ตอนที่ 608 ถีบตกเตียงแล้ว / ตอนที่ 609 จัดการเรื่องลูกสะใภ้ได้แล้ว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 608 ถีบตกเตียงแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งเองก็ไม่กิน เอาแต่ให้มั่วไป๋กิน มั่วไป๋กินไปสองคำก็ส่ายหัวไม่อยากกินแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งมองดูองุ่นในมือ ยัดเข้าปากของตัวเอง ทันใดนั้นก็ล็อคหัวมั่วไป๋แล้วโน้มเข้าไปใกล้

 

 

           รสขององุ่นตลบอบอวล ใบหน้ามั่วไป๋แดงระเรื่อ เหมือนจะเขินอายอยู่ในที

 

 

           เขาถลึงตาใส่ไป๋จิ่ง แล้วไล่อีกคนออกจากห้องครัวไป

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยากมองมั่วไป๋

 

 

           ‘ครั้งหน้าเขาจะไม่ป้อนแบบนี้แล้วยังไม่โอเคเหรอ เขาไม่อยากออกห่างจากห้องครัว อยู่ข้างนอกกอดไม่ได้แล้ว’

 

 

           ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ รู้สึกว่าตัวเองป้อนองุ่นแล้วขาดทุนมาก

 

 

           เวลาผ่านไปนานแล้วได้แต่มองตาปริบๆ อยู่ข้างๆ ในที่สุดมั่วไป๋ก็ทำอาหารค่ำเสร็จ พอไป๋จิ่งเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปเอาอกเอาใจ

 

 

           มั่วไป๋เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง เห็นแค่เพียงเขายื่นมือไปรับจานจากมือมั่วไป๋ “จะทำอะไรแบบนี้ ให้ผมทำก็โอเคแล้ว”

 

 

           มั่วไป๋มองบนใส่เขาเงียบๆ

 

 

           เขาออกมาก็เห็นไป๋จิ่งวางจานลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ไป๋จิ่งให้เขารอสักครู่

 

 

           มั่วไป๋เห็นไป๋จิ่งรีบร้อนออกไป ไม่รู้ว่าเขาเตรียมอะไรมาอีก

 

 

           เพียงไม่นานไป๋จิ่งก็หิ้วถุงเดินออกมา

 

 

           มั่วไป๋หรี่ตาลงเล็กน้อย ทำไมถึงรู้สึกว่าถุงใบนี้เหมือนไป๋จิ่งจะหยิบมาเมื่อกี้เลยใช่ไหม

 

 

           เขาเงยหน้ามองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง ไป๋จิ่งหยิบไวน์แดงออกมา

 

 

           มั่วไป๋เห็นไวน์แดงขวดนั้น เขาก็กุมหัวแล้ว ไป๋จิ่งเห็นแบบนี้ก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “ร่างกายของคุณไม่ดี ดื่มนิดหน่อยก็โอเคแล้ว”

 

 

           ร่างกายเขาไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ดื่มเหล้าสักหน่อยจะเป็นอะไรไป เขาก็เพียงแค่รู้สึกว่าไป๋จิ่งหยิบไวน์ออกมาแบบนี้ เหมือนว่าจะมีอะไรไม่ค่อยปกติเท่าไหร่แล้ว

 

 

           ‘เจ้าหมอนี่กำลังวางแผนอะไรอีกใช่ไหม’

 

 

           ไป๋จิ่งหยิบแก้วไวน์คอสูงจากด้านข้างมา แล้วเทรินไวน์ลงไป วางลงต่อหน้ามั่วไป๋

 

 

           ทำทุกอย่างนี้เสร็จแล้ว ไป๋จิ่งถึงได้นั่งลงอยู่ตรงข้ามกับมั่วไป๋

 

 

           ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ภายใต้แสงไฟสลัวยังเกิดกลิ่นอายแห่งความห่วงหาอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไป๋จิ่งได้ปรับแสงไฟเป็นสีเหลืองอบอุ่นแล้ว

 

 

           แสงสีนั้นตกกระทบใบหน้าขาวผ่องของมั่วไป๋ ไป๋จิ่งมองอย่างไม่อาจจะละสายตาไปได้

 

 

           ทั้งสองคนจิบไวน์ไปด้วย กินอาหารไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าอะไร จู่ๆ ไป๋จิ่งก็เข้ามาคลอเคลียกอดมั่วไป๋ไว้ในอ้อมอกแล้วก้มหน้าลงประกบจูบ

 

 

           รสแอลกอฮอล์ทำให้ประสาทการรับรู้ของมั่วไป๋ชา บวกกับบรรยากาศนี้ที่กำลังพอเหมาะพอดี มั่วไป๋ตัดใจปฏิเสธไม่ลง

 

 

           ความอบอุ่นจางๆ ค่อยๆ โอบล้อมไปถึงกลางใจ

 

 

           อุณหภูมิในห้องเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เค้กที่ไป๋จิ่งตั้งใจซื้อกลับมาก็ถูกลืมเลือนไปเสียแล้ว

 

 

           จนกระทั่งถึงเช้าวันต่อมา จู่ๆ ไป๋จิ่งก็ตกใจตื่น เด้งตัวขึ้นมาจากเตียงโดยทันใด

 

 

           ความเล่นใหญ่ของเขาทำเอามั่วไป๋ตกใจตื่น เขามองไป๋จิ่งที่ลุกขึ้นมานั่งพลางเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เป็นอะไรไป”

 

 

           ไป๋จิ่งมองมั่วไป๋ด้วยสีหน้าน่าสงสาร “จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว”

 

 

           “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” มั่วไป๋กุมขมับ เมื่อคืนกว่าทั้งคู่จะนอนได้ก็กลางดึกแล้ว ตอนนี้ตาลืมไม่ขึ้นแล้ว

 

 

           แต่ไป๋จิ่งกลับยังคลุ้มคลั่งอยู่ข้างๆ ทำเหมือนกับว่ามีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           ไป๋จิ่งมองมั่วไป๋ด้วยสีหน้าน่าสงสาร “เมื่อวานผมซื้อเค้กให้คุณ แต่สุดท้ายก็ลืมเอาให้คุณ”

 

 

           มั่วไป๋ขมวดคิ้วมองไป๋จิ่งสามวินาที แล้วยกเท้าถีบไป๋จิ่งลงจากเตียงไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดทันทีหลังจากนั้น

 

 

           ไป๋จิ่งไม่ได้ทันระวัง ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น เขาทำหน้างุนงงมองมั่วไป๋ที่กลับไปนอนหลับต่อ แล้วมองตัวเองที่ร่วงลงพื้น

 

 

           หยุดชะงักไปไม่กี่วินาที เขาก็ปีนขึ้นเตียงอย่างน่าเวทนา

 

 

           ครั้งนี้ไป๋จิ่งไม่กล้าจะปากมากแล้ว แทรกตัวเองเข้าใต้ผ้าห่ม กอดมั่วไป๋แล้วนอนหลับต่อทันที

 

 

 

 

          ตอนที่ 609 จัดการเรื่องลูกสะใภ้ได้แล้ว

 

 

           ขณะที่ไป๋จิ่งกอดมั่วไป๋อยู่ เขาก็ถอนหายใจไปพลาง รู้อย่างนี้เมื่อวานควรจะหยิบเค้กก่อนถึงจะถูก…

 

 

           ……

 

 

           ลี่เจินโทรหาไป๋จิ่งอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งก็เป็นคำถามเดียวคำถามเดิม

 

 

           ‘เมื่อไหร่เธอถึงจะได้มีลูกสะใภ้สักที’

 

 

           เพิ่งจะเริ่มแรกไป๋จิ่งพยายามจะหลบหลีกบ่ายเบี่ยง กลัวลี่เจินจะถามคำถามนี้

 

 

           แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนี้เขามีลูกสะใภ้แม่อยู่ในอ้อมกอด ความมั่นใจมาเต็มขั้น

 

 

           พอตื่นขึ้นมา ไป๋จิ่งก็โทรหาลี่เจินด้วยความร้อนรนทนไม่ไหว ตอนนี้เขาเป็นคนมีคู่อย่างเปิดเผยได้แล้ว

 

 

           ลี่เจินรับสายแล้วก็เอ่ยถามทันที “เจ้าเด็กแสบ บอกว่าจะพาลูกสะใภ้มาให้แม่ภายในหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ นี่ก็สองสัปดาห์กว่าๆ แล้ว ลูกทำตัวพึ่งได้สักหน่อยจะได้ไหม”

 

 

           ถ้าเป็นตามปกติเท่าที่เคยเป็นมา ไป๋จิ่งจะโดนลี่เจินต่อว่าจนพูดไม่ออกสักประโยคแล้ว

 

 

           แต่จะทำอย่างไรได้วันนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว

 

 

           รอจนลี่เจินพูดจบแล้ว ไป๋จิ่งก็หัวเราะแหะๆ สองเสียง เก็บอาการไว้ไม่ได้จริงๆ

 

 

           ลี่เจินได้ยินเสียงของไป๋จิ่งก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ต่อให้ลูกชายจอมซื่อบื้อของเธอต่อให้หน้าหนาขนาดไหน ก็ไม่มีทางจะหัวเราะออกมาในเวลาแบบนี้ได้

 

 

           จะมีเพียงความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นก็คือ…

 

 

           ‘จัดการเรื่องลูกสะใภ้ได้แล้วเหรอ’

 

 

           ลี่เจินรีบถามไถ่ในทันใด “ตามจีบติดได้แล้วใช่ไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งถือมือถือไว้ เขาหุบยิ้มไว้ไม่อยู่หยุดหัวเราะไม่ได้ แค่พยักหน้าไม่พูดจา

 

 

           ลี่เจินในปลายสายร้อนใจจนไม่ไหว แทบอยากจะวิ่งเข้าไปตอนนี้เลย

 

 

           “ลูกอย่าหัวเราะอีกได้ไหม ตกลงว่าจีบติดหรือว่าจีบไม่ติด ลูกคิดจะทำให้แม่ร้อนใจตายหรือไง”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นว่าถ้าตัวเองยังไม่พูดอีก คาดว่าแม่เขาต้องบินมาเฆี่ยนเขาแน่ เพราะแบบนี้จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “ครับ สองวันนี้ผมจะพามั่วไป๋ไปหาแม่นะครับ”

 

 

           พอลี่เจินได้ยินเธอก็หุบยิ้มไว้ไม่อยู่ทันที “ใช้ได้ๆ ลูกนี่ยังมีประโยชน์อยู่จริงๆ ถือว่าง้อลูกสะใภ้แม่กลับมาได้แล้ว”

 

 

           “พวกลูกจะมาเมื่อไหร่ เอางี้มาตอนนี้เลยไหม อยากกินอะไรแม่จะทำให้พวกลูกกินหมดเลย”

 

 

           มุมปากไป๋จิ่งกระตุกแล้วกระตุกอีก “แม่ แม่ใจร้อนเกินไปหน่อยแล้วมั้งครับ”

 

 

           ลี่เจินมองบนใส่ไป๋จิ่ง “ลูกก็รู้ว่าแม่รอวันนี้มานานแค่ไหนไม่ใช่เหรอ”

 

 

           เธอคิดมาตลอดว่าไป๋จิ่งลูกชายจอมซื่อบื่อคนนี้จะโสดหาเมียไม่ได้ไปทั้งชีวิตนี้

 

 

           “มั่วไป๋กำลังนอนหลับอยู่ รอเขาตื่นก่อน ผมกับเขาจะหารือกันครับ”

 

 

           “ลูกก็รู้จักลิมิตบ้างนะ อย่าให้ลูกสะใภ้แม่ต้องเหนื่อย ระวังกลับมาจะโดนแม่เอาแส้ฟาด”

 

 

           ไป๋จิ่งไม่รู้ว่าคิดถึงอะไรอยู่ เขาอดจะยิ้มหัวเราะออกมาไม่ได้ เขากลัวแม่เขาจะได้ยินเข้า จึงรีบพูดสองประโยคแล้ววางสายลง

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งวางสายแล้ว ลี่เจินดีใจจนหุบยิ้มไว้ไม่อยู่ ดีสุดๆ ไปเลย ในที่สุดเธอก็มีลูกสะใภ้แล้ว

 

 

           เมื่อลี่เจินคิดถึงเรื่องนี้ เอารอยยิ้มบนใบหน้าไม่ลงเลยสักนิด

 

 

           ……

 

 

           มั่วไป๋นอนหลับยาวไปถึงช่วงบ่าย ระหว่างนี้ไป๋จิ่งกลัวว่าเขาจะหิว จึงตั้งใจอุ่นนมส่งเข้ามาให้

 

 

           เสียแรงเรียกปลุกคนให้ตื่นอยู่ตั้งนาน ดื่มนมแล้วก็นอนหลับต่อไป

 

 

           เรื่องเมื่อคืนวาน ไป๋จิ่งเองรู้สึกผิดในใจ ยิ่งไม่กล้ารบกวนมั่วไป๋เข้าไปอีก

 

 

           มั่วไป๋ไม่ตื่น เขาก็ไม่มีอะไรอยากกิน

 

 

           ต้มบะหมี่ไปกินไปสองคำ ก็เผ่นแน่บกลับขึ้นเตียงไปนอนกอดมั่วไป๋ต่อ

 

 

           จนกระทั่งเวลาร่วงเลยมาถึงบ่ายสี่โมงเย็น มั่วไป๋รู้สึกตื่นขึ้นมาได้เสียที พอลืมตามาก็อยู่ในอ้อมกอดของไป๋จิ่งแล้ว

 

 

           เขาดึงมือของไป๋จิ่งออก จึงได้พบว่าอีกฝ่ายกอดเขาแน่นมากทีเดียว

 

 

           เสียแรงอยู่ตั้งนานสองนาน กว่าจะดึงมือของไป๋จิ่งออกได้ มั่วไป๋ดึงผ้าห่มเปิดออก เดินเท้าเปล่าลงไป

 

 

           เขายืนอยู่ในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา

 

 

           ช่วงเอวเกร็งโดยฉับพลัน ไป๋จิ่งเอื้อมมือมาโอบเอวมั่วไป๋จากด้านหลัง คางเกยอยู่ที่ไหล่ของมั่วไป๋

 

 

           “ตื่นแล้ว?”

 

 

           ไป๋จิ่งพยักหน้า ไหล่มั่วไป๋สั่นตามไปด้วย

 

 

           เขาเองก็ไม่ได้ให้ไป๋จิ่งปล่อย เขาเช็ดน้ำบนใบหน้าจนสะอาดเกลี้ยงเกลาอยู่ในท่านี้