ตอนที่ 89-1 ทรมานคนตาย ไม่ชดใช้ชีวิต

จำนนรักชายาตัวร้าย

วินาทีนั้น ห้องโถงทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิท ถึงขนาดที่ว่าเข็มสักเล่มร่วงลงพื้นก็ได้ยินเสียงเลยทีเดียว

 

 

ใบหน้าหลิวเปยเดิมทีก็เต็มไปด้วยสิววัยแรกรุ่นผุดขึ้นทั่วทุกอณูจนใบหน้าแดงเถือก มาตอนนี้ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยข้าวสวย เศษอาหาร สีขาว สีแดง สีเขียวผสมปนเปกันไป ทำให้แลดูน่าตลกขบขันยิ่งนัก

 

 

“หึ…”

 

 

หลินเจียงอ๋องที่จัดว่าเป็นเสื้อยิ้มยาก ถึงกับแสยะยิ้มออกมา

 

 

เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนหัวเราะเปิดงาน ทั้งห้องก็เริ่มตามน้ำทันที เสียงหัวเราะร่วนดังระงมไปทั่ว

 

 

มองเห็นสีหน้าซย่าโหวจวินอวี่บึ้งตึง ซย่าโหวเสวี่ยก็ทำสีหน้าราวกับจะร้องไห้

 

 

“ขอโทษด้วย ข้ามิได้ตั้งใจ!”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เตรียมเช็ดหน้าให้กับองค์ชายห้า แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าเขาตรงหน้าอย่างเต็มตา มือที่ยืนออกไปของนางก็ชะงักอยู่กลางอากาศ

 

 

ยังดีที่หลิวเปยหัวไว เขากล่าวตบมุกให้ตนเอง

 

 

“เป็นความผิดข้า รับประทานอาหารไม่ควรพูดคุย ข้าทำให้องค์หญิงตกพระทัยแล้ว!”

 

 

หลิวเปยอยู่ที่ซีเย่ว์เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฮองเฮา เมื่อครู่ถูกซย่าโหวเสวี่ยพ่นข้าวใส่หน้าจนหน้าเละเต็มไปด้วยข้าวและเศษอาหาร เขาเกือบที่จะตอบแทนนางด้วยการตบหน้าให้หน้าหันเสียแล้ว

 

 

แต่ว่า จุดเด่นที่สุดของหลิวเปยนั่นก็คือ หัวไวสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้รวดเร็ว

 

 

ที่นี่คือต้าโจว!

 

 

แล้วบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาคือองค์หญิงใหญ่แห่งต้าโจว!

 

 

อีกทั้งซย่าโหวจวินอวี่ก็นั่งอยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงมิอาจกระทำเช่นนั้นกับซย่าโหวเสวี่ยได้

 

 

บวกกับท่าทีซย่าโหวเสวี่ยที่นั่งตัวสั่นงันงกราวนกน้อยที่กำลังตื่นตระหนกเช่นนั้น ก็ทำให้หลิวเปยอดสงสารไม่ได้

 

 

มองดูมือน้อยของซย่าโหวเสวี่ยที่ชะงักงันกลางอากาศ หลิวเปยก็ชื่นชมอยู่ในใจ

 

 

มือนี้ช่างงดงาม หากว่าได้กุมมือน้อยที่อ่อนนุ่มนี้ ไม่รู้ว่าจะสุขใจสักเพียงใด

 

 

“ขอบพระทัยองค์หญิง! พระองค์ทรงพระทัยดียิ่งนัก!”

 

 

หลิวเปยหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือที่ค้างอยู่กลางอากาศของซย่าโหวเสวี่ย มาเช็ดหน้าตนอย่างไม่เกรงใจ

 

 

หลิวเปยเช็ดหน้าไปพลางปลอบใจหญิงงามที่อยู่ตรงหน้าไปพลาง

 

 

“ฟันองค์หญิงเจือไว้ด้วยกลิ่นหอม ต่อให้ทรงพ่นใส่หม่อมฉันตรงๆ ก็นับเป็นเกียรติของหม่อมฉันยิ่งแล้ว!”

 

 

หลิวเปยใช้แรงไม่น้อยขณะเช็ดหน้า ทำให้เลือดจากสิวและน้ำหนองสีขาวไหลออกมาโดยไม่ทันระวัง ไม่นานเท่าไหร่ผ้าเช็ดหน้าผืนบางของซย่าโหวเสวี่ยก็เลอะเปื้อนเป็นรอยจุดกระดำกระด่างไปทั่วทั้งผืน

 

 

“เอ่อ…”

 

 

กว่าที่หลิวเปยจะสังเกตเห็น ผ้าเช็ดหน้าผีเสื้อแสนสวยก็สกปรกจนเกินเยียวยา

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิวเปยจึงทำได้เพียงยิ้มบางๆ ด้วยความรู้สึกผิด

 

 

“ขอโทษด้วย ข้าทำให้ผ้าเช็ดหน้าองค์หญิงสกปรกเลอะเทอะเสียแล้ว เดี๋ยวข้ากลับไปจะให้คนซักแล้วจะนำมาคืนให้กับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

หลิวเปยทำให้ซย่าโหวเสวี่ยหวาดกลัวอย่างที่สุด

 

 

ผ้าเช็ดหน้าที่ทั้งสกปรกและน่ารังเกียจขนาดนั้น นางมิต้องการ!

 

 

“ไม่ต้องหรอกเพคะองค์ชาย ทรงเกรงใจหม่อมฉันไปแล้ว ผ้าเช็ดหน้านี่มอบให้ท่าน!”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยรีบทรุดกายลงนั่ง ไม่กล้ามองหน้าหลิยเปยอีก ราวกับกลัวว่าหากมองต่อไปแม้เพียงวินาทีเดียวก็จะทำนางฝันร้าย

 

 

ดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ราวดอกไม้หอมที่โชยมาจากผ้าเช็ดหน้า หลิวเปยรีบเก็บมันเข้าไว้ในอกเสื้อด้วยความปลาบปลื้ม งานเลี้ยงจึงดำเนินต่อไป

 

 

ภาพตรงหน้านั้น ทำเอาซย่าโหวเสวี่ยแทบจะอาเจียนอาหารที่กินเข้าไปออกมาทั้งหมด

 

 

นึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทที่ทรงเปี่ยมด้วยเมตตาจะน้ำมือเ**้ยมโหดถึงเพียงนี้!

 

 

ประทานองค์หญิงเสวี่ยให้แต่งงานกับคนเช่นนี้ จะดีหรือ

 

 

ถ้าหากว่าในคืนแต่งงาน หลิวเปยพบว่าองค์หญิงมิใช่สาวบริสุทธิ์ผุดผ่องเล่า เขาจะยินยอมอดกลั้นกับความอัปยศนี้ ทนให้สวมเขา หรือจะตีโพยโวยวายขึ้นมากัน

 

 

จู่ๆ อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว่า งานแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีในครั้งนี้ หาใช่เรื่องเล็กไม่

 

 

หากว่าหลิวเปยเป็นเพียงคนไม่เอาไหนอ่อนปวกเปียกก็ว่าไปอย่าง

 

 

แต่นี่ หลิวเปยกลับมีความแข็งแกร่งของลูกผู้ชายอยู่ไม่น้อย งานแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไม่เพียงแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ตรงกันข้ามอาจจะนำมาซึ่งความวุ่นวายครั้งใหญ่หลวง…

 

 

เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่า สิ่งที่อวี้เฟยเยียนคาดการณ์นั้นถูกต้อง เพียงแต่ว่านี่เป็นเรื่องในอนาคตข้างหน้า

 

 

วันนี้ แขกที่ซย่าโหวจวินอวี่เชิญมาร่วมงานไม่เพียงแต่อวี้จิงเหลยเท่านั้น ยังมีอวี้เชียนเสวี่ย มู่เหนี่ยนซีและอวี้เฟยเยียน

 

 

ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ แฝงความนัยอย่างลึกซึ้ง!

 

 

สองสามวันก่อนเพิ่งจะพบหน้าอวี้หลัวช่าหนึ่งในลูกสะใภ้ไปหยกๆ ครั้งนี้ ฝ่าบาทจึงสบโอกาสได้พบหน้าหนึ่งในลูกสะใภ้อีกคน

 

 

หอคืนชีพของอวี้หลัวช่าปักหลักเปิดกิจการอยู่ที่เมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดี

 

 

อวี้เฟยเยียนและเหล่าหมอยาไม่เพียงแต่วิชาแพทย์สูงส่ง ทั้งยังมีเมตตากรุณาต่อผู้คนโดยเท่าเทียมกัน

 

 

อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายที่หอคืนชีพเรียกเก็บสมเหตุสมผล มิได้เจตนาโก่งราคาแต่อย่างใด จึงมีชื่อเสียงดีงามในหมู่ประชาชน สำหรับคนยากจน อวี้หลัวช่ายังละเว้นค่าหยูกยาให้อีกด้วย พฤติกรรมที่มีคุณธรรมเช่นนี้ ทำให้นางชนะใจประชาชนได้อย่างง่ายดาย

 

 

สำหรับอวี้หลัวช่า ซย่าโหวจวินอวี่พึงพอใจเกินร้อย

 

 

รอบกายซย่าโหวฉิงเทียนมีรัศมีแห่งความโหดร้ายแผ่ซ่านตลอดเวลา หากว่ามีอวี้หลัวช่าที่เปี่ยมด้วยเมตตาและอดทนอยู่เคียงข้างคอยเตือนใจ  คนทั้งสองจะคอยช่วยเหลือส่งเสริมซึ่งกันและกันได้อย่างดี

 

 

เพียงแต่ว่า สาวงามข้างกายของบุตรชายไม่ได้มีอวี้หลัวช่าเพียงคนเดียว

 

 

ยังมีอวี้เฟยเยียนและแมวน้อยอีกน่ะสิ!

 

 

ถึงแม้ว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าแมวน้อยเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน เพราะทรงมิเคยถามอะไรจากปากซย่าโหวฉิงเทียนได้เลย แต่สำหรับอีกคน อวี้เฟยเยียน ฝ่าบาทรู้จักดี

 

 

เดิมทีซย่าโหวจวินอวี่คิดว่า รูปร่างหน้าตาและจิตใจที่งดงาม รวมทั้งความมีคุณธรรมของอวี้หลัวช่าจะทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนรักปักใจต่อนางเพียงผู้เดียว

 

 

ใครจะคาดคิด เมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นซย่าโหวฉิงเทียนปอกลำไยให้กับอวี้เฟยเยียนด้วยตัวเอง ก็ทรงแทบจะน้ำตาไหลพราก

 

 

ลูกเอ่ย พ่อก็อายุปูนนี้แล้ว เจ้ายังมิเคยปอกลำไยให้พ่อเลยสักครั้ง!

 

 

สวรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีลูกชายนี่ช่างเป็นการลงทุนที่ขาดทุนย่อยยับ!

 

 

เมื่อรู้สึกถึงสายตาเงียบเหงาโกรธเคืองกำลังทอดมองมา ซย่าโหวฉิงเทียนจึงมองไปยังซย่าโหวจวินอวี่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองแล้วกล่าวว่า

 

 

“เสด็จพี่ ทรงประชวรหรือ”

 

 

ลูกชายสุดที่รักถามขึ้นด้วยความห่วงใย ซึ่งถึงแม้ว่าความห่วงใยนี้ออกจะผิดแผกไปสักหน่อย แต่ฝ่าบาทก็ทรงแย้มพระสรวลรับ

 

 

“ข้าสบายดี!”

 

 

ข้าจะไม่ยอมบอกเจ้าเป็นแน่ ว่าข้าอิจฉา!

 

 

ฝ่าบาททรงไม่ตรัส แน่นอนว่าซย่าโหวฉิงเทียนย่อมไม่รู้ หลังปอกลำไยเสร็จแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มจัดการกับเปลือกกุ้งมังกรต่อ

 

 

อวี้เฟยเยียนชอบกินกุ้งมังกรเป็นที่สุด ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนก็มองออก

 

 

ถึงแม้ว่าด้านข้างจะมีนางกำนัลปรนนิบัติอยู่ ซึ่งก็คอยแกะเปลือกกุ้งโดยเฉพาะอยู่แล้ว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนคิดว่า กุ้งที่เขาแกะให้นางด้วยตัวเองรสชาติย่อมต้องหอมหวานกว่าเป็นไหนๆ

 

 

ดังนั้น ตลอดทั้งงานเลี้ยงกลางคืนนี้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายพระเนตรอิจฉาริษยาไม่หยุด ในพระทัยสับสนอลหม่านไปหมด

 

 

ลำพังแต่งงานกับอวี้หลัวช่า ต้าโจวก็แทบจะสิ้นเนื้อประตัว หากเพิ่มอวี้เฟยเยียนมาอีกคน…นี่เป็นครั้งแรกที่ซย่าโหวจวินอวี่รู้สึกว่าแผ่นดินตนนั้นช่างน้อยนิดยิ่งนัก น้อยนิดเสียจริง!

 

 

ไม่พอน่ะสิ!

 

 

ไม่พอมากเสียด้วย!

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาของซย่าโหวจวินอวี่ก็เบนไปที่หลิวเปย

 

 

องค์ชายห้าแห่งซีเย่ว์ องค์ชายองค์โตของฮองเฮา

 

 

ฮองเฮาแห่งซีเย่ว์ในอดีตเป็นเพียงนางกำนัลธรรมดาๆ ข้างกายกุ้ยเฟยเท่านั้น แต่นางจิตใจลึกล้ำทะเยอทะยาน ไม่เพียงแต่โค่นล้มนายเก่าของตน ทั้งยังทำให้ฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายปลดฮองเฮาของตนเองแล้วแต่งตั้งนางกำนัลเล็กๆ ขึ้นเป็นฮองเฮาแทนในที่สุด

 

 

การกระทำของนางทุกอย่าง สามารถเรียกได้ว่าร้ายกาจไม่เป็นสองรองใครทีเดียว

 

 

หากมิใช่ฮ่องเต้ซีเย่ว์เลอะเลือน คิดการณ์ไม่ซื่อ ต้องการสอดมือเข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเหตุการณ์วุ่นวายเจ็ดอ๋องละก็ คงไม่ถูกซย่าโหวฉิงเทียนทรมานจนแทบเป็นแทบตายเช่นนี้

 

 

ตอนนี้ฮองเฮาองค์ปัจจุบันมีเพียงหลิวเปยเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว นางต้องการให้ฮ่องเต้แต่งตั้งหลิวเปยเป็นองค์รัชทายาท

 

 

แต่ฮองเฮาองค์ก่อนไม่เพียงแต่มีพระโอรส ทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและความรู้ จึงได้รับการปกป้องคุ้มครอง

 

 

แคว้นซีเย่ว์…

 

 

หึหึ…

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่แววตาลึกล้ำ ก้มหน้ายื่นมือไปยกจอกสุราขึ้น

 

 

ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน!