บทที่ 956 : ของฝาก!
หลิงหยุนเดินกลับมาพร้อมน้ำดื่มในมือและจัดการรินให้หญิงสาวทั้งสองดื่มแก้กระหายด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง เพราะยังขุ่นเคืองใจในความโง่เขลาของหญิงสาวทั้งสองที่ยอมอดข้าวอดน้ำเพื่อหวังประท้วงเย่ซิงเฉิน แต่กลับเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลยแม้แต่นิด!
ภายในห้องครัวมีทั้งผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และบะหมี่ หากทั้งคู่ฉลาดพอ ก็ควรจะแอบกินในระหว่างที่นางไม่อยู่สิ! หรือหากไม่กินอาหาร อย่างน้อยก็ควรจะแอบดื่มน้ำ ไม่ใช่ทำเรื่องโง่ๆ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีเช่นนี้!
หลังจากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกยันต์บำบัดระดับห้าของตนเองออกมารักษาริมฝีปากที่แห้งจนเลือดไหลซิบให้กับหญิงสาวทั้งสองคนแล้วจึงเข้าครัวทำโจ๊กเห็ดให้กับหญิงสาวทั้งคนทาน และระหว่างนั้นเหยาลู่กับหลินเมิ่งหานก็ขึ้นไปอาบน้ำ
หลังจากหญิงสาวทั้งสองคนทานอาหารอิ่มแล้วหลิงหยุนจึงพาพวกนางขึ้นไปนอนพักผ่อนบนห้อง
………..
จากนั้น..หลิงหยุนจึงเดินไปสำรวจที่ค่ายกลที่สวนหน้าบ้านของเย่ซิงเฉิน และพบว่าแม้จะเป็นค่ายกลแปดทิศขนาดเล็ก แต่หากไม่มีความเข้าใจในเรื่องค่ายกลแล้ว ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ก็ยากที่จะเข้ามาได้..
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งอยู่กลางสวนหน้าบ้านและค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดยามเช้าที่ร้อนแรงเริ่มส่องกระทบร่างกายจนรู้สึกร้อน จากนั้นจึงเรียกโทรศัพท์มือถือออกมาจากแหวนพื้นที่ และทันทีที่เปิดโทรศัพท์ สายของถังเมิ่งก็ดังขึ้น หลิงหยุนจึงรีบกดรับ
“พี่หยุน..ฉันโทรหาพี่ตั้งหลายครั้ง!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“มีอะไรก็รีบพูดมา..”
ถังเมิ่งถามกลับมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนพี่พักที่ใหนหลังจากที่หาสองคนนั่นพบแล้ว ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนร้องตะโกนตอบกลับไปทันที“นี่ถ้านายจะพูดเรื่องไร้สาระ ฉันจะวางแล้วนะ! มีข้อความอีกตั้งมากมายที่ฉันยังไม่ได้อ่าน..”
“อ่อ..ว่าแต่ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง”
น้ำเสียงของถังเมิ่งเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีในขณะที่ตอบกลับหลิงหยุน“เมื่อคืนก็ปกติดี แต่ดูเหมือนน้าหญิงจะได้รับข้อความบางอย่าง สีหน้าของน้าหญิงดูไม่ค่อยดีเลย!”
หลิงหยุนร้องถามออกไปอย่างแปลกใจ“เกิดอะไรขึ้นกับน้าหญิงกันแน่”
ถังเมิ่งลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า“ฉันได้ยินว่ามีคนจากสำนักของน้าหญิงขอให้เข้าไปพบ แต่รายละเอียดฉันเองก็ไม่กล้าถาม..”
หลิงหยุนครุ่นคิด‘สำนักของฉินตงเฉี่วยงั้นรึ ก็ต้องเป็นสำนักดาบสวรรค์น่ะสิ?!’
ฉินตงเฉี่วยเป็นศิษย์สำนักดาบสวรรค์ส่วนหลิงหยุนนั้นชาวยุทธต่างก็เชื่อว่าเขาเป็นคนของพรรคมาร หากครั้งนี้สำนักดาบสวรรค์ต้องการส่งยอดฝีมือมาจัดการกับหลิงหยุน ฉินตงเฉี่วยคงต้องตกอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นแน่..
คิดได้เช่นนี้หลิงหยุนจึงรีบร้องบอกถังเมิ่งว่า“เอาล่ะ.. นายบอกน้าหญิงแทนฉันทีว่าให้รอฉันก่อน แล้วฉันจะรีบเข้าไปปรึกษาหารือเรื่องนี้..”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า”
เมื่อพูดถึงสำนักดาบสวรรค์หลิงหยุนก็นึกถึงหลิวซุ่ยเฟิงขึ้นมาทันที ‘หมอนั่นหลังจากพ่ายแพ้ให้กับข้า กลับไปที่สำนักคงพูดถึงข้าไม่ดีแน่..’
หลิงหยุนพึมพำออกมาอย่างเหยียดหยัน“หึ.. หรือจะให้น้าหญิงออกมาจากสำนักดาบสวรรค์นั่นดี!”
สำหรับหลิงหยุนแล้วเขาไม่เคยสนใจพวกที่อวดอ้างตนเป็นฝ่ายธรรมะ และทำเพื่อผดุงความถูกต้องเหล่านี้เลย หลิงหยุนเชื่อว่าต่อให้คนเหล่านี้บุกมา เขาคนเดียวก็สามารถจัดการได้ไม่ยาก หรือไม่ก็เพิ่มไป๋เซียเอ๋อเข้าไปอีกคน..
หลังจากที่ได้ประมือกับยอดฝีมือทั้งสามตระกูลเฉินจี้ยนห่าว และโทคุงาวะ มุโตะ อีกทั้งได้พูดคุยกับธิดาพรรคมาร ทำให้หลิงหยุนเข้าใจระดับความแข็งแกร่งของยอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-9 ได้มากขึ้น
หลิงหยุนมั่นใจว่า..ด้วยน้ำลายมังกรที่สามารถเติมเต็มพลังปราณที่สูญเสียไประหว่างต่อสู้นั้น จะทำให้เขาสามารถเอาชนะ และสังหารยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 อย่างเช่นเฉินเจี้ยนห่าวได้..
แต่หากต้องสู้กับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9แม้เพียงครึ่งระดับ หลิงหยุนก็คงจะเอาชนะได้ยากลำบาก อย่างเช่นโทคุงาวะ มุโตะเป็นต้น
จึงแทบไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือที่อยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-9ขึ้นไปที่จะมีพลังเหนือธรรมชาติ เวลานี้หลิงหยุนยังไม่พบเจอกับศัตรูที่มีพลังเหนือธรรมชาติเหล่านี้ แต่เขาเองก็มีไพ่ในมือที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้..
ดังนั้น..หากยอดฝีมือระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-9 คิดจะสังหารหลิงหยุนภายในพริบตา ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
นี่คือสิ่งที่หลิงหยุนสรุปได้ในเวลานี้..novel-lucky
หลิงหยุนจึงไม่ได้ให้ราคากับยอดฝีมือเหล่านั้นแต่เขากังวลกับเฉินจิ้งเฉวียนซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มนภา ดยุคแดร๊กคิวล่าซึ่งเป็นแวมไพร์อายุยาวนาน และเวลานี้กำลังซ่อนตัวอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน และซือกงวู่จี๋ที่เวลานี้อยู่ในจิงฉูแล้วมากกว่า
แต่สำหรับเหล่านินจานั้น..หลิงหยุนกลับไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะเขามั่นใจว่าโทคุงาวะ มุโตะน่าจะเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงส่งที่สุด และยังมีตำแหน่งสูงส่งในตระกูลโทคุงาวะด้วย แต่ก็ได้ถูกเขาสังหารตายไปเมื่อคืนนี้แล้ว!
“ข้าต้องแข็งแกร่งกว่านี้เท่านั้น!ต้องรีบเข้าสู่ขั้นพลังชี่ให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
หลังจากที่หาอาหารเช้าง่ายๆทานแล้วหลิงหยุนก็เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น และเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับตำนานเก่าแก่ของประเทศจีน เรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์ กำแพงเมืองจีน สุสานจิ๋นซี ปิรามิดของชาวอียิปต์ และอื่นๆอีกมากมาย
และด้วยความจำที่เป็นเลิศของหลิงหยุนเขาได้จดจำทุกอย่างไว้ในสมองเรียบร้อแล้ว..
“ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีมากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ..!”
หลิงหยุนถึงกับพึมพำออกมากับเทคโนโลยีที่น่าทึ่งของโลกใบนี้และได้แต่คิดในใจว่าหากเขาสามารถพัฒนาขั้นจนแข็งแกร่งได้เมื่อใด เขาจะออกเดินทางสำรวจโลกที่น่าอัศจรรย์ใบนี้อย่างจริงจังเสียที
ระหว่างนั้นหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ก็เดินลงมาพอดีหลิงหยุนจึงร้องถามขึ้นว่า “พวกคุณสองคนหิวมั๊ย ผมจะเข้าไปทำอะไรให้ทาน”
หญิงสาวทั้งสองส่ายหน้าและตอบพร้อมกัน“ยังไม่หิว..”
หลิงหยุนจึงร้องบอกทั้งสองคนว่า“ถ้างั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม ผมสั่งให้ถังเมิ่งขับรถมารับเราที่นี่แล้ว คาดว่าคงอีกไม่นานก็มาถึงแล้วล่ะ!”
เวลา11.30 นาฬิกา.. รถหรูสีดำคันใหญ่ก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ในที่สุดถังเมิ่งพร้อมด้วยตี้เสี่ยวอู๋ และอาปิงก็มาถึง
หลังจากที่หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่หลิงหยุนสั่งให้ถังเมิ่งซื้อมาแล้วทั้งหมดก็เดินทางกลับบ้าน
รถหรูสีดำคันยาวนี้เป็นรถ Mercedes-Benz รุ่นโมดิฟายน์ใหม่ ภายในจึงมีเก้าอี้อยู่ถึงสี่แถว แปดที่นั่ง เหยาลู่นั่งกับหลินเมิ่งหาน ตี้เสี่ยวอู๋กับอาปิงนั่งคู่กัน ส่วนถังเมิ่งที่คิดถึงหลิงหยุนมากจึงตามไปนั่งข้างๆเขา และไวส์เคาน์เจสเตอร์ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ..
หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้วหลิงหยุนก็สังเกตุเห็นในมือของหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ยังคงถือชุดราตรีที่สวมในคืนนั้นกลับไปด้วย จึงได้แต่ร้องถามขึ้นว่า
“นี่พวกคุณยังจะนำเสื้อผ้าเก่ากลับไปทำไมอีก”
หลินเมิ่งหานตอบกลับมาทันที“ฉันไม่ได้เสียดายเงิน แต่ไม่อยากทิ้งของส่วนตัวไว้ที่นี่ ”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจเพราะรู้ว่าหลินเมิ่งหานนั้นเกลียดสถานที่แห่งนี้ เพราะมันเป็นเบ้านของนางมารเย่ซิงเฉินนั่นเอง..
ถังเมิ่งเองก็สังเกตเห็นว่าทั้งหลินเมิ่งหานและเหยาลู่ต่างก็ดูอารมณ์ไม่ดีจึงหันไปคุยเรื่องอื่นกับหลิงหยุนแทน
“นี่พี่หยุน..มายากลที่พี่แสดง และถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์เจียงหนานถูกแบนไปแล้วนะ ตอนนี้คลิปทั้งหมดในอินเทอร์เน็ตก็ถูกลบทิ้งหมดภายในคืนเดียว..”
“ห๊ะ!เพราะอะไร? ใครกันเป็นคนทำ?” หลิงหยุนร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ
ถังเมิ่งยิ้นขื่นในขณะที่ตอบกลับไปว่า“ไม่ใช่ใครที่ใหนหรอก.. ลุงหลี่นี่ล่ะ! แต่ดูเหมือนลุงหลี่จะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเบื้องบนมาอีกที.. แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามถามยังไง ลุงหลี่ก็ไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง..”
ลุงหลี่ที่ถังเมิ่งพูดถึงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลี่ยี่เฟิง!
อาปิงหันมายิ้มให้พร้อมกับออกความเห็น“ก็คลิปของพี่สร้างแรงสั่นสะเทือนมากมายขนาดนั้น แม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีใครสามารถอธิบายมายากลของพี่ได้!”
จุดประสงค์ของการแสดงมายากลครั้งนี้หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการบอกศัตรูของเขาให้ไปเจอกันที่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงเท่านั้น ในเมื่อบรรลุจุดประสงค์แล้ว หลิงหยุนก็ไม่สนใจอะไรนัก..
แต่เมื่อได้ยินถังเมิ่งพูดถึงหลี่ยี่เฟิงหลิงหยุนจึงถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ลุงหลี่ไปปักกิ่งไม่ใช่เหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลิงหยุนยังจำได้ว่ากังหลิวหย่งเคยกระซิบบอกถังเมิ่งว่าหลี่ยี่เฟิงถูกสั่งให้ไปในพื้นที่โซนแดงในปักกิ่ง!
ถังเมิ่งตอบกลับมาทันที“ยังไม่กลับ.. ลุงหลี่แค่โทรมาบอกฉันว่าให้บอกเรื่องนี้กับพี่!”
ระหว่างที่พูดนั้นถังเมิ่งก็แอบยักคิ้วให้หลิงหยุนเป็นอันรู้กันว่าเรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะพูดต่อหน้าคนอื่น..
ผ่านไปครู่หนึ่ง..ถังเมิ่งก็ทำตาโตพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “พี่หยุน.. เรื่องที่พี่สั่งให้ฉันกว้านซื้อที่ดิน ฉันบอกพ่อกับลุงหลี่เมื่อวานนี้แล้ว ลุงหลี่เห็นด้วย และบอกกับฉันว่าให้รอเขากลับจากปักกิ่ง แล้วจะมาจัดการเรื่องนี้ให้เอง!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับร้องออกมาอย่างดีใจ“เป็นข่าวที่ดีมาก! ถ้างั้นนายก็ไปเตรียมการได้เลย ระหว่างนี้ก็ปรึกษาลุงซ่งไปก่อน!”
“พี่หยุน..ฉันเองก็มีเรื่องจะบอกพี่! ฉันไม่อยากรบกวนลุงซ่งแล้ว เขาเองก็ต้องยุ่งกับธุรกิจค้าของเก่าของตัวเอง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเราก็ขยายใหญ่โตมากขึ้น ฉันว่าจะเริ่มหาทีมงานมืออาชีพมาช่วย..”
“แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังประกาศรับสมัครผู้จัดการที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงนอกจากจะให้เขาช่วยบริหารทรัพย์สินของพี่แล้ว ก็ยังจะให้ช่วยบริหารจัดการกับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากกู่เหลียนเฉิงด้วย..”
หลิงหยุนรีบโบกมือให้ถังเมิ่งหยุดพูด“เลิกพูดเรื่องนี้กับฉันได้แล้ว ทุกอย่างฉันสอนนายไปหมดแล้ว!”
ไม่น่าเชื่อว่าในเวลานี้ธุรกิจของหลิงหยุนเจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้!
หลังจากนิ่งเงียบไปนานจู่ๆ ถังเมิ่งก็ถอนหายใจ และพูดขึ้นมาว่า “พี่หยุน.. ตอนนี้ทุกคนเอาแต่อยู่ในบ้าน ไม่มีใครกล้าออกไปใหนเลย..”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เบา“อีกไม่นาน.. จิงฉูจะกลับสู่ความสงบเหมือนเดิม..”
เมื่อรถแล่นมาถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนกู่เฟิงและถนนจิงฉี หลิงหยุนจึงร้องสั่งว่า “เจสเตอร์.. เลี้ยวขวา!”
แต่จู่ๆเสียงเหยาลู่ก็ตะโกนสวนขึ้นมาจากด้านหลัง “ไม่.. ตรงไป!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“คลินิกพังราบไม่เหลืออะไรแล้ว อย่าไปดูเลยจะดีกว่า!”
เหยาลู่ร้องบอกอย่างดื้อดึง“หลิงหยุน.. ฉันอยากไปดูด้วยตาตัวเอง!”
หลิงหยุนจึงร้องสั่งเจสเตอร์“เจสเตอร์.. ตรงไป!”
ทันทีที่ไปถึง..เหยาลู่ก็เปิดประตูลงไปดูทันที หลิงหยุนจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา และได้แต่บอกกับตัวเองว่า ‘ความเสียหายครั้งนี้ ข้าต้องให้ซือกงวู่จี๋ชดใช้!’
เหยาลู่เดินเข้าไปดูด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้มหลิงหยุนที่ตามลงมาต้องช่วยพยุงร่างของเธอไว้พร้อมกับถ่ายเทพลังชี่เข้าไปในร่างกายให้ แล้วพูดขึ้นว่า
“เหยาลู่..เป็นความผิดของผมเอง ผมปกป้องคลินิกของเราไว้ไม่ได้ คุณตำหนิผมเถิด!”
เหยาลู่ส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากและตอบหลิงหยุนไปว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ.. ความจริงคุณเองก็ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะใจร้ายถึงเพียงนี้..”
“แล้วพยาบาลหญิงอีกสามคนล่ะ..พวกเธอปลอดภัยดีใช่มั๊ย”
หลิงหยุนตอบกลับไปพร้อมกับกัดฟันแน่น“ทุกคนปลอดภัยดี.. เว้นแต่พนักงานหญิงสองคนที่ร้านเสื้อผ้า ถูกระเบิดและไฟคลอกตาย!”
“เหยาลู่..กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า! ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ หนี้เลือดครั้งนี้ผมต้องคิดบัญชีกับพวกมันอย่างแน่นอน” ………..
ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามา..หลิงหยุนก็พบว่าที่หน้าบ้านเลขที่-1 นั้นมีคนยืนรออยู่มากมาย เริ่มจากฉินตงเฉี่วยที่อยู่ด้านหน้า ตามมาด้วยหนิงหลิงยู่ ไป๋เซียนเอ๋อ เกาเฉินเฉิน เสี่ยวเม่ยหนิง เหมี่ยวเสี่ยวเหมา แม้กระทั่งฉีเสี่ยวชิง..
และแทบไม่รอให้รถหยุด..หนิงหลิงยู่ ไป๋เซียนเอ๋อ และเสี่ยวเม่ยหนิงก็กรูเข้าไปที่รถพร้อมกับร้องเรียกหลิงหยุนทันที
“พี่ใหญ่..”
“พี่หลิงหยุน..”
และคนที่เร็วที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็นไป๋เซียนเอ๋อทันทีที่หลิงหยุนเดินลงมาจากรถ นางก็โผเข้าหาอ้อมแขนของหลิงหยุนทันที หลิงหยุนยิ้มอบอุ่นพร้อมกับกระซิบว่า
“เซียนเอ๋อ..เวลากลางวันเช่นนี้ เจ้าไม่ควรออกมาให้ใครพบเห็นเข้า!”
ไป๋เซียนเอ๋อตอบโต้กลับไปทันที“พี่หลิงหยุน.. ไม่เห็นต้องกลัวใครเห็นเลย รอบๆบ้านก็มีแต่บ้านของเราเอง ใครจะมาเห็นข้าได้!”
ฉินเตงเฉี่วยที่อยู่ในชุดกระโปรงสีขาวกลับเดินตรงเข้าไปจับมือเหยาลู่กับหลินเมิ่งหานพร้อมกับถามขึ้นด้วยความห่วงใย
“เมิ่งหาน..เหยาลู่.. สองวันนี้พวกเจ้าคงลำบากมากเลยสินะ!”
หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่รีบร้องบอกทันที“น้าหญิงคะ.. พวกเราไม่ระมัดระวังตัวเอง ทำให้ทุกคนต้องลำบากไปด้วย..”
จากนั้นฉินตงเฉี่วยจึงเดินนำทุกคนเข้าไปในบ้านและร้องบอกทุกคนให้เตรียมตัวทานอาหารเที่ยงด้วยกัน
ทางด้านหลิงหยุนที่ยืนอยู่กับถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู๋ และอาปิงนั้น จู่ๆก็ยกมือขึ้นตบไหล่ตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เสี่ยวอู๋..ฉันมีของมาฝากนายด้วย! ตามฉันไปที่สวนหน้าบ้านเร็วเข้า”
ตี้เสี่ยวอู๋เดินตามหลิงหยุนออกไปด้วยความตื่นเต้นดีใจหลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว ถังเมิ่งก็ร้องออกมาด้วยความเสียใจ ในขณะที่อาปิงก็ผายมืออกและพูดออกมาอย่างขมขื่นเช่นกัน
“เห็นรึยัง..ฉันบอกนายแล้วว่าพี่หยุนสนิทกับเสี่ยวอู๋ที่สุด นายเชื่อฉันรึยัง”
จากนั้นอาปิงกับถังเมิ่งก็วิ่งตามไป..
ที่สวนด้านนอกหลิงหยุนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ และเรียกพลองม่วงทองของเฉินเจี้ยนห่าวที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบเซ็นติเมตรออกมาจากแหวนพื้นที่!