TQF:บทที่ 506 อุบัติเหตุ พวกตาแก่มาเป็นฝูง (2)

“อะไรที่ว่าข้าเป็นคนพูดจะเหมาะกว่า” เสียงของลั่วจุนฮ่าวดังมาจากด้านหลังของ 2 สาว พวกนางหันไปมองพร้อมกันก็ได้เห็นร่างสูงโปร่งของลั่วจุนฮ่าว

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองคนที่เดินมา เลิกคิ้วขึ้น “ท่านน้า กลัวพวกเรานินทาท่านหรือ ทำไมถึงแอบฟังอยู่ด้านหลังล่ะ”
(TL:ผู้แปลคิดว่า ลั่วจุนฮ่าวสมควรเป็นน้า มากกว่าลุง ขออภัยการแปลก่อนหน้านี้)

“แอบฟังอะไร ตาข้างไหนของเจ้าเห็นว่าข้าแอบฟัง ข้าฟังอย่างเปิดเผย พวกเจ้านั่นแหละที่มาคุยกันตรงนี้ ข้าไม่อยากจะได้ยินก็ไม่ได้”

“หืม ท่านน้า ท่านนี่คารมดีขึ้นเรื่อยๆเลยนะ อย่าบอกนะว่าน้าสาวของข้าสอนท่าน” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มมุมปาก มองเขาอย่างหยอกล้อ

“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ” กงซีหยวนหน้าแดงไปหมด เถียงด้วยความเขินอาย

“อิอิ มีคนสารภาพแล้ว”

“เสี่ยวเสี่ยว…” กงซีหยวนขบกรามแน่น ร้องขึ้นด้วยความเหมือนจะโกรธ ผู้หญิงที่รักโดนรังแกลั่วจุนฮ่าวก็ต้องช่วยอย่างแน่นอน “เสี่ยวเสี่ยว เมื่อกี้พวกเจ้าคุยอะไรกัน”

“ไม่ได้คุยอะไร ก็แค่อยากรู้ว่าท่านน้ามาทำไม มีเรื่องอื่นรึเปล่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามเรียบๆ

“เอ่อ…” ลั่วจุนฮ่าวชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะหันไปเหล่คนข้างๆและเอ่ยเสียงทุ้ม “เสี่ยวเสี่ยว เรามีเรื่องให้เจ้าช่วยจริงๆ”

“จริงเหรอ เรื่องอะไรที่ต้องให้ข้าช่วยไหนท่านลองพูดมาซิ”

“เสี่ยวเสี่ยว เรื่องเป็นแบบนี้” ลั่วจุนฮ่าวมองนาง มีสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา “เสี่ยวเสี่ยว เจ้ากับท่านพ่อข้า…”

“เขา? เขาทำไมเหรอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นเขาจะพูดก็ไม่พูดก็พอจะรู้แล้วว่าเขามาด้วยเรื่องอะไร

นางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เปิดปากเบาๆ “ท่านน้า ท่านจะไม่ให้ข้าโกรธเคืองท่านตาใช่มั้ย”

ลั่วจุนฮ่าวและกงซีหยวนสบตากัน ทั้ง 2 พยักหน้า ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่านางไม่ค่อยชอบคนชราทั้ง 2 ของตระกูลลั่วนัก

คราวที่แล้วท่านยายเสียหน้ากับนางไปไม่น้อย

“พวกท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ไล่เขาไปหรอก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งสายตาปลอบโยนไปให้ ไม่ให้พวกเขารู้สึกลำบากใจ

แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ค่อยชอบตาเฒ่าลั่วนัก แต่ก็พอเข้าใจหลักการของเขาอยู่ ไม่ชอบก็ส่วนไม่ชอบ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังต้องรักษาหน้าเขาไว้อยู่

ดังนั้นเมื่อกี้ตอนที่อยู่ต่อหน้าทุกคนจึงยอมเรียกเขา ไม่ให้เขาเสียหน้า

ตอนนี้ เห็นท่าทีท่านน้าที่จะพูดก็ไม่พูดก็เข้าใจบ้างแล้ว “ท่านน้า เรื่องที่ท่านจะพูดก็คือเรื่องเขาหรือ”

“ใช่แล้ว เสี่ยวเสี่ยว”

ลั่วจุนฮ่าวไม่เห็นนางทำสีหน้าอะไรก็แอบเบาใจลงเปราะนึง พูดต่อ “เสี่ยวเสี่ยว เมื่อก่อนน่ะท่านตาของเจ้าทำเกินไปจริงๆ จริงๆในใจเขาก็อยากให้ท่านพี่มีความสุขแหละ ด้วยความที่เขาคาดหวังกับท่านพี่สูง ถึ
ได้ผิดหวังกับทางเลือกของท่านพี่และเกิดการโต้ตอบที่รุนแรงแบบนั้น ที่จริงท่านพ่อน่ะรักท่านพี่มากนะ เสี่ยวเสี่ยว ครั้งที่แล้วที่พ่อแม่เจ้ากลับบ้านไป ท่านพ่อยอมขอโทษท่านพี่กับพี่เขยด้วยตัวเอง เสี่ยวเสี่ยว ข้าหวังจริงๆว่าเจ้าจะให้อภัยเขา”

ได้ยินว่าคนดื้อรั้นอย่างตาเฒ่าลั่วยอมขอโทษพ่อแม่ของตัวเองก็อดแปลกใจไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เห็นได้ว่าตาเฒ่าลั่วไม่ใช่คนเลวร้ายนัก

“เอาเถอะ ท่านน้าไม่ต้องคอยแก้ตัวให้เขาหรอก ว่ามาเถอะ ครั้งนี้เขามาด้วยเรื่องอะไร เห็นแก่หน้าของพวกท่าน อะไรที่ช่วยได้ข้าก็จะช่วย”

“เสี่ยวเสี่ยว ได้ยินคำนี้จากเจ้าข้าก็สบายใจแล้ว”

ลั่วจุนฮ่าวยิ้มออก “ที่จริงที่ท่านพ่อมาครั้งนี้หลักๆก็อยากจะมาดูดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนนี่แหละ อย่างไรซะนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาอยากทำ และก็ได้ยินข่าวด้วยว่าเมืองโลกทมิฬส่งสาสน์สงครามมา พวกเราทุกคนก็เป็นห่วงกันเลยมาดูด้วยว่าพอจะช่วยอะไรได้มั้ย แล้วก็วิทยายุทธของท่านพ่อยังติดอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับราชันย์เทพยุทธ์ ที่ท่านพี่เรียกเขามาก็หวังว่าเจ้าจะยอมช่วยเขา”

หลักๆก็คือปัญหาวิทยายุทธของเขานั่นล่ะ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า “เรื่องเล็กน้อยน่ะ ถึงเวลาก็ให้เขาบรรลุที่นี่แหละ”

“เสี่ยวเสี่ยว น้าขอบคุณเจ้านะ” ลั่วจุนฮ่าวดีใจ

“ท่านน้าจะเกรงใจไปทำไม คนอื่นข้ายังช่วย คนบ้านตัวข้ากลับไม่ช่วยได้ยังไง คนอื่นจะหัวเราะเยาะเอา”

“ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม พอจะเดาออกว่าทำไมเขาต้องขอบคุณจึงไม่อยากจะยื้อกันที่ประเด็นนี้อีก

ข่าวเรื่องสาสน์สงครามถูกแพร่สะพัดไปทั่วผืนดิน ราวกับเดากันออกว่านี่จะเป็นศึกครั้งสุดท้าย คนที่ออกรบต้องเป็นพวกตาเฒ่าประหลาดของเมืองโลกทมิฬแน่ๆ

เท่ากับว่าอีกไม่กี่วันให้หลังนี้จะเกิดศึกมหากาฬที่สะเทือนพิภพขึ้น สายตาของเหล่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธจับจ้องไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนอีกครั้ง กับบางคนไปถึงที่เพื่อให้ได้เห็นสงครามสะท้านพิภพนี้กับตา

เหล่าผู้อาวุโสที่พากันมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนก็ยิ่งทำให้ที่นี่ครึกครื้นไปใหญ่

ผืนดินฉางไห่ วิหารสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บนยอดเขาสักลูกมีหญิงสาวชุดแดงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าตำหนักถ้ำมาหลายวันแล้ว นางเฝ้ารออยู่นิ่งๆราวกับกำลังรอให้ใครบางคนมาปรากฏตัว

ผ่านไปอีกหลายชั่วยาม สายตาเย็นชาของหญิงสาวชุดแดงมีความเฝ้ารออยู่ในนั้น นางจับจ้องไปที่ตำหนักถ้ำอย่างไม่วางตา

ประตูตำหนักที่ปิดไว้ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้านาง หน้าตึงเครียดของหญิงสาวชุดแดงผ่อนคลายขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ “อาจารย์ท่านออกจากฌานแล้ว”

“หยินเฟิ่ง ทำไมเจ้ามารอข้าที่นี่ล่ะ มาหาอาจารย์มีเรื่องอะไรรึเปล่า” ชายวัยกลางคนมองนางอย่างเอ็นดู

แม่นางหยินเฟิ่งยิ้มนิดๆ “ศิษย์อยากมาหา ไม่คิดว่าอาจารย์จะเก็บตัวอยู่ ท่าทางวิทยายุทธของอาจารย์จะสูงขึ้นอีกแล้ว”

“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องมายอข้าหรอก ออกจากปากเจ้าแล้วอาจารย์รู้สึกพิลึกพิลั่น นิสัยของเจ้าอาจารย์ยังไม่รู้จักดีหรือไง ว่ามาเถอะ ครั้งนี้มารอข้าที่นี่ตั้งหลายวันด้วยเรื่องอะไร” ชายวัยกลางคนเปิดโปงลูกศิษย์อย่างไม่เกรงใจ
——————————