ตอนที่ 606 อยากจะใกล้ชิดกันอีกนิด / ตอนที่ 607 กวนประสาท

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 606 อยากจะใกล้ชิดกันอีกนิด

 

 

           เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นหัวใจไป๋จิ่งก็หยุดไปเสียดื้อๆ เขาชะงักงันอยู่ที่เดิม กว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาได้ก็หลายนาที

 

 

           เขามองมั่วไป๋อย่างที่ไม่กล้าจะเชื่อได้ ราวกับอยากจะยืนยันให้แน่นอนอีกครั้ง

 

 

           มั่วไป๋เห็นท่าทีตอบสนองของเขา ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน

 

 

           ฉวยโอกาสตอนที่ข้างๆ นี้ไม่มีคน มั่วไป๋โน้มเข้าไปจูบที่มุมปากของไป๋จิ่ง ทำอย่างรวดเร็วเสร็จสรรพก็เตรียมจะออกห่าง

 

 

           ถึงอย่างไรในสถานที่ที่มีผู้คนคับคั่ง มั่วไป๋ยังไม่ได้เปิดเผยถึงขั้นที่เป็นแบบนี้

 

 

           ใครจะคิดขณะที่เขาเพิ่งจะเตรียมถอยออก ไป๋จิ่งก็กักเอวเขาไว้

 

 

           ไป๋จิ่งกดเอวเขาพลางโอบรัดเขา ก่อนจะกดจูบอย่างแนบแน่น เวลาผ่านไปนาน กว่าจะปล่อยได้

 

 

           พอไป๋จิ่งปล่อยมือ มั่วไป๋ก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที เขามองไป๋จิ่งด้วยความเขินอายไม่เบา เดินก้าวใหญ่ไปข้างหน้าหลังจากนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋เขินอาย ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมา รีบยกเท้าเดินตามไปเสียเดี๋ยวนั้น

 

 

           เขาเดินตามมั่วไป๋ไปสองสามก้าว เอื้อมมือไปคว้ามือมั่วไป๋ไว้อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

 

 

           “บอกแล้วว่าจะเดินไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

 

 

           มั่วไป๋มองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดจา แต่มือที่ไป๋จิ่งรั้งไว้กลับกระชับแน่นขึ้น

 

 

           ทั้งสองคนหิ้วของออกมาจากห้างสรรพสินค้า หลังจากนั้นก็ไปตลาดต่อ ถึงอย่างไรลงจากเขามาแล้ว จะได้ซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปสักหน่อยพอดี

 

 

           ไป๋จิ่งจอดรถหน้าทางเข้าตลาด มั่วไป๋เพิ่งจะเตรียมปลดเข็มขัดนิรภัย ไป๋จิ่งก็ยื่นมือมากดไว้

 

 

            เขาเงยหน้ามองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง เขาก็เห็นเพียงแค่คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ โน้มตัวมาช่วยเขาปลดเข็ดขัดนิรภัยออก

 

 

           มั่วไป๋ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ทำตัวเป็นเด็กน้อยเกินพอทีเดียว

 

 

           ไป๋จิ่งปลดเข็มขัดนิรภัยออกเรียบร้อย เขายังไม่ได้ออกไปไหน แต่เข้าไปจูบมั่วไป๋ เวลานี้ถึงได้เปิดประตูลงจากรถไปด้วยอิ่มอกอิ่มใจ

 

 

           กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าไม่ติดว่ายังอยู่ข้างนอก มีหรือจะได้แค่จูบสักหน่อย แน่นอนว่าต้องกอดมั่วไป๋ไว้แล้วจูบอย่างช้าๆ

 

 

           ไป๋จิ่งยิ้มไปด้วย เดินจูงมือมั่วไป๋ไปด้วย

 

 

           เมื่อเทียบกับตอนนี้ การจูบการกอดก่อนหน้านี้ควบคุมอารมณ์ได้มากๆ จริงๆ

 

 

           ก่อนหน้านี้ไป๋จิ่งยังรู้จักเก็บกด ตอนนี้เป็นอย่างไร นัยน์ตาไฟลุกโชน แทบอยากจะตัวติดแนบชิดกับมั่วไป๋อยู่ทุกเวลานาที

 

 

           ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นได้หรือเปล่า แม้แต่ตัวเขาเองถูกไป๋จิ่งมองขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย

 

 

           ทั้งสองคนจูงมือเข้าตลาดไปด้วยกัน มั่วไป๋เข็นรถ ไป๋จิ่งเดินอยู่ข้างๆ เขา พอมือวางแล้วสักพักก็อยากจะโน้มตัวเข้าโอบกอดมั่วไป๋

 

 

           เขามองอยู่ตั้งนานสองนาน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับเอวมั่วไป๋ไว้

 

 

           มั่วไป๋มองเขาอย่างจนใจ “มาเดินตลาดซื้อของก็ต้องใกล้กันขนาดนี้เชียว”

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าตาน่าสงสารมองเขา “ผมอยากจะใกล้ชิดคุณอีกนิด”

 

 

           เมื่อสบสายตาซื่อๆ ของไป๋จิ่ง เพียงชั่วพริบตาเดียวมั่วไป๋ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

 

 

           ขีดจำกัดของพวกนี้ เมื่อทะลุขีดจำกัดไปแล้ว ก็ดึงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว

 

 

           ตั้งแต่ยอมปล่อยให้ไป๋จิ่งกุมมือ ให้เขากอดได้อีกตามอำเภอใจ ขีดจำกัดของมั่วไป๋ก็ค่อยๆ พังทลายลงทีละนิดๆ จนกระทั่งถึงนาทีนี้ก็ยอมปล่อยให้ทำตามอำเภอใจโดยไร้เงื่อนไขแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งโอบเอวมั่วไป๋ไว้ แอบหัวเราะไม่หยุด เขาคิดไปเองว่าตัวเองหัวเราะได้เป็นงานมาก ไหนเลยจะรู้ว่ามั่วไป๋ได้ยินอย่างชัดเจน

 

 

           คนข้างๆ เขาคนนี้ดูเหมือนสติจะไม่ค่อยเต็ม

 

 

           แต่ว่าจะทำอย่างไร…คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึก…ชอบยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

           ไป๋จิ่งเอาใจใส่อาหารการกินของมั่วไป๋เป็นพิเศษ ล้วนยึดตามโภชนาการทั้งสิ้น อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบอาหารที่ดีที่สุดอีกด้วย

 

 

           เขาอยู่เป็นเพื่อนมั่วไป๋ซื้อผลไม้ ขณะเดินผ่านที่ที่ขายไวน์แดง นัยน์ตาประกายเล็กน้อย เขาฉวยโอกาสตอนที่มั่วไป๋ดูของอยู่ไม่ได้สนใจเขา หยิบมือถือออกมาพิมพ์ข้อความส่ง

 

 

           หลังจากนั้นถึงค่อยเก็บมือถือลงอย่างเงียบๆ แล้วเข้าไปเกาะติดอีกครั้ง

 

 

           ทั้งสองคนเดินตลาดกันเกือบจะหนึ่งชั่วโมง ถึงได้หอบหิ้วถุงสองใบเดินออกมา

 

 

           มั่วไป๋คิดว่าไป๋จิ่งจะขับรถกลับไปแล้ว ใครจะคิดว่าไป๋จิ่งไม่ได้กลับขึ้นเขา แต่ขับรถไปถนนคนเดินที่อยู่ข้างๆ นี้แทน

 

 

                                  

 

 

ตอนที่ 607 กวนประสาท

 

 

         เขาเอารถมาจอดอยู่ข้างๆ เสียงต่ำเอ่ยกับมั่วไป๋ “คุณรอผมอยู่ตรงนี้แป๊บเดียวนะ เดี๋ยวผมมา”

 

 

           “อืม” มั่วไป๋ขานรับ นั่งรอเขาอยู่ที่เดิม

 

 

           ไป๋จิ่งเดินเข้าร้านๆ หนึ่ง เพียงไม่นานก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมา ในมือเขาถือไวน์แดงขวดหนึ่งกับเค้กกล่องหนึ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งให้เขาหาถุงอื่นมาใส่ของลงไปแทน

 

 

           หยิบของมาแล้วถึงได้ออกไปจากร้าน

 

 

           เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในตลาด ไป๋จิ่งตั้งใจให้เพื่อนไปเอาไวน์ชั้นดีมาให้ ยังถือโอกาสให้เขาเตรียมเค้กชิ้นหนึ่งให้ด้วย

 

 

           เค้กคือของที่มั่วไป๋ชอบ

 

 

           ส่วนไวน์แดง…ไป๋จิ่งหัวเราะแหะๆ รีบถือของออกไป

 

 

           ไป๋จิ่งเอาของไว้หลังรถ เวลานี้ถึงได้ขึ้นรถไป

 

 

           มั่วไป๋เองก็ไม่ได้ถามว่าเขาไปหยิบอะไรมา ผู้ชายโตๆ กันแล้วสองคนกับเรื่องพรรค์นี้ต้องไม่ถามเซ้าซี้มากขนาดนั้นเป็นธรรมดา

 

 

           ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในความสัมพันธ์เป็นคู่รักกัน แต่ว่าอิสระส่วนตัวก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องการอยู่

 

 

           หลังจากได้ของครบเรียบร้อย เวลานี้ถึงเพิ่งจะได้ขับรถกลับไปยังคฤหาสน์ที่อยู่บนเขา

 

 

           ระหว่างทางมั่วไป๋เอ่ยถามเสียงต่ำ “นายคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ”

 

 

           ตอนแรกเริ่มไป๋จิ่งทำเพื่อจะกักตัวเขากับตัวเอง ถึงได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้อากาศหนาวเกินไป อาศัยอยู่ข้างบนไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สะดวกเท่าที่ควร

 

 

           ไป๋จิ่งเงยหน้ามองข้างนอกพลางเอ่ยเสียงต่ำ “รออีกสักหน่อย อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะลงเขากัน”

 

 

           มั่วไป๋อดจะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “ยังไงกัน ครั้งนี้พูดจาดีๆ ขนาดนี้เชียว” เขายังคิดว่าไป๋จิ่งจะไม่ยอมลงเขาเสียอีก

 

 

           “เดิมทีก็เพื่อจะตามจีบคุณกลับมา ตอนนี้จีบคุณติดแล้ว ไม่พักอยู่ที่นี่ คุณก็หนีไม่ไหวหรอก”

 

 

           มั่วไป๋กุมขมับ รู้สึกว่าตอนนี้ทำไมไป๋จิ่งพูดจาได้กวนประสาทขนาดนี้

 

 

           “เดี๋ยวถึงฤดูใบไม้ผลิ อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว พวกเราค่อยขึ้นไปใหม่ ไปแบบเที่ยวพักผ่อนกันไหม”

 

 

           ก่อนหน้านี้มั่วไป๋ก็คิดอย่างนี้ ฤดูใบไม้ผลิที่นี่คงจะสวยมาก อีกอย่างเขาเองก็ชอบที่นี่ ถ้าต่อไปไม่ได้มาอีก จะมากจะน้อยก็น่าเสียดายทีเดียว

 

 

           “อืม ได้”

 

 

           ขับรถเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ถึงหน้าเข้าคฤหาสน์สักที ไป๋จิ่งจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาให้มั่วไป๋เข้าไปก่อน ข้างนอกหนาวเกินไป

 

 

           มั่วไป๋เอื้อมมือไปเบาะหลังหยิบเสื้อผ้าทั้งหมดที่ซื้อมา ส่วนที่เหลือก็ให้ไป๋จิ่งหยิบเอาเองแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นว่ามั่วไป๋เข้าไปจนได้ เขาก็แอบโล่งใจไปที

 

 

           ตอนนี้ถูกจับเซอร์ไพรส์ได้ก็ไม่เรียกว่าว่าเซอร์ไพรส์แล้ว

 

 

           ข้างในคฤหาสน์ยังอบอุ่นเหมือนเดิมกับตอนที่ออกไป ทั้งสองคนเข้าบ้านมาก็ถอดเสื้อคลุมบนตัวออกทั้งหมด เหลือแค่เพียงเสื้อไหมพรมข้างใน

 

 

           พวกเขาทรมานกันอยู่ข้างนอกขนาดนี้ กลับมาท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว

 

 

           หลังจากมั่วไป๋เปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ วางเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยเอ่ยถามขึ้น “เมื่อคืนกินอะไร”

 

 

           ไป๋จิ่งกะพริบตาปริบๆ มองมั่วไป๋ แสดงท่าทีอยากกิน

 

 

           มั่วไป๋มองบนใส่ มองข้ามไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

           เขาเดินเข้าห้องครัวหยิบวัตถุดิบทำอาหารที่เพิ่งจะซื้อออกมา ไป๋จิ่งถือโอกาสนี้วางเค้กกับไวน์แดง

 

 

           “ทำสเต็กเนื้อไหม” เมนูที่เรียบง่ายที่สุด

 

 

           พอไป๋จิ่งได้ยินว่ามั่วไป๋จะทำอาหาร แน่นอนว่ากินอะไรก็ยินดีมากอยู่แล้ว

 

 

           มั่วไป๋ไม่ทำอาหารให้เขานานมากแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ

 

 

ในที่สุดเขาก็ฟื้นคืนตำแหน่งเมื่อก่อนนี้ในใจของมั่วไป๋เสียที

 

 

ไป๋จิ่งเดินเข้าครัวตามเข้าไป ล้างผลไม้ที่เพิ่งซื้อมาวางใส่จาน

 

 

มั่วไป๋ผูกผ้ากันเปื้อนสีดำ ยิ่งดูขัดผิวขาวเป็นพิเศษ ไป๋จิ่งหัวใจเกร็งแน่น เดินเข้าไปพร้อมเอื้อมมือไปกอดเอวมั่วไป๋เอาไว้

 

 

มั่วไป๋ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ รู้ว่าเจ้าหมอนี่มามุขนี้อีกแล้ว

 

 

ยังดีที่ช่วงนี้ถูกเขากอดจนชิน ไม่มีไม่เคยชินแล้ว

 

 

ไป๋จิ่งหยิบองุ่นที่อยู่ด้างข้างมาวางต่อหน้ามั่วไป๋

 

 

มั่วไป๋อ้าปากกัดเข้าไปทันที