เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 609
หลังผ่านเส้นทางสุสานยาวที่มืดสนิทแล้ว

จู่ ๆ

หยางเฟิงและคนอื่น ๆ ทันใดนั้นก็มองเห็นแสงสว่าง

ฉากที่มองเห็นด้านหน้านี้ทุกคนต่างก็ถูกทำให้ตะลึงแล้ว

ที่เข้ามาในสายตาคือหุบเขาแห่งหนึ่ง

เห็นเพียงทิวทัศน์สวยงาม ต้นไม้กิ่งก้านหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ เป็นแดนสวรรค์ในโลกมนุษย์แห่งหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

ในความทรงจำของหยางเฟิง

สุสานเป็นที่สุดท้ายของผู้ตาย

เต็มไปด้วยลมหายใจของความตาย ความวังเวง ความหดหู่

แต่ด้านหน้านี้เห็นชัดว่าก็คือแดนสุขาวดีแห่งหนึ่ง เดิมทีก็ไม่เหมือนเป็นสุสานแห่งหนึ่ง!

หยางเฟิงหันหน้ามามองถามเย่หลงว่า“นายท่าน นี่สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

มองเห็นความตกตะลึงบนหน้าของหยางเฟิงและคนอื่น ๆ

เย่หลงมีสีหน้าที่ภาคภูมิใจ

เขายิ้มอยู่พูดว่า“ปีนั้นตอนที่บรรพบุรุษกำลังสร้างสุสานก็ชอบสถานที่นี้แล้ว หลังเจาะท้องภูเขาของเขาจินเฟิงทะลุก็เป็นหุบเขาที่มีร่องรอยคนมาน้อยมากแห่งหนึ่ง”

“บรรพบุรุษของฉันใช้เวลาสิบปีถึงสามารถเอาหุบเขาแห่งนี้ดัดแปลงเป็นสถานที่ฝังศพของเขาแล้ว!”

พูดอยู่

เย่หลงพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม“แต่พวกนายต้องระวังอย่างเด็ดขาด ที่นี่หลังถูกบรรพบุรุษของฉันดัดแปลงแล้วทุก ๆ ที่ต่างก็มีกลไกกับดักที่อันตราย พอไม่ระวังกระทั่งตายยังไงต่างก็ยังไม่รู้

ได้ยินในใจของทุกคนก็หวาดกลัว

กลไกหน้าประตูสุสานก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว

นักบู๊นับพันคนก็เจอลูกธนูมากมายแทงทะลุหัวใจตาย

น่ากลัวมาก!

ดังนั้นใครต่างก็ไม่กล้าประมาท!

มองเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมของทุกคน

เย่หลงยิ้มอีกพูดว่า“แต่พวกนายก็ไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่พวกนายเดินตามฉันก็น่าจะไม่มีปัญหา!”

หยางเฟิงมองเย่หลงแวบหนึ่งอย่างลึก ๆ พูดว่า“นายท่าน คุณระวังหน่อยอย่าหลอกพวกเราแล้ว!”

สำหรับคนหน้าเนื้อใจเสือนี้ หยางเฟิงถือว่ามีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง

ก่อนหน้านี้ก็หลอกตัวเองหลายครั้งติดต่อกัน

อยู่ด้านนอก

ไอ้แก่คนนี้รู้ชัดเจนว่าประตูสุสานมีกลไกกลับไม่พูด

ผลคือทำร้ายนักบู๊นับพันคนจนตาย

เหล่านี้ต่างก็เป็นบทเรียนจากความพ่ายแพ้ตอนแรก!

ตอนนี้ในสุสานนี้ทุก ๆ ที่ต่างก็เป็นกับดักกลไก

และตัวเองก็ไม่มีแผนผังกลไกอีก

ทั้งหมดก็อาศัยไอ้แก่เย่หลงคนนี้นำทาง

ถ้าถูกไอ้แก่คนนี้หลอกหน่อย

ผลเสียก็คือไม่สามารถจินตนาการได้

ถึงเวลานั้นตายเกรงว่าต่างก็ไม่รู้ตายยังไง

ดังนั้นหยางเฟิงมีความจำเป็นที่จะพูดอธิบายสักหน่อย

เผื่อว่าถึงเวลาเย่หลงทำเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไรมาอีก!

เย่หลงมองตาขาวใส่หยางเฟิงแวบหนึ่งพูดว่า“นายไอ้เด็กนี่วางใจดีแล้ว ฉันยังหวังให้นายช่วยฉันดูแลรักษาชิ้นส่วนม้วนภาพมกุฎมังกร ข้าจะหลอกนายได้ยังไง?”

“อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูสุสาน ข้าเคยเตือนนายแล้วก่อนล่วงหน้าว่ามีอันตราย นายคิดว่าข้าจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือเหรอ?”

สำหรับการสงสัยของหยางเฟิง

ในใจของเย่หลงขุ่นเคืองมาก

ก็แค่ตั้งใจหลอกไอ้เด็กนี่มาหมู่บ้านตระกูลเย่ทำเรื่องให้ยุ่งเหยิงเองเหรอ?

จะต้องขัดข้องหมองใจอย่างนี้เหรอ?

เป็นหนุ่มที่ใจแคบจริง ๆ !

ก็ไม่รู้ปีนั้นเย่เทียนตาบอดแล้วหรือเปล่า?

ทำไมหาที่แปลกประหลาดคนหนึ่งอย่างนี้มาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลเย่?

มิน่าล่ะถูกหยางเฟิงทำให้ครอบครัวเจอความวิบัติ ก็ถือว่าสมน้ำหน้าเขาแล้ว!

มองเห็นใบหน้าของเย่หลงมีท่าทางที่ขุ่นเคือง

หยางเฟิงแสร้งยิ้มแล้ว

ตัวเองใช้ความคิดที่ไม่ดีไปคาดเดาความคิดของคนดีแล้วจริง ๆ !

“นายท่าน ผมนี่คือไม่ใช่ทักทายกับคุณล่วงหน้าสักหน่อยเหรอ คุณโกรธอย่างนั้นทำอะไร?”

เย่หลงทำตาขาวแล้ว

เขาขี้เกียจที่จะพูดกับหยางเฟิงแล้ว

ตัวเองกว่าจะมีชีวิตถึงหนึ่งร้อยปีไม่ง่ายเลย

ถ้าหากพูดมากกับหยางเฟิงอีก

น่าจะถูกคนเลวคนนี้ทำให้โมโหจนตายทั้งเป็นในทันที!

“พวกเราไป!”

เย่หลงก็ไม่พูดมากมุ่งหน้าหันเดินตรงไปที่หุบเขาลึก

หยางเฟิงและคนอื่น ๆ ตามขึ้นไป

ในเมื่อเย่หลงพูดอย่างนี้แล้ว

งั้นก็พิสูจน์แล้ว ไอ้แก่คนนี้ยังคงเชื่อถือได้!