หัวหน้าพรรคส่งสัญญาณให้ไป๋ไช่ไม่ต้องพยุงตน แล้วค่อยๆ เดินไปที่ด้านหน้าสองก้าว อยู่ระหว่างประกายแสงกระบี่ที่ส่องสว่างนับสิบสายนั่น มองดูศิษย์พี่ที่เคยใกล้ชิดสนิทสนมอยู่บนหน้าผาเหล่านั้น มองดูกลุ่มศิษย์เหล่านั้นที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง และยังมีเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากพรรคฉางเซิงกับตระกูลชิวซาน ริมฝีปากค่อยๆ เผยอขึ้นมา เผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
“กาลเวลานับหมื่นปี”
“การร่วมมือเหนือใต้”
“เพื่อโลกของมวลมนุษย์”
“ต่อต้านเผ่ามาร”
เขาพูดคำเหล่านี้ไปพร้อมกับรอยยิ้มหยัน แต่กลับจริงจังชัดเจนถึงเพียงนี้ เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือเหตุผลที่จริงจังชัดเจนยิ่งกว่านี้ เดิมทีก็ล้วนสมควรถูกเย้ยหยัน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง
“เป็นเท้าสังฆราช หรือว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์…ให้ผลประโยชน์อะไรกับพวกเจ้า” สายตาของหัวหน้าพรรคค่อยๆ ขยับไปที่ใบหน้าของเสี่ยวซงกงกับผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติทั้งสองคน สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ร่างของประมุขตระกูลชิวซาน
ประมุขตระกูลชิวซานค่อยๆ ก้มหน้าแสดงความปรารถนาดี แย้มยิ้มไม่พูดจา ราวกับไม่รู้ว่าตนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างไร
“ใช่ การร่วมมือของเหนือใต้ การเป็นหนึ่งเดียวของโลกมนุษย์ รบชนะเผ่ามาร…เหล่านี้ล้วนเป็นข้อดี นี่ก็คือผลประโยชน์ที่ได้จากการฆ่าซูหลี ต่อให้เจ้าจะเย้ยหยันเช่นใด นี่ก็ยังคงเป็นข้อดี”
เสี่ยวซงกงมองหัวหน้าพรรคแล้วพูดขึ้น “เพื่ออนาคตของพรรคกระบี่เขาหลีซานของเรา เพื่อความสงบสุขของชาวประชานับหมื่นในเทียนหนาน ไม่ว่าเจ้าจะพูดว่าพวกข้ามีความเห็นแก่ตัวสักเท่าไหร่ แต่ว่าผลประโยชน์เช่นนี้จะไม่ให้คนหวั่นไหวได้อย่างไร”
หัวหน้าพรรคนิ่งเงียบไปนาน อยู่ๆ ก็ยกมือขวาขึ้นมา ภายในประกายแสงนับสิบสาย ได้คว้ากระบี่มาเล่มหนึ่ง
นี่คือประกายแสงของค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่ และก็มีเพียงเขาที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
เสี่ยวซงกงพูดขึ้น “ดูท่าเจ้าจะยังคิดไม่ตก”
หัวหน้าพรรคพูดขึ้น “เพราะว่าข้าคิดไม่ตก พวกเจ้าพูดว่าอาจารย์ปู่เล็กทรยศสำนัก ความผิดนี้เอามาจากที่ไหนกัน ก็เหมือนกับที่เจ้าหกไป๋ไช่พูดเช่นนั้น จะแต่งเรื่องก็ควรจะแต่งให้น่าเชื่อหน่อย”
ผู้คนมองไปที่เสี่ยวซงกงไปจนถึงผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติทั้งสองคนนั้น แม้แต่ตระกูลชิวซานที่ขึ้นเขามากับพวกเขาไปจนถึงผู้ติดตามที่มีความแข็งแกร่งลึกล้ำยากจะหยั่งผู้นั้นก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ยอดเขาเงียบสงบไปเป็นเวลานาน ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา “ซูหลี เขา…กระทำการสวนทางกับขั้วอำนาจ ขัดขวางการร่วมมือของเหนือใต้มาโดยตลอด พวกข้าสงสัยว่าเขาร่วมมือกับเผ่ามาร”
หัวหน้าพรรคส่ายหน้าไร้คำพูด และพูดขึ้นอย่างปลงอนิจจัง “ช่างไร้ยางอายจริงๆ”
ประมุขตระกูลชิวซานก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ก็คงรู้สึกว่าวิธีการพูดเช่นนี้ออกจะเหลวไหลเกินไป
“อาจารย์ปู่เล็กต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเผ่ามารมาหลายปี ไม่รู้ว่ามีเผ่ามารมากน้อยแค่ไหนที่ตกตายภายใต้กระบี่ของเขา ถ้าหากไม่ใช่เขา หลายปีมานี้เผ่ามารจะอยู่ในพื้นที่ราบหิมะอย่างสงบได้อย่างไร ครั้งนี้เขากำลังลำบาก ถูกพวกไร้ยางอายล้อมไว้ที่เมืองสวินหยาง ก็เป็นเพราะเขาคิดจะฆ่ากุนซือของเผ่ามารอย่างคนชุดดำ จึงถูกเผ่ามารล้อมเอาไว้ และได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุนี้…”
หัวหน้าพรรคมองไปที่ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติผู้นั้นแล้วพูดขึ้น “คนเหล่านั้นในเมืองสวินหยางแสนจะไร้ยางอาย และที่เจ้าถึงกับพูดว่าอาจารย์ปู่เล็กร่วมมือกับเผ่ามาร ก็ถึงกับก้าวข้ามขอบเขตของคำว่าไร้ยางอายไปถึงระดับที่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว”
คำพูดเหล่านี้เขาพูดอย่างมั่นคงและจริงจังอย่างมาก แต่ความรู้สึกก็รุนแรงมาก การตอบสนองของเหล่าศิษย์บนยอดเขาต่างๆ ก็รุนแรงเป็นอย่างมาก คำด่าทอต่างๆ นานาได้ถูกพ่นไปทางยอดเขาหลัก ต้องรู้ว่าซูหลีไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ปู่เล็กของพวกเขา แต่เป็นยิ่งกว่าจิตวิญญาณของทั่วทั้งเขาหลีซาน เป็นแบบอย่างของศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหมด พวกเขาจะปล่อยให้ผู้อาวุโสเหล่านี้มาใส่ร้ายป้ายสีได้อย่างไร
เสี่ยวซงกงพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย “ก็แค่การแสดงเท่านั้นแหละ”
หัวหน้าพรรคตวาดขึ้นมา “หากศิษย์พี่ไม่มีหลักฐาน อาศัยวาจานี้ของเจ้า ข้าก็สามารถขับไล่เจ้าออกไปจากเขาหลีซานได้แล้ว”
เสี่ยวซงกงจ้องตาของเขา และพูดด้วยสีหน้าที่เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้าต้องการหลักฐานจริงๆ ต้องรู้ว่าเรื่องเก่าในตอนนั้นถึงแม้จะไม่มีคนพูดขึ้นมาอีก แต่เลือดที่หยดลงกระดาษทดสอบในตอนนั้น ในตอนนี้น่าจะยังถูกเก็บรักษาอยู่ภายในพระราชวังหลี”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหัวหน้าพรรคก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วพูดขึ้น “เจ้า…พูดถึงเรื่องใดกัน”
เสี่ยซงกงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “แต่ไหนแต่ไรมาโลกนี้ก็ไม่มีความลับที่เด็ดขาด ซูหลีคิดว่าฆ่าคนที่สระเยือกเย็นเหล่านั้นไปทั้งหมด ก็จะสามารถปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ได้หรือ”
สายตาของหัวหน้าพรรคเปลี่ยนเป็นแหลมคมอย่างมาก แล้วคำรามขึ้น “หุบปาก! หากเจ้ากล้าพูดมั่ว อย่าโทษว่าข้าทำลายหัวใจกระบี่ ใช้ค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่ฆ่าพวกเจ้าทุกคนที่อยู่บนเขา!”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ ทุกคนที่อยู่บนแต่ละยอดเขาของเขาหลีซานล้วนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นในใจ…เป็นจิตสังหารที่รุนแรงนัก เป็นวิธีการที่รุนแรงมาก หรือว่าความวุ่นวายภายในของเขาหลีซานครั้งนี้ สุดท้ายแล้วจะต้องเดินไปยังจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้หรือ ความลับที่เสี่ยวซงกงพูดถึงคืออะไรกันแน่
“หรือว่าศิษย์เหล่านี้จะไม่ใช่ศิษย์ของเขาหลีซาน ก็เพราะว่าเจ้าคิดจะปิดบังความลับนั่น ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดล้วนต้องตายหรือ”
เสี่ยวซงกงจ้องเขา แล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “ถ้าหากเจ้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้จริงๆ ข้าก็อยากจะเห็นว่าหลังจากที่เจ้าตายไปจะมีหน้าไปเจอบรรพชนของเขาหลีซานได้อย่างไร เดิมทีข้าไม่อยากจะเปิดเผยความลับนี้ แต่ถูกพวกเจ้าบีบมาจนถึงตอนนี้ เช่นนั้นข้าก็ต้องบอกกับทั่วทั้งดินแดนต้าลู่ ชีเจียนนางไม่ได้เป็นเพียงแค่บุตรสาวของซูหลี นางยังเป็น…”
เขามองไปยังหัวหน้าพรรครวมไปถึงศิษย์นับสิบที่อยู่ด้านหลังเป็นถ้ำพำนัก ที่ขวางด้วยประตูที่แสนหนักบานนั้น ราวกับว่ามองเห็นชีเจียนที่นอนไม่ได้สติ เสียงเย็นเยียบได้ตะโกนขึ้นมา “นางเป็นบุตรสาวขององค์หญิงเผ่ามาร!”
หัวหน้าพรรคตะโกนด้วยความโกรธ “หุบปาก!”
เสี่ยวซงกงไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด และพูดต่อด้วยความเหยียดหยาม “นางก็คือบุตรสาวของซูหลีกับองค์หญิงเผ่ามาร!”
ยอดเขาเหลีซานเกิดเสียงฮือฮาขึ้นเป็นแถบ มีเสียงด่าทอดังขึ้นไม่หยุด ไหนเลยจะมีคนยอมเชื่อ แต่…เสียงของเสี่ยวซงกงก็ยังคงสะท้อนอยู่ระหว่างยอดเขา ตามเสียงของเขา เสียงของยอดเขาต่างๆ ก็เบาลงเรื่อยๆ
“ทำไมในตอนนั้นพรรคฉางเซิงถึงได้จับผู้หญิงคนนั้นไปขังไว้ที่สระเยือกเย็น ทำไมเหล่าผู้อาวุโสจึงขอให้ซูหลีไปทำเรื่องนั้นถึงจะนับว่าเป็นการชดเชยความผิด เพราะว่าซูหลีได้ทำความผิดมหันต์ไปแล้วอย่างไรเล่า”
เสี่ยวซงกงนึกถึงเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าดินเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าสายลมในยอดเขาเหน็บหนาวขึ้นมาหลายส่วน “เพียงแต่ใครจะคาดคิด ซูหลีจะถึงกับกำเริบเสิบสานจนถึงขั้นนั้น เพื่อนางมารเพียงคนเดียว ถึงกับฆ่าผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงไปนับสิบคน! เพราะเหตุนี้โลกมนุษย์จึงสูญเสียผู้แข็งแกร่งไปเท่าไหร่! เจ้าถึงกับกล้าพูดว่าเขาไม่มีทางร่วมมือกับเผ่ามาร!”
เสียงด่าทอหยุดลงในทันที ยอดเขาหลีซานเงียบเป็นเป่าสาก เพราะว่าทุกคนล้วนรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเรื่องจริง ดังนั้นจึงตกตะลึงอย่างหาใดเปรียบ ถึงแม้จะเป็นประมุขตระกูลชิวซานกับผู้ติดตามผู้นั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น มีเพียงผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงผู้นั้นที่ยังสงบเหมือนก่อน แต่ในดวงตากลับฉายแววโหดร้าย เป็นความรู้สึกที่จะต้องแก้แค้น คิดว่าน่าจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
เหล่าศิษย์เขาหลีซานอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไร ที่เสี่ยวซงกงเปิดเผยชาติกำเนิดของชีเจียนก่อนหน้านี้ ทุกคนยังสามารถยอมรับได้ เป็นเพราะมีสาเหตุมาจากอาจารย์ปู่เล็ก จึงเกิดความเอ็นดูและยำเกรงชีเจียนมากมาย แต่ในตอนนี้เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นางเป็นบุตรสาวขององค์หญิงเผ่ามาร อาจารย์ปู่เล็กถึงกับเคยมีอดีตเช่นนั้นกับองค์หญิงเผ่ามาร…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ พลันมีเสียงหนึ่งที่ไม่สงบนักดังขึ้นมาทำลายความเงียบ ศิษย์เขาหลีซานผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หน้าถ้ำพำนัก ได้มองไปที่หัวหน้าพรรคและเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นไหว “อาจารย์ลุงหัวหน้าพรรค เรื่องนี้…เป็นเรื่องจริงหรือ”