ตอนที่ 88-5 คิดข่มขู่ตระกูลอวี้ ปัญญาอ่อนหรือเปล่า

จำนนรักชายาตัวร้าย

เมื่อซย่าโหวจวินอวี่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้จากการพรรณนาของเซี่ยงจิ้น ก็ทรงส่ายพระเศียรเบาๆ

 

 

เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดีอย่างนั้นหรือ

 

 

ไม่ใช่!

 

 

หากว่าเขาเป็นฮ่องเต้ที่ดีจริงละก็

 

 

หลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกถึงการกระทำทุกอย่างของซย่าโหวอี้ก็ตาม แต่เขาก็ทำเฉยไม่ซักไม่ถามไม่จัดการ

 

 

หากมิใช่องครักษ์เสื้อแพรส่งข่าวแจ้ง ว่าซย่าโหวอี้สาปแช่งด่าทอซย่าโหวฉิงเทียนอย่างลับๆ นับครั้งไม่ถ้วน ก็คงยังปล่อยปละละเลยให้บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายเช่นเขามีชีวิตอยู่ต่อไป

 

 

ยังไม่จบ ซย่าโหวจวินอวี่เรียกฉู่อินเข้ามา

 

 

“ฆาตกรที่สังหารสวีหมัวมัวหาเจอหรือยัง”

 

 

“ทูลฝ่าบาท เจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ฆ่าเสีย…”

 

 

หลังจากนั้นซย่าโหวอวี่จวินก็สั่งให้ทุกคนออกไปให้หมด ส่วนตัวเขาเองยืนนิ่งที่ประตูท่ามกลางตำหนักที่ว่างเปล่า ทอดมองออกไปยังท้องฟ้าสีครามด้านนอก

 

 

พี่เยียน ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เราได้พบกันอีกครั้ง ท่านจะยังจดจำข้าได้หรือไม่นะ!

 

 

ท่านดูสิ ข้าในตอนนี้กลายเป็นคนดีจอมปลอม เสแสร้งว่ามีคุณธรรม มิใช่หนุ่มน้อยที่ใสซื่อจิตใจดีเฉกเช่นในอดีตอีกต่อไป!

 

 

พี่เยียน ท่านผิดหวังในตัวข้าหรือไม่นะ

 

 

จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จิตใจซย่าโหวจวินอวี่จึงดีขึ้น เขาก้าวยาวๆ ไปที่ห้องทรงอักษรเพื่ออ่านฎีกา

 

 

เขามีเรื่องต้องทำอีกมาก ดังนั้นจึงมิอาจย่อหย่อนได้

 

 

เขาจะต้องพยายามให้มากต่างหาก!

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ตั้งใจที่จะส่งมอบแผ่นดินที่รุ่งเรืองสงบสุขให้กับซย่าโหวฉิงเทียน ให้ซย่าโหวฉิงเทียนตลอดจนรุ่นลูกของเขาไม่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเฉกเช่นที่ตัวเขาพบเจอมา!

 

 

นี่คือหน้าที่ความรับผิดชอบของบิดา ทั้งยังเป็นการชดเชยที่จะสมควรมอบให้กับบุตรชายตั้งนานแล้ว!

 

 

สมาชิกตระกูลอวี้ไม่คิดเลยว่า จุดจบของหลี่รุ่ยจะเป็นเช่นนี้

 

 

เดิมทีอวี้เชียนเสวี่ยเตรียมพร้อมรับมือหากว่าหลี่รุ่ยทูลเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์เอาไว้แล้ว แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้ ผู้ใดสร้างกรรมใดไว้ ย่อมต้องได้รับผลนั้นตอบแทน!

 

 

ต้นเดือนห้า ตระกูลอวี้จัดการงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่คึกคัก

 

 

ตระกูลอวี้จัดงานมงคลครั้งแรกในรอบสิบปี ดังนั้นงานแต่งงานอวี้เชียนเสวี่ยจึงคึกคักเป็นอย่างมาก

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่สั่งให้เซี่ยงจิ้นมามอบของขวัญแสดงความยินดี ซย่าโหวฉิงเทียนก็มาร่วมงานด้วยตัวเอง ท่าทีของผู้เป็นใหญ่ที่สุดสองคนแห่งต้าโจวอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

 

 

ตระกูลอวี้กลับมาแล้ว กลับมามีอำนาจและยิ่งใหญ่กว่าเดิมเสียด้วย!

 

 

ผู้ที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานล้วนแต่เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยปัญญา ทุกคนเข้ามาอวยพรแสดงความยินดีกับอวี้จิงเหลย ขณะเดียวกันก็พยายามเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลอวี้ให้จงได้

 

 

วันรุ่งขึ้น มู่เหนี่ยนซีในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงยกน้ำชาให้กับอวี้จิงเหลย อวี้จิงเหลยจึงมอบกำไลหยกคู่สีเขียวสดให้กับมู่เหนี่ยนซี

 

 

“นี่เป็นสิ่งที่แม่เจ้าทิ้งเอาไว้ให้ สะใภ้ทั้งสามคน คนละคู่! ขอให้พวกเจ้ารักกันมั่นคง จนแก่จนเฒ่า!”

 

 

มู่เหนี่ยนซีรับกำไลหยกมา แล้วโขกศีรษะคำนับอีกครั้ง ในที่สุดนางก็เป็นสมาชิกตระกูลอวี้โดยสมบูรณ์

 

 

ความทุกข์ของสกลุอวี้สิ้นสุดแล้ว ในที่สุดวันเวลาแห่งความสุขที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าก็มาถึง

 

 

ภายในวัง ชีวิตความเป็นอยู่ของซย่าโหวเสวี่ยกลับย่ำแย่เป็นอย่างมาก

 

 

นางถูกกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน แม้แต่พระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ไม่อาจพบได้

 

 

หลิวฮองเฮาถูกริบอำนาจในการปกครองวังหลังทั้งหมด ยิ่งไม่อาจช่วยเหลืออะไรนางได้เลย

 

 

หมอหลวงหวังยังคงมาตรวจร่างกายให้กับนางทุกวัน ซย่าโหวเสวี่ยรักษาตัวและบำรุงร่างกายภายใต้การดูแลของหมอหลวงหวัง นางจึงกลับมาแข็งแรงได้ภายอย่างรวดเร็ว

 

 

เนื่องด้วยคนในตำหนักนางถูกฮ่องเต้ลงโทษตายทั้งหมด ดังนั้นทุกครั้งที่ซย่าโหวเสวี่ยสอบถามถึงเรื่องราวภายนอก พวกเขาก็จะแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่ยอมพูดอะไรเลยทั้งสิ้น

 

 

แม้กระทั่งหมอหลวงหวัง ไม่ว่าซย่าโหวเสวี่ยจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบสอบถาม หรือรบเร้าซักไซ้อย่างไร หากเป็นเรื่องนอกเหนือจากการรักษา เขาก็ไม่หลุดปากออกมาเลยแม้แต่คำเดียว

 

 

ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยรับรู้จริงๆ แล้วว่า เสด็จพ่อทรงพิโรธ!

 

 

ในช่วงเวลานั้น นางทั้งร้องไห้สามวันสามคืน กรีดข้อมือฆ่าตัวตาย อดอาหาร วิธีการใดๆ นางก็ใช้จนหมดสิ้น แต่ซย่าโหวจวินอวี่ยังไม่ยอมให้นางพบหน้า

 

 

เซี่ยงจิ้นมายังตำหนักนางเพื่อนำรับสั่งฮ่องเต้มากล่าวแก่นาง หากนางยังไม่รู้สำนึก ต่อให้ตาย ก็จะให้ฝังอยู่ที่ซีเย่ว์

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ซย่าโหวเสวี่ยถึงจะสงบลงได้ แล้วกลับไปทำตัวเป็นลูกสาวที่ว่านอนสอนง่ายดังเดิม

 

 

คิดจะต่อกรกับฝ่าบาท นางยังอ่อนหัดนัก!

 

 

เมื่อเข้ากุมความเป็นความตายของนางเอาไว้ ซย่าโหวเสวี่ยไหนเลยจะกล้าข่มขู่ซย่าโหวจวินอวี่อีก!

 

 

ในตอนที่ซย่าโหวเสวี่ยใช้ชีวิตอย่างเบื่อหน่ายไปวันๆ นั้น เซี่ยงจิ้นก็มาแจ้งข่าวดีแห่งอิสรเสรีให้กับนาง

 

 

เพราะช่วงเวลาที่มืดมนไร้ซึ่งแสงสว่างนี้ ทำซย่าโหวเสวี่ยอึดอัดจนจวนเจียนจะบ้า

 

 

ในตอนที่ซย่าโหวเสวี่ยกำลังดีใจจนเนื้อเต้นนั่นเอง เซี่ยงจิ้นก็ออกปากเตือนนางว่า

 

 

“องค์ชายห้าแห่งซีเย่ว์หลิวเปยเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว คืนนี้ฝ่าบาทจะทรงจัดงานเลี้ยงรับรององค์ชายห้า ฝ่าบาททรงกำชับให้องค์หญิงแต่งองค์ให้สวยงาม เข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้!”

 

 

เซี่ยงจิ้นกลับออกไปเป็นเวลานานแล้ว แต่ซย่าโหวเสวี่ยก็ยังตะลึงงันไม่หาย

 

 

หลิวเปยมาถึงแล้ว

 

 

รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ

 

 

มิน่าเล่านางถึงได้รับอิสระอีกครั้ง

 

 

เดิมทีซย่าโหวเสวี่ยคิดว่าเสด็จพ่อยกโทษให้นางแล้ว นางนึกไม่ถึงว่า สิ่งที่รอคอยนางอยู่ คือเรื่องนี้

 

 

หลิวเปยมาแล้ว นี่ก็หมายความว่านางจะต้องแต่งงานแล้วจากบ้านจากเมืองไปไกล

 

 

นางไม่ต้องการ!

 

 

แต่ทว่า ไม่ว่าในใจซย่าโหวเสวี่ยจะไม่ยินดีอย่างไร นางก็ต้องไปร่วมงานเลี้ยงอยู่ดี เพราะเป็นคำสั่งของซย่าโหวจวินอวี่ นางมิอาจขัดได้

 

 

งานเลี้ยงต้อนรับหลิวเปยในครั้งนี้ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

 

 

ทุกคนรู้ดีว่า เบื้องหน้าก็เป็นงานเลี้ยงต้อนรับหลิวเปย แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการเปิดโอกาสให้องค์ชายห้าและองค์หญิงเสวี่ยได้พบหน้ากัน ซึ่งถือเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกก่อนแต่งงาน

 

 

ถึงแม้ว่าซย่าโหวเสวี่ยจะทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

 

 

แต่เมื่อได้พบหน้าหลิวเปยขึ้นมาจริงๆ นางเกือบจะอาเจียนออกมา

 

 

ใบหน้าเขาสิวขึ้นเกรอะกรัง ท่าทางหื่นกามน่ากลัว ชายขาสั้นรูปร่างเตี้ยเล็ก นี่เป็นองค์ชายจริงหรือ

 

 

หลิวเปยเองก็ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า ตนเองได้แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่แห่งต้าโจวเรื่องน่ายินดีเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง!

 

 

ตัวเขาถึงแม้ว่าจะเป็นองค์ชายองค์โต ซึ่งได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้และฮองเฮา แต่เรื่องความสามารถซีเย่ว์ยังอ่อนด้อยกว่าต้าโจวมากนัก การมาแต่งงานในครั้งนี้ หลิวเปยจึงเตรียมใจไว้สำหรับถูกปฏิเสธอยู่แล้ว

 

 

ใครจะคาดคิดว่า ซย่าโหวจวินอวี่จะประทานซย่าโหวเสวี่ยให้กับนาง

 

 

นี่มันคือเนื้อห่านฟ้าร่วงมาจากสวรรค์จริงๆ!

 

 

“องค์หญิงเสวี่ย!”

 

 

หลิวเปยอมยิ้มมองมาที่ซย่าโหวเสวี่ย

 

 

เนื่องด้วยเพราะความดีใจ ทำให้สิววัยรุ่นบนใบหน้าของเขาแดงเถือกชัดเจน มองดูแล้วน่ากลัว จนซย่าโหวเสวี่ยทนไม่ไหว ถอยร่นไปด้านหลังสองสามก้าว

 

 

“เสวี่ยเอ๋อ! รีบทักทายองค์ชายห้าเร็วเข้า!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่กระแอมขึ้นมา

 

 

ฝ่าบาททรงเตือนขึ้น ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยใจเย็นลง แล้วฉีกยิ้มออกมาพยักหน้าน้อยๆ ทักทายหลิวเปย

 

 

“ถวายพระพรองค์ชายห้า”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยรูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่แล้ว เพียงนางยิ้ม ก็ยิ่งทำให้หลิวเปยหน้าบานด้วยความปลื้มปริ่ม

 

 

นี่นับเป็นกิ่งทองใบหยกโดยแท้!

 

 

อีกไม่นาน เขาก็จะได้น้องคนงามกลับบ้านแล้ว

 

 

อีกทั้งยังได้ซย่าโหวจวินอวี่เป็นพ่อตา มีต้าโจวสนับสนุน ตำแหน่งรัชทายาทก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เจ้าพวกที่ชอบแข็งข้อกับเขาในราชสำนัก คราวนี้จะต้องหุบปากให้สนิท!

 

 

หลิวเปยยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ

 

 

ต่อให้ในเวลาปกติเขาจะสำมะเลเทเมาเพียงไหน แต่ทว่าต่อหน้าซย่าโหวจวินอวี่และซย่าโหวเสวี่ยแล้ว เขาต้องแสดงออกว่าตนเองเรียบร้อยมีมารยาท

 

 

แต่ทว่าซย่าโหวเสวี่ยเห็นบุรุษรูปงามเฉกเช่นเหลียนจิ่นเสียจนชิน ตอนนี้ต้องมาเห็นคางคกนั่งจ้องอยู่เบื้องหน้า แล้วนางจะหวั่นไหวได้อย่างไรกัน

 

 

ยิ่งกว่านั้นเจ้าคางคกตัวนี้ริอ่านกินเนื้อห่านฟ้าเสียด้วย ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยยิ่งคลื่นไส้

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยนั่งอยู่ในที่ตน อาการเหม่อลอย อาหารชั้นเลิศตรงหน้าก็มิอาจดึงความสนใจจากนางได้

 

 

“องค์หญิง ทรงไม่อยากอาหารหรือ”

 

 

 ที่นั่งหลิวเปยใกล้กลับซย่าโหวเสวี่ยเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าคนงามไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ หลิวเปยจึงรีบแสดงท่าห่วงใยทันที

 

 

เมื่อเห็นใบหน้าบวมอูมที่สิวเขรอะแดงเถือก ในที่สุดซย่าโหวเสวี่ยก็ทนไม่ไหว พ่นอาหารในปากใส่หน้าหลิวเปย