไม่เห็นสิ่งใดนอกจากเรื่องที่เข้าใจได้ยาก และเข้าใจว่ามันเกินกว่าความรู้ของเขา … นายน้อยจวินไม่เคยหวังว่าสิ่งไร้สาระที่เขาจำมาจากชีวิตก่อนนั้นจะกลายมาเป็นแผนการค้าที่หนาเตอะเช่นนี้ในมือถังหยวน เจ้าอ้วนนี่มีฝีมือยิ่งนัก … เหตุใดข้าจึงไม่เสาะหาเขาตั้งแต่ชีวิตที่แล้ว …