หนิงเหยี่ยนมองหน้าเซียวจิ่ง จากนั้นก็หันไปมองชายคนนั้นและหรี่ตาลง ชายคนนั้นคอหดทันทีเมื่อเห็นท่าทางของหนิงเหยี่ยน เขาฝืนยิ้มกล่าวว่า “ผู้กำกับหนิง ช่างบังเอิญจริงๆ”
“ผู้กำกับจ้าว คุณมาที่นี่ทำไมเหรอ” หนิงเหยี่ยนมองชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มนิดๆ ทันใดนั้นเขาก็ล็อกประตูห้อง มองไปที่กล้องในมือชายคนนั้น แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ “อย่าบอกนะว่าคุณมีธุระต้องเดินทางมาที่นี่”
จ้าวหยางซึ่งกำลังพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองรีบพยักหน้า “ใช่ ผมบังเอิญมาเที่ยวปารีส ช่างบังเอิญจริงๆ ที่เราได้พบกันที่นี่! ผู้กำกับหนิง ผมคิดว่าคุณเซียวคงเข้าใจผมผิด เขา…”
“เขาเข้าใจคุณผิดเหรอ ขอผมดูกล้องคุณหน่อยสิ” หนิงเหยี่ยนยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด โดยมีประกายเย็นเยียบวาววับไปทั่วดวงตา เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเหยี่ยน จ้าวหยางก็รีบบอกว่า “ผู้กำกับหนิง ในกล้องผมมีแค่ภาพถ่ายทิวทัศน์ ฝีมือการถ่ายภาพของผมก็ไม่ดีเท่าคุณ คุณไม่จำเป็นต้องดูหรอก”
หนิงเหยี่ยนตะคอก “ผมจะดูหรือไม่ดูไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณตัดสินใจ”
หนิงเหยี่ยนเอื้อมมือไปคว้ากล้องของจ้าวหยาง ทันใดนั้นจ้าวหยางก็ผลักหนิงเหยี่ยนออกไป และหันหลังกลับพยายามจะหลบหนี เซียวจิ่งคว้าคอเสื้อด้านหลังของจ้าวหยางไว้ ลากเขากลับมา แล้วผลักเขากระแทกลงกับพื้น ขณะกล่าวอย่างเย็นชา “ผมอนุญาตให้คุณไปหรือยัง คุณนี่ไร้มารยาทจริงๆ จะมาก็มาโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วตอนนี้คุณก็กำลังทำให้ผมหมดความอดทน ด้วยการจะไปโดยไม่บอกกล่าวอีก”
โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว หนิงเหยี่ยนสะดุดล้มลงจากการผลักของจ้าวหยาง เขาจึงบันดาลโทสะ พุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อจ้าวหยาง และกล่าวอย่างดุดัน “จะส่งกล้องมาให้ฉันดีๆ ตอนนี้ หรือยากเจ็บตัวก่อน”
“ผมโทรแจ้งตำรวจไว้แล้วตอนเข้ามาในโรงแรม ตอนนี้ตำรวจคงมาถึงโรงแรมแล้ว คุณกำลังกักขังหน่วงเหนี่ยวผม! มันผิดกฎหมาย! หนิงเหยี่ยนนี่คุณอยู่ในปารีสนะ! คุณคิดว่าตัวเองยังมีอิทธิพลเหมือนตอนอยู่ที่เมือง A เหรอ ผมจะบอกให้นะ ถึงคุณจะอยากดูรูปถ่ายในกล้องผม คุณก็ต้องได้รับความยินยอมจากผมก่อน!” จ้าวหยางจ้องมองหนิงเหยี่ยนอย่างท้าทาย และแสยะยิ้มยิงฟัน “คุณจะทำอะไรผมได้”
“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิตคือการข่มขู่” หนิงเหยี่ยนกล่าวเสียงเรียบ และถอยออกไปสองก้าว เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหนิงเหยี่ยน จ้าวหยางก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ขณะที่หนิงเหยี่ยนพุ่งเข้าไปชกหน้าเขา เขาล้มลงด้วยแรงกระแทกอย่างแรง จากนั้นหนิงเหยี่ยนก็กระโดดขึ้นคร่อมร่างเขา แล้วเริ่มชกหน้าเขาไม่ยั้ง
จ้าวหยางไม่มีแรงตอบโต้ ทำได้เพียงแค่กรีดร้อง “นี่มันผิดกฎหมายนะ!”
“ใช่ แล้วไงล่ะ!” หนิงเหยี่ยนตะคอก “แกไม่รู้หรือว่าฉันมีเพื่อนมากมายในปารีส!”
เซียวจิ่งเฝ้าดูหนิงเหยี่ยนซ้อมจ้าวหยางอย่างดุเดือด เขาสบถแล้วดึงหนิงเหยี่ยนออกมา “ใจเย็น อย่าซ้อมเขาถึงตาย”
จ้าวหยางถูกหนิงเหยี่ยนชกจนเกือบหมดสติ เขามองหน้าเซียวจิ่ง ยิ้มเยาะและกล่าวอย่างอ่อนแรง “ตำรวจมาแล้ว พวกเขาจะจับกุมพวกคุณ!”
“จับกุมฉันเหรอ” หนิงเหยี่ยนตะคอก “แล้วถ้าฉันโยนแกลงไปจากห้องฉันล่ะ ฉันจะบอกตำรวจว่าแกพลัดตกลงไปเอง แกคิดว่าพวกเขาจะเชื่อฉันไหม”
“แก!”
เซียวจิ่งตบไหล่หนิงเหยี่ยน “เฮ้ อย่าหุนหันพลันแล่นอย่างนี้สิ ถึงนายจะอยากฆ่าเขา แต่จะฆ่าในโรงแรมไม่ได้” จากนั้นเขาก็ต่อสายโทรศัพท์ และพูดในโทรศัพท์ว่า “ฉันเพิ่งจับผู้ชายคนหนึ่งได้ และเอาตัวเขาเข้ามาในห้องหนิงเหยี่ยน หนิงเหยี่ยนซ้อมเขาจนเกือบตายแล้ว ผู้ชายคนนี้โทรบอกตำรวจไว้ และตำรวจมาที่โรงแรมแล้ว ช่วยฉันแก้ปัญหาหน่อย”
“ตกลง” จากนั้นเซียวจิ่งก็วางสาย เขายิ้ม นั่งลงตบแก้มจ้าวหยาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “แกโง่หรือเปล่า ร่วมมือกับหวังปัวจัดฉากใส่ร้ายหนิงเหยี่ยนได้ยังไง ถ้าแกสารภาพกับหนิงเหยี่ยนตั้งแต่ตอนที่ถ่ายรูปเขาเมื่อเช้านี้ เขาอาจให้เงินแกก้อนใหญ่ด้วยซ้ำ ทำไมแกถึงโง่ขนาดนี้ ที่เลือกเป็นศัตรูกับหนิงเหยี่ยน”
จ้าวหยางนอนนิ่งเงียบอยู่บนพื้น หนิงเหยี่ยนมองลงไป ส่งเสียงคำราม แล้วดึงกล้องออกจากคอจ้าวหยาง เขาเริ่มเปิดดูภาพถ่าย เป็นไปตามคาด ภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นฝีมือจ้าวหยาง หนิงเหยี่ยนกระโจนขึ้นเตะจ้าวหยางอย่างแรง “นี่คือ ‘ภาพถ่ายทิวทัศน์’ ของแกเหรอไอ้อัปรีย์ ฉันเป็นทิวทัศน์ที่แกบอกงั้นเหรอ!”
จ้าวหยางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด แต่ยังคงเงียบกริบ
ในเวลานั้นนั่นเองเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น หนิงเหยี่ยนลุกขึ้นไปเปิด มีตำรวจหลายนายยืนอยู่หน้าประตู หนิงเหยี่ยนอึ้ง “…”
เขาหันกลับไปมองเซียวจิ่ง ซึ่งยักไหล่ ไม่รู้ว่าทำไมตำรวจถึงมาที่นี่ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า
จ้าวหยางมองขึ้นไปเห็นตำรวจก็รีบตะโกน “ช่วยผมด้วย! ได้โปรด!”
ตำรวจมองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง แล้วเดินเข้ามาในห้อง ขมวดคิ้วถามหนิงเหยี่ยน “พวกคุณกำลังทำอะไรกัน”
“ท่านครับ พวกเขากำลังกักขังผม!” จ้าวหยางตะโกน “พวกเขาซ้อมผมและปล้นผม! โปรดจับพวกเขาไปที่สถานีตำรวจ ช่วยผมด้วย! คุณตำรวจเท่านั้นที่ช่วยผมได้! พวกเขาจะฆ่าผม!”
ตำรวจคนหนึ่งหันไปมองหนิงเหยี่ยน “ที่เขาพูดนั่นจริงเหรอ”
“ฮ่า ฮ่า” หนิงเหยี่ยนหัวเราะและกล่าวเบาๆ ว่า “ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ผมก็คงไม่เปิดประตูให้พวกคุณหรอกครับ ผู้ชายคนนี้เป็นนักย่องเบา เขาบุกเข้ามาในห้องผม ขโมยกล้องถ่ายรูปของผม และแอบถ่ายรูปผมด้วย เราเกิดปะทะกันนิดหน่อย ตอนที่ผมพยายามเอากล้องคืน ผมไม่ได้ทำร้ายหรือกักขังเขา!”
เซียวจิ่งลุกขึ้นยืนและยิ้ม “ใช่ครับ ผมพิสูจน์ได้ว่าที่เขาพูดเป็นความจริง ผมเป็นพยานให้เขาได้”
“ท่านครับอย่าไปฟังพวกเขา ผู้ชายคนนี้คือผู้สมรู้ร่วมคิด! พวกเขาเป็น…”
“เอาละ พวกคุณไปสถานีตำรวจกับเรา!” ตำรวจทำหน้าบึ้ง พาทั้งสามคนออกจากห้อง
ขณะหนิงเหยี่ยนกับเซียวจิ่งเดินตามหลังไปนั้น หนิงเหยี่ยนหันไปมองหน้าเซียวจิ่งซึ่งยักไหล่ “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
จ้าวหยางซึ่งมีตำรวจเข้ามาพยุง หันกลับไปมองหนิงเหยี่ยนและเซียวจิ่ง ดวงตาเขาฉายแววพึงพอใจ หนิงเหยี่ยนโมโหจะปรี่เข้าไปชกเขา เซียวจิ่งรีบห้าม และลดเสียงลงกล่าวเบาๆ “ไม่เอาน่า นายจะทำอะไร ชกเขาต่อหน้าตำรวจเหรอ ที่นี่ฝรั่งเศสนะ! เราทำอย่างนั้นไม่ได้! ที่สำคัญที่สุดคือ เขาสะบักสะบอมเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ แต่เราปกติดีทุกอย่าง!”